‘หมอยุง’ นักร้องสาวน้ำเสียงหวานละมุน ผู้เลือกทำตามเสียงหัวใจตัวเอง

5 Min
1892 Views
09 Dec 2022

“เพราะฉันรอเธอนั้นมานาน แต่เหมือนว่าเธอไม่สนใจ ไม่เคยจะรู้ ทั้งหัวใจของคนไกลไกล รักเธอไปหมดแล้ว”

หลังจากอัลกอริธึมยูทูบรันเพลงนี้ขึ้นมา ทำให้แคนดี้ต้องหยุดทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังเสียงที่ฟังแล้วดูสวย หวาน ละมุนนี้อย่างจริงจัง ถึงกับต้องหาว่านักร้องสาวคนนี้คือใครกัน เพราะนักร้องเพลงหน้าใหม่ที่มาสไตล์การร้องโชว์เสียงใสๆ นุ่มๆ มากับเพลงป๊อปฟังสบายแบบ easy listening ในยุคนี้นั้นไม่ค่อยมีมากนัก

แคนดี้จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘หมอยุง’ ขนิษฐา เจนพิชัย ศิลปินเบอร์แรกๆ จากค่าย NO1R (อ่านว่า นัวร์) ที่ได้รับการทาบทามเข้าค่ายจากการร้องเพลงคัฟเวอร์ลงช่องยูทูบของตัวเอง ตามแพชชั่นที่ชื่นชอบในการร้องเพลง พอมีฐานแฟนคลับเป็นของตัวเองประมาณหนึ่ง ค่ายนัวร์ก็ได้มาเห็นประกายความงามในเนื้อเสียงของเธอ จึงชักชวนมาเทรนจนหมอยุงได้เดบิวต์กับซิงเกิลแรก ‘คนไกลไกล’ ในที่สุด

แนะนำตัวให้ชาวแคนดี้ได้รู้จักหมอยุงหน่อย

ความจริงชื่อตั้งแต่แรกเกิดเลยชื่อว่า ‘หญิง’ นะคะ แต่พอเข้ามหา’ลัย มีรุ่นพี่ที่มหา’ลัยคนหนึ่ง เขาบอกว่าเราตัวเล็กเหมือนยุงเลย ตั้งแต่นั้นเพื่อนๆ ในกลุ่มทุกคนก็เลยเรียกเราว่ายุง แล้วตอนทำช่องยูทูบก็ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่ออะไรดี ชื่อหญิงก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษยาก ก็เลยลองใช้ชื่อ ยุง แล้วกัน กลายเป็นยาวมาจนถึงตอนนี้เลย ซึ่งบางคนเขาจะไม่เชื่อว่าเราชื่อนี้นะ คนอะไรจะชื่อยุงในประเทศนี้ (หัวเราะ)

แล้วที่ทุกคนเรียกว่า ‘หมอ’ หมายความว่าเป็นหมอจริงๆ ใช่ไหม

ใช่ค่ะ อีกอาชีพหนึ่งคือเราเป็นทันตแพทย์ เพราะตอนเด็กๆ ช่วงมัธยมเราอยากเรียนสายหมอ แต่ไม่ได้อยากเป็นหมอที่เป็นแพทย์ เลยเลือกเรียนทันตแพทย์แทน

ค่อนข้างช็อตฟีลนะ แล้วความอยากเป็นนักร้อง หรือศิลปินมาได้อย่างไร

(หัวเราะ) คิดว่ารู้ตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอนเราอยู่คนเดียวเวลาเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาเราจะรู้สึกมีความสุข ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมเราก็ร้องเพลงให้เพื่อนฟัง เขาก็บอกว่าเราร้องเพลงเพราะนะ เราก็คิดว่า “เฮ้ย จริงเหรอ” เลยร้องไปเรื่อยๆ ร้องให้เพื่อนประถม มัธยมฟัง แล้วทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเราร้องเพลงเพราะนะ แต่ไม่ได้เป็นสายประกวดอะไร จะมีก็แค่ร้องตามงานโรงเรียน

จนได้เข้าเรียนคณะทันตแพทย์ ที่จุฬาฯ เลยลองไปออดิชั่นเข้า CU Band เพราะไม่อยากทิ้งการร้องเพลง เรายังอยากร้องเพลงอยู่ เลยเริ่มร้องเพลงจริงจังตั้งแต่ตอนนั้น เพราะได้ร้องกับวง Jazz Band ใหญ่ๆ มีส่งคลิปออนไลน์ไปออดิชั่น The Voice สองรอบแต่ก็ไม่ติด ทำเอาเราเสียเซลฟ์เหมือนกันนะ เลยยังไม่ได้มองว่าอยากทำสิ่งนี้เป็นอาชีพ

ตอนนั้นเริ่มทำช่องยูทูบหรือยัง

ต้องเล่าย้อนไปช่วงที่เรียนหมอฟันจบแล้วเราไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด จากที่ปกติชีวิตเราอยู่กับการร้องเพลงมาตลอดแม้จะเป็นแค่งานอดิเรก แต่ตอนไปทำงานช่วงนั้นเราไม่ได้ร้องเพลงเลยประมาณหนึ่งปีได้ ทำให้เริ่มรู้สึกว่าอยากกลับมาทำสิ่งนี้มากเท่าๆ กับการเป็นหมอฟัน เลยตัดสินใจทำช่องยูทูบเพื่อร้องคัฟเวอร์เพลงอย่างจริงจัง ทำไปประมาณ 3 ปี เริ่มมีคนมากดติดตาม มีคนมาฟัง มียอดวิวเยอะมากขึ้น พี่ๆ ในค่าย เขาก็มาเห็นเราจากยูทูบเลยเรียกมาออดิชั่น

คิดว่าเสน่ห์อะไรที่ทำให้ค่าย NO1R มาชักชวนเราไปออดิชั่น

คิดว่าเขาน่าจะชอบสไตล์การร้องของเรานี่แหละ เพราะเราไม่ได้ทำคอนเทนต์อื่นในช่องเลย แล้วเราก็ลองร้องเพลงให้เขาฟังหลายๆ แบบ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างชอบสิ่งที่เราร้องออกมา (ยิ้ม)

มาถึงซิงเกิลเดบิวต์ ‘คนไกลไกล’ เล่าให้ฟังหน่อย กว่าจะมาเป็นเพลงนี้มีที่มาอย่างไร

เพลงนี้ได้พี่ ‘ปอ’ กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ จาก Whal & Dolph มาเป็นคนแต่งเนื้อให้ และมีพี่ ‘กิจ’ กิจจาศักดิ์ ตริยานนท์ หรือ Kijjaz มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ซึ่งพวกเรารู้จักกันอยู่แล้วเพราะพี่เขาเห็นตั้งแต่ตอนเราทำคัฟเวอร์เพลงของ Whal & Dolph เลยชวนไปร้องคอรัสให้ Whal & Dolph มาแล้วด้วย

พอรู้จักกันเลยคุยกันง่าย พี่ปอเขาก็อยากให้เราเล่าเรื่องราวความรักแบบที่เรารู้สึกอิน และอยากเล่าออกไปในซิงเกิลแรก เลยนึกถึงเรื่องหนึ่งที่ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คือเคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง เป็นความรู้สึกแอบชอบที่จะไม่บอกออกไปแน่นอน เพราะรู้สึกว่ามันไกลตัว และเขาไม่น่าชอบเราก็เลยเป็นการแอบชอบของคนไกลๆ พอพี่ปอฟังก็เลยแต่งเป็นเพลงนี้ขึ้น

ตื่นเต้นไหมพอได้ร่วมงานกับ ปอ Whal & Dolph ในฐานะที่เราได้เป็นศิลปินท่านหนึ่งอย่างจริงจัง

พี่ปอเป็นคนเฟรนด์ลี่มาก คุยง่ายเหมือนเป็นเพื่อนกัน เขาสนับสนุนเราเต็มที่มากๆ เขาจะบอกว่า “ทำเลยยุง ลุยเลย” ตอนแต่งเพลงเขาก็รับฟังเราเต็มที่มาก ตอนคุยกัน ตรงไหนไม่ชอบก็บอกเขาได้เลย เขาก็จะแก้ให้เป็นตัวเรามากที่สุด

หลังจากนี้อยากร่วมงานกับศิลปินคนไหนอีก

มีพี่อีกคนคือพี่ ‘แสตมป์’ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่เขาให้โอกาสเรา เรื่องคือช่วงแรกที่เราทำช่องยูทูบ ตอนนั้นยังไม่มีคนติดตามเยอะ ประมาณ 200 กว่าคน แล้วเราร้องคัฟเวอร์เพลงแอบดี ของพี่แสตมป์พอดี แล้วเขาก็เห็นแล้วแชร์คลิปนั้นให้ในช่องของตัวเองทั้งที่เรายังเป็นโนบอดี้มากๆ แต่ยังมาแชร์ให้เรา แล้วเขาก็น่ารักมากเลย หลังจากนั้นก็มาชวนไปคัฟเวอร์เพลงแอบดี เป็น acoustic version ลงในช่องของค่าย 123 Records พี่แสตมป์เป็นเหมือนคุณพ่อเลย แม้ว่าตอนปล่อยซิงเกิลจะไม่ได้คุยกัน แต่ว่าเขาก็มาคอมเมนต์ ในไอจีแทนว่า “สุดยอดครับยุง!”

พอมาเป็นศิลปินแล้ว ก็ยังคงทำงานหมอฟันควบคู่ไปด้วย มี Work-Life Balance อย่างไรบ้าง

เรียกว่าพยายามอยู่ (หัวเราะ) แต่ด้านงานทำฟันเราสามารถเลือกวันได้ว่าอยากทำกี่วัน อาจจะ 4 วันต่อสัปดาห์ เวลาที่เหลือก็มาทุ่มให้กับการทำเพลง หรือวันไหนไม่มีออกงานตรงนี้ก็เข้าคลินิกไปทำฟัน แล้วก็พยายามออกกำลังกายให้ฟิตอยู่ตลอดเวลา ทุกวันนี้ถ้าหยุดก็ต้องออกกำลังกายสักหน่อยโดยการเต้นกับพี่เบเบ้ (หัวเราะ)

ภาพคนข้างนอกเวลาได้ยินว่าใครเรียนหมอก็จะคิดว่า ต้องเครียดแน่ๆ เลย แต่หมอยุงดูชิลมากจริงๆ

เราคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่ ไม่ค่อยยึดติดกับอะไรเลย

ตอนเรียนหมอฟันก็ไม่ได้เครียดมากนะ เพราะเราไม่ได้กดดันตัวเองมาก ก็ทำตามสิ่งที่ได้รับมา มีสอบก็อ่านหนังสือ อะไรที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ก็ช่างมัน

แต่ถ้าสมมติมีเรื่องที่ต้องคิด หรือมีเรื่องเครียดขึ้นมา ถ้าให้จัดการคิดว่าจัดการด้วยการกิน แค่ตื่นมากินอะไรที่เราอยากกินในวันนั้น กับกินกาแฟหนึ่งแก้ว เราก็รู้สึกว่าโอเค ดีขึ้น

อีกเหตุผลหนึ่ง อาจเพราะที่บ้านไม่เคยกดดันให้ต้องเป็นอะไรด้วย อย่างอยากเป็นหมอฟันเราก็อยากเป็นเอง พออยากร้องเพลง ตอนแรกเขาก็จะงงหน่อยเหมือนเราเรียนจบหมอฟันแล้ว งานทำบ้างไม่ทำบ้าง แล้วก็เอาเวลาไปอัดคัฟเวอร์ แต่เขาก็ไม่เคยว่าอะไร เราอยากทำอะไรก็ทำไป แต่เราก็ต้องทำไปถึงจุดหนึ่งจนเขาเห็นว่าเราจริงจังนะ เราดูแลตัวเองได้นะ เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะเราเรียนก็โอเค ทำงานหาเงินเองได้

แต่พอทุกคนเห็นเรามีซิงเกิลก็แฮปปี้ ทุกคนก็กรี๊ดกร๊าด คนที่อินสุดก็จะเป็นแม่ เพราะจริงๆ เหมือนเขาเห็นเราชอบร้องเพลง เขาเชียร์เรามาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว อยากให้เราทำอะไรที่เราชอบ แม่อินกว่าตอนเป็นหมอฟันอีกนะ จะชอบมาเมาท์อวดว่าเราร้องเพลงได้ตั้งแต่สามขวบนะ (หัวเราะ)

คิดว่าการจะเป็นนักร้อง หรือศิลปินในยุคสมัยนี้ยากไหม

ส่วนตัวเรามองว่าสมัยนี้การที่จะมาเป็นนักร้องง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะ สมัยก่อนดูต้องอาศัยค่ายยักษ์ใหญ่อย่างเดียวซึ่งมีไม่กี่ค่าย แต่ตอนนี้พอมีสื่อออนไลน์เข้ามาทุกคนสามารถเป็นดาวได้หมด ไม่ว่าเราอยากเป็นแนวไหน อย่างดาว TikTok ก็มีหลายแนว ตอนนี้เหมือนทุกคนมีความสามารถในตัวเอง แล้วก็มีพื้นที่ให้ขายมันได้เลย

วันก่อนเราไล่ดู TikTok คนหนึ่งที่เขามาทำเลียนแบบเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาลรัฐ เราคิดว่าเขาเก่งมากเลย เพราะเราเคยทำงานอยู่โรงพยาบาลรัฐมาก่อนมันเป็นแบบที่เขาเลียนแบบจริงๆ คือเราสามารถหาความสามารถในตัวเองแล้วก็มีพื้นที่ขายความสามารถนั้นเป็นอาชีพหาเงินได้

แค่หาว่าอะไรคือจุดเด่นของเรา เราอยากทำอะไรก็ทำไป แน่นอนว่าตอนแรกอาจไม่สำเร็จ เพราะตัวเราเองก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่ไม่มีใครมาดู แต่ก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่สำเร็จก็ทำใหม่ ต้องอดทน ถ้าเหนื่อยมากก็พักก่อน แต่อย่าหยุด ซึ่งเรารู้สึกว่าความหลากหลาย หรือคู่แข่งในวงการไม่สำคัญเลย เพราะคนเขาก็เลือกฟังในสิ่งที่เขาชอบ ไม่มีทางที่ใครจะมาชอบเราหมดอยู่แล้ว

เพลงยุคนี้ส่วนใหญ่ก็จะต้องมาพร้อมกับท่าเต้น ซิงเกิลต่อไปหมอยุงจะมีเต้นไหม

ทางค่ายก็คุยกันอยู่ ตอนนี้ปล่อยซิงเกิลแรกไปแล้วเป็นแนว Medium Pop จริงๆ คนในยูทูบที่ฟังเราคัฟเวอร์ เขาชอบเราร้องเพลงเศร้า เพลงช้าๆ ซึ่งก็คิดอยู่ หรือว่าเราจะทำเพลงเศร้าๆ ช้าๆ ดี หรือจะลองทำเป็นเพลงเร็วที่มีเต้นด้วย แต่ก็คิดว่าน่าสนุกทั้งสองอย่าง เพราะตอนออดิชั่นเราก็ร้องเพลงเร็ว เราก็แกะท่าเกาหลีไปเต้นด้วย พี่เขาก็ดูชอบอยู่นะ (หัวเราะ)