3 Min

เกิดอะไรในซินเจียง ทำไมจีนถึงแบน ‘มู่หลาน’?

3 Min
1017 Views
17 Sep 2020

Highlight

  • แม้ว่าดิสนีย์จะผลิต ‘มู่หลาน’ เพื่อตั้งใจขายจีนโดยเฉพาะ แต่รัฐบาลจีนระงับการโฆษณา เพราะในหนังขึ้นข้อความขอบคุณพื้นที่ถ่ายทำในซินเจียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวจีนมีปัญหาขัดแย้งกับชาวมุสลิมอุยกูร์มายาวนานหลายศตวรรษ รวมถึงมีหลักฐานการปะทะนองเลือด กักกัน ปรับทัศนคติ และทรมาณชาวอุยกูร์ ซึ่งรัฐบาลจีนต้องการซุกปัญหานี้ไว้ใต้พรม
 
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกระแสบอยคอตภาพยนตร์เรื่อง ‘มู่หลาน’ อย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ เมื่อทีมงานโพสต์สนับสนุนรัฐบาลจีนเกี่ยวกับนโยบายจัดการฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา
 
แต่ทางดิสนีย์ก็ไม่ได้หวั่นไหวมากนัก และแฟนๆ หลายคนก็ทราบว่าในมู่หลานเวอร์ชันภาพยนตร์จะมีการปรับบทและองค์ประกอบหลายอย่างในเรื่องเพื่อตั้งใจ “ขายจีน” โดยเฉพาะ
 
แต่สถานการณ์กลับเกินคาด เมื่อตอนจบของหนัง (End Credit) ขึ้นข้อความขอบคุณพื้นที่ถ่ายทำในเขตปกครองพิเศษซินเจียง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลจีนสั่งแบนการโฆษณาภาพยนตร์ในสื่อต่างๆ
 
คำถามคือ จีน ‘แบน’ เพราะอะไร?
 
จีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก และมีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากกว่า 50 กลุ่ม
 
ซินเจียงเป็นเขตที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีน
 
ชาว “อุยกูร์” ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองราว 3.2 ล้านคนในซินเจียง เป็นกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีข้อขัดแย้งกับรัฐบาลคอมิวนิสต์ของจีนมาตลอดหลายปี
 
เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ผ่านการตั้งค่ายกักกัน บังคับให้เปลี่ยนความเชื่อ ทรมาน ใช้เป็นแรงงาน จนถึงการทำหมันชาวอุยกูร์
 
ความขัดแย้งระหว่างชาวอุยกูร์กับรัฐจีนเป็นปัญหาที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน เนื่องจากในอดีตซินเจียงเคยเป็นจุดเชื่อมระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ที่มีเส้นทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหม ในศตวรรษที่ 14 พื้นที่บริเวณนี้เรียกว่า “เตอร์กิสถานตะวันออก” จนช่วงศตวรรษที่ 19 พื้นที่ซินเจียงถูกผนวกรวมกับแผ่นดินจีนหลังจากอิทธิพลของโลกตะวันตกเข้ามา และต้องการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน
 
พอเข้าปี 1949 จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นคอมมิวนิสต์มีการควบคุมชาวมุสลิมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีดั้งเดิม
 
ในช่วงนั้นมีชาวมุสลิมออกมาเรียกร้องกว่าแสนคน จนนำไปสู่การก่อตั้งกลุ่ม ‘องค์การปลดปล่อยเตอร์กิสถานตะวันออก’ (East Turkistan Liberation Organization : ETLO) และกลุ่ม ‘ขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก’ (East Turkistan Islamic Movement : ETIM)
 
ความขัดแย้งของรัฐบาลจีนกับชาวอุยกูร์เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนพยายามเข้ามาพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจในซินเจียง แต่ชาวอุยกูร์มองว่า จีนต้องการนำชาวจีนเข้ารุกล้ำในพื้นที่
 
ความตึงเครียดได้ปะทุเป็นความรุนแรงครั้งใหญ่ในปี 2009 เมื่อเกิดเหตุปะทะนองเลือดระหว่างชาวอุยกูร์กับชาวจีนฮั่น จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน บาดเจ็บมากกว่า 1,600 คน ถูกจับกุมกว่า 1,500 คน และหลายคนถูกประหารชีวิต
 
ปี 2017 รัฐบาลจีนกักขังชาวอุยกูร์และสมาชิกชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ อย่างน้อย 800,000 คน และอาจจะมากกว่า 2 ล้านคนใน “ค่ายกักกัน”
 
เจ้าหน้าที่ทางการจีนเรียกค่ายนี้ว่าโรงเรียน “ปรับทัศนคติ” หรือ “ฝึกอาชีพ”
 
ประวัติความขัดแย้งที่ผ่านมา รัฐบาลจีนไม่ได้อยากให้ใครมาศึกษาหรือสนใจความขัดแย้งในพื้นที่นี้ ดังนั้น เมื่อเอนเครดิตของภาพยนตร์ ‘มู่หลาน’ ระบุขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ชัดเจน ในแง่หนึ่งมองได้ว่าเป็นการทำให้คนมุ่งความสนใจไปยังพื้นที่ขัดแย้งอีกครั้ง
 
ขณะที่ทางดิสนีย์ก็โดนหนักเช่นกัน เพราะการเลือกใช้พื้นที่ถ่ายทำในซินเจียง หลายฝ่ายมองว่าทีมงาน ‘มองข้าม’ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่ดิสนีย์เองก็เคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศและเชื้อชาติมาโดยตลอด จนทำให้กระแส #boycottMulan ติดเทรนด์โซเชียลมีเดียอยู่นานหลายวัน
 
อ้างอิง:
  • BBC. Disney criticised for filming Mulan in China’s Xinjiang province. https://bbc.in/3htErUd
  • ไทยรัฐ. แบน ‘มู่หลาน’ ยืดเยื้อ พบถ่ายทำในซินเจียง พื้นที่กักขังอุยกูร์. https://bit.ly/3iIYaAA
  • สถานทูตสหรัฐ. ชาวอุยกูร์คือใคร?. https://bit.ly/2FC4bAy
  • ประชาไท. ซินเจียงกับการแก้ไขความขัดแย้ง. https://bit.ly/32w3IZS