8 Min

“Y=C+I+G+NX FROM THEORY TO THE REAL WORLD” เศรษฐกิจของประเทศไทยและเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่

8 Min
85 Views
06 Mar 2024

Gross Domestic Product (GDP)

GDPหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศนั้น เป็นการนับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศเท่านั้น ซึ่งมาจากการรวมกันของรายจ่ายเพื่อบริโภค รายจ่ายเพื่อการลงทุน รายจ่ายของรัฐบาลและรายจ่ายสุทธิของต่างประเทศที่ซื้อสินค้าผลิตในประเทศ

-ธนาคารแห่งประเทศไทย

ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงค์ชาติเป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งแบงค์ชาติก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับGDP บทบาทหน้าที่ของแบงค์ชาตินั้น มีการดูแลเสถียรภาพอยู่3ด้าน ได้แก่ เสถียรภาพการเงิน เสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน และเสถียรภาพระบบการชำระเงิน โดยมีการตั้งเป้าหมายของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโต เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ และเพื่อทำให้เศรษฐกิจมีความเป็นธรรม ไม่เหลื่อมล้ำ เป้าหมายเศรษฐกิจมีเสถียรภาพนั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของแบงค์ชาติ แต่ในบางครั้งเสถียรภาพของเศรษฐกิจอาจถูกกระทบได้ ซึ่งในประเทศไทยนั้นเคยถูกกระทบจากวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ มหาอุทกภัย และวิกฤต COVID-19ซึ่งส่งผลทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยติดลบ ซึ่งปัจจุบันมีเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับปี2567คือเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เสถียรภาพระบบการเงิน เสถียรภาพทางด้านราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปต้องอยู่ในช่วง1-3% ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญปัจจัยกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และ ปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนค่อนข้างต่ำ

-เศรษฐกิจภูมิภาค

ถ้าหากพูดถึงโครงสร้างเศรษฐกิจภูมิภาคในปัจจุบัน 1ใน4ของประเทศและราวครึ่งหนึ่งของผู้มีงานทำอยู่ในภาคเกษตร และ1ใน4ของเศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนโดย3ภูมิภาคได้แก่เหนือ7.7% อีสาน10.3%และใต้7.9% ภาคเกษตรเป็นสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของทั้ง3ภูมิภาค ส่วนภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการนั้นก็มีความสำคัญรองลงมา กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้ง3ภูมิภาคถูกขับเคลื่อนโดยจังหวัดหลัก ภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ภาคอีสานได้แก่นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ภาคใต้ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา และสุราษฎร์ธานี

ซึ่งถ้าหากเน้นย้ำไปยังข้อมูลเศรษฐกิจภาคเหนือนั้น เศรษฐกิจภาคเหนือ ปีพ.ศ.2566 เศรษฐกิจโตประมาณ2-3%เพราะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากผลผลิตเกษตรที่ขยายตัวดี การท่องเที่ยวที่ขยายตัว ผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และภาคการค้าก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวมากขึ้น แต่ในปีพ.ศ.2567 คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงเพราะภัยแล้งเนื่องมาจากภาวะเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตเกษตรหดตัว การท่องเที่ยวที่ยังขยายตัว แต่ชะลอตัวลง ส่วนผลผลิตอุตสาหกรรมยังขยายตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ภาคการค้าก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ก็ยังสามารถขยายตัวมากขึ้นด้วยในปีพ.ศ.2567

พัฒนาการเศรษฐกิจภาคเหนือในช่วง3ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจภาคเหนือเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ชะลอตัวลงในช่วง10ปีหลัง หลังจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วประเทศ ปัจจุบันเศรษฐกิจภาคเหนือได้ฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด เกือบทุกสาขาในระบบเศรษฐกิจกลับมาในระดับที่ปกติแล้ว โดยเฉพาะภาคเกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน โดยการประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือในอีก2ปีข้างหน้า ภาคเกษตรกรรมจะมีสัดส่วน23.7% อุตสาหกรรม15.9% การค้า12.7% การท่องเที่ยว9.6% ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์8.8%ของเศรษฐกิจภาคเหนือทั้งหมด

Consumption(C)

คือมูลค่าการบริโภคของภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปซึ่งรวมค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลทั้งหมดที่เป็นมูลค่าที่เกิดจากการจับจ่ายใช้สอยทั่วไปที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน การบริโภคในประเทศไทยเนื่องจากรายได้ภาคประชาชนฟื้นตัวขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศประกอบกับอัตราการเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้การบริโภคของคนในประเทศเพิ่มขึ้นในปีพ.ศ.2566

-หอการค้า

หอการค้าเป็นสถาบันเอกชนที่กลุ่มบุคคลจัดตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรส่งเสริมการค้า อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การเงิน และเศรษฐกิจ โดยไม่มีการแสวงหาผลกำไร จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ทำให้เห็นว่าหอการค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริโภคหรือconsumptionในระบบเศรษฐกิจด้วย หากพูดถึงหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่นั้น เกิดจากการรวมตัวของนักธุรกิจภายในจังหวัดโดยมีการสนับสนุนของทางราชการ ซึ่งหอการค้ามีพันธกิจหลักอยู่ห้าประการ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เสริมสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ต่อยอดความรู้และประสบการณ์ และพัฒนาองค์กร

เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน ประมาณผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดหรือGPP แบ่งออกได้เป็น ภาคการท่องเที่ยวและบริการ67.8% ภาคเกษตร22.1% ภาคค้าปลีกและค้าส่ง10.1% ซึ่งคาดการณ์ว่า ภาคค้าปลีกและค้าส่งจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆสำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนGDPของเชียงใหม่นั้นอยู่อันดับที่หนึ่งของภาคเหนือและอยู่อันดับที่8ของประเทศ สำหรับภาคการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ในปี2024 อัตราการเข้าพักเฉลี่ย จำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้ทางการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นทั้งหมด สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางมาเชียงใหม่ในปี2024 ส่วนมากจะมาจากประเทศจีน และตามมาด้วยเกาหลีใต้ ไตหวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย ปัจจุบันไทยมีการจัดตั้งโครงการส่งเสริมตลาดผ่าน Thailand Soft Power และเชียงใหม่มีแผนกลยุทธ์การพัฒนาของจังหวัดปีพ.ศ.2566-2570 โดยจะส่งเสริมอุตสากรรมท่องเที่ยว การพัฒนาเกษตรเพิ่มมูลค่า เกษตรแปรรูปมูลค่าสูง และนวัตกรรมอาหาร มีการยกระดับการค้าการลงทุนบนฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การจัดการเชิงรุกปัญหาPM2.5 การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และยังมีการส่งเสริมสังคมคุณภาพอีกด้วย

การบริโภคหรือConsumtionของเชียงใหม่นั้น ในด้านอสังหาริมทรัพย์ มีกลุ่มทุนทั้งทุนท้องถิ่นและส่วนกลางเตรียมลงทุนก่อสร้างคอนโดมิเนียมเพื่อรับรองความต้องการซื้อของตลาดจีน และกลุ่มที่อยู่อาศัยมือสอง ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเชียงใหม่มีคนจีนมาลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ในจังหวัดเป็นจำนวนมาก ส่วนด้านอุตสาหกรรมนั้น อุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์จากพืชและอื่นๆ มีจำนวนมากในจังหวัดเชียงใหม่

Investment(I)

Investment หรือการลงทุน คือการลงทุนของธุรกิจในสินค้าทุนและการใช้จ่ายโดยครัวเรือนเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ก็รวมอยู่ในการลงทุนเช่นกัน

เศรษฐกิจไทยในปี2024 การส่งออกฟื้นตัวและการลงทุนภาคเอกชนมีการฟื้นตัวตามแนวโน้มจากการส่งเสริมการลงทุน และนโยบายของรัฐ แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ต่อเนื่องหลายปี ปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนสถานการณ์โควิดแล้ว แต่ประเทศไทยยังฟื้นตัวช้าติดอันดับรั้งท้ายของโลก ในช่วงไตรมาสที่4 ของปี2023 การลงทุนลดลงอย่างรวดเร็ว อุปทานการผลิตอุตสากรรมหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในปี2024มีการคาดการณ์การลงทุนว่าอาจจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นเมื่อเทียบปี2023ทั้งปี และอีกหนึ่งปัญหาในด้านของภาคธุรกิจ ปัจจุบันมีการฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ธุรกิจขนานเล็กฟื้นตัวช้ากว่าธุรกิจขนาดใหญ่

-การลงทุนในระยะสั้นและระยะยาว

การลงทุนภาคเอกชนในระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับการส่งออกของประเทศ มูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาส1-3 ปี2023มีค่าติดลบ แต่ในไตรมาสที่4 ปี2023 มีการขยายตัวสูงขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยหดตัวเพียง-1% แต่การลงทุนในปี2023ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนในปี2024นั้น การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น 3.7% ทำให้การลงทุนของประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่วนการลงทุนในระยะยาวนั้น ในเศรษฐกิจระยะยาวไทยจะเติบโตช้า การลงทุนเทคโนโลยี และR&Dต่ำ Labor reallocationจะแย่ลง มีการสะสมทุนในประเทศต่ำมาอย่างยาวนาน อัตราการขยายของPotential GDPไทยน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อภาคการลงทุนด้วย ปัจจุบันการลงทุนในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนต่ำ รวมถึงความสามารถในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ และการลงทุนการศึกษาและสาธารณสุขในประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตข้างหน้าการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับดีขึ้น ประเทศไทยจะสามารถดึงดูดต่างประเทศให้มาลงทุนได้มากขึ้น

Government Spending(G)

Government Spending หรือการใช้จ่ายและลงทุนของรัฐ เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลประกอบด้วยเงินเดือนของข้าราชการและเงินลงทุนตามนโยบาลต่างๆ ซึ่งในปีพ.ศ.2565นั้น มีค่าใช้จ่ายรัฐบาลทั้งหมด3,079,816ล้านบาท โดยงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2565ที่ตั้งไว้ในปีพ.ศ.2564 มีวงเงิน3,100,000ล้านบาท ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2566 มีวงเงิน3,185,000ล้านบาท ค่าใช้จ่ายของรัฐที่มีมากที่สุดคือเงินเดือนค่าจ้างบุคลากรภาครัฐ รองลงมาด้วยค่าเสื่อมราคา การบริโภคสินค้าและบริการ และอื่นๆ แต่เมื่อหากแบ่งตามFunctionแล้ว ค่าใช้จ่ายมากที่สุดของรัฐคือด้านการศึกษา หน้าที่หลักของการใช้จ่ายภาครัฐคือการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ผลิตสินค้าและบริการสาธารณะ และกระจายรายได้

ปัจจุบันจำนวนบุคลากรภาครัฐมีประมาณ2.9ล้านคน มีแนวโน้มกำลังคนภาครัฐลดลง ในปีพ.ศ.2562-2565เคยมีความพยายามในการลดจำนวนบุคลากรลงแต่ผลออกมากลับล้มเหลวเพราะมีข้าราชการเพิ่มหนึ่งหมื่นกว่าคนในแต่ละปี รวมถึงมีการปฏิรูประบบราชการแต่ผลออกมาล้มเหลวเช่นกันเพราะหน่วยงานรัฐมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันงบบำนาญของข้าราชการมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ในอีกไม่เกิน10ปี งบบำนาญมีโอกาสจะแซงงบเงินเดือนข้าราชการได้และในปีพ.ศ.2563มีการออกกฎหมายกำหนดสัดส่วนรายจ่ายลงทุน ไม่ต่ำกว่า20%เพราะในช่วงพ.ศ.2553เป็นต้นมา สัดส่วนของรายจ่ายการลงทุนของรัฐลดน้อยลง แต่รายจ่ายประจำของรัฐกลับสูงขึ้น ทำให้มีการออกกฎหมายกำหนดสัดส่วนรายจ่ายลงทุนมา ปัจจุบันสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายประจำของภาครัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

Net Export(NX)

มูลค่าการค้าสุทธิ คือการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการและทุน ข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ Internation Tradeหรือการค้าระหว่างประเทศมีข้อดี คือการสามารถจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินในประเทศไปยังต่างประเทศได้ ได้รู้จักสินค้าและบริการที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ กระตุ้นผู้ผลิตในประเทศให้พัฒนา ผู้บริโภคจะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพในราคาถูก การค้าระหว่างประเทศของไทยกับโลกในปีพ.ศ.2566 มีมูลค่าการค้าประมาณ19,920,941ล้านบาท การส่งออก9,809,007ล้านบาท การนำเข้า10,111,933ล้านบาท ซึ่งทำให้ดุลการค้าติดลบ302,925ล้านบาท อัตราการขยายตัวของมูลค่าการค้า การส่งออก และการนำเข้าในปีพ.ศ.2566มีค่าติดลบ แต่อัตราการขยายตัวดุลการค้ากลับสูงขึ้นในปีพ.ศ.2566 เมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมา

-การค้าเสรี

Free Tradeหรือการค้าเสรี รัฐบาลสามารถกำหนดนโยบายการค้าได้ โดยการออกกฎระเบียบและมาตรการเกี่ยวกับการค้า เช่น ภาษี ปริมาณการนำเข้านำออก เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถปกป้องและกีดกันการค้าได้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 มีการจัดตั้งองค์การการค้าโลกหรือWorld Trade Organization(WTO)เกิดขึ้น ปัจจุบันมีสมาชิก164ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยเข้าร่วมด้วย WTOจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการค้าระหว่างประเทศในระดับพหุภาคี มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการรักษาระบบการค้าพหุภาคี (Multilateral Trading System:MTS) และมีหน้าที่ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของการค้าอย่างราบรื่นเสรีและสามารถคาดหมายได้ กฏเกณฑ์การค้าของWTO เปรียบเสมือนกติกาการค้าของโลก ไทยมีบทบาทในการมีส่วนร่วมสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและWTOเป็นแนวทางนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญของไทย

-ความตกลงการค้าเสรี

ความตกลงการค้าเสรี(Free Trade Agreement:FTA)ถือเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเพื่อทำการลดภาษีศุลกากรระหว่างกันใช้อัตราภาษีที่สูงกับประเทศนอกกลุ่ม ตัวอย่างของFTAเช่น อาเซียน เป็นต้น ซึ่งไทยก็ได้เข้าร่วมFTAด้วย ไทยมีFTAจำนวน15ฉบับ กับ19ประเทศคู่ค้าสำคัญ

 

ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์โควิด การบริโภค ภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน และรายได้ภาคประชาชนฟื้นตัวขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ประเทศไทยจะสามารถดึงดูดต่างประเทศให้มาลงทุนได้มากขึ้น ในส่วนของภาครัฐปัจจุบันมีแนวโน้มว่ากำลังคนของภาครัฐจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทางภาครัฐตั้งใจไว้ มูลค่าการค้าสุทธินั้น อัตราการขยายตัวดุลการค้าสูงมากขึ้น แต่ปัจจุบันปัญหาทางเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ก็มีอีกหลายประการ ดังนั้นจึงต้องมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้าต่อไป

อ้างอิง

-SET.(4 พฤศจิกายน 2564). GDP คืออะไร? ทำไมกระทบตลาดหุ้นทุกที?. https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/333-investhow-gdp

-นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์. (ม.ป.ป.). ทำไม? เราต้องรู้จัก GDP. https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/grow-your-wealth/why-we-must-know-gdp.html?value=partnership-

-วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.(9 ตุลาคม 2565). ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ. https://th.wikipedia.org/wiki/ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

-ธนาคารแห่งประเทศไทย.(สิงหาคม 2566). ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRP). https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/thai-economy/regional-economy/grp_forecast/Northern_GRP_dashboard_2023H2.pdf

-TMMBS.(March 15, 2023).The Domino Effect: Ex| the short-term and long-term impact of a decrease in the GDP.https://tmmbs.co.za/the-domino-effect-exploring-the-short-term-and-long-term-impact-of-a-decrease-in-the-gdp/

-ข่าวกระทรวงการคลัง.(25 เมษายน 2566). ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566. https://www.mof.go.th/th/view/attachment/file/3138373236/

-สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์.(18 ธันวาคม 2566 ). สรุป การส่งออก/นำเข้า/ดุลการค้า .https://tradereport.moc.go.th/TradeThai.aspx

-สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมเเห่งชาติ.(2563).จังหวัดที่มีGDPมากสุดในแต่ละภูมิภาค. https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=gross_regional

 

 “งานเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาMacroeconomic Theory II (751309) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

“เขียนโดย กัญญามาศ สุนทรจารุมาศ”