เชื่อว่าในแต่ละพื้นที่ล้วนมีของดีประจำถิ่นกันอยู่แล้ว เพียงแต่รอให้เหล่าคนรุ่นใหม่กลับมาต่อยอด และพัฒนาสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้นเพื่อส่งต่อคุณค่าไปสู่คนรุ่นหลัง
‘สุราษฎร์ธานี’ จังหวัดที่มีต้นมะพร้าวจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ ของไทย และอายุของต้นมะพร้าวที่นี่ก็ยืนยาวมากว่า 100 ปี ยิ่งอายุเยอะ มะพร้าวเหล่านั้นก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ รวมถึงประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้สิ่งมีค่าไม่สูญเปล่า ‘TROPICANA OIL’ น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคแบรนด์แรกของไทยที่ได้รับรางวัลการันตีรสชาติระดับโลก จึงค้นหากรรมวิธีในการผลิตที่ใส่ใจคุณภาพ สิ่งแวดล้อม เกษตรกร ชุมชนรอบข้าง และผู้บริโภค
ซึ่งการต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่ให้กลายเป็นสิ่งใหม่อันล้ำค่า ถือเป็นการเริ่มต้นสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น พร้อมทั้งหากได้ควบคู่ไปกับความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม อย่างการนำสิ่งที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาสร้างประโยชน์ (Zero Waste) ด้วยแล้ว ก็จะนำประโยชน์ไปสู่คนในสังคมในวงกว้างได้
“มะพร้าวคือประการสำคัญ ที่ทำให้ผมหันมามองบ้านเกิด” สุรเดช นิลเอก กรรมการผู้จัดการบริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จํากัด กล่าวถึงการกลับมาทำงานที่บ้าน จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่ใครอาจมองว่าไม่สำคัญ เมื่อเวลาผ่านไป โอกาสเข้ามา สิ่งที่ดูเหมือนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คนจำนวนมากได้ เพราะทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าในตัวเอง
เรื่องราวของ TROPICANA OIL จะเป็นยังไง และอะไรคือหัวใจสำคัญในการสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
www.tropicanaoil.com
http://facebook.com/tropicanaoilfanpage
https://instagram.com/tropicanaoil
https://lin.ee/aNBcYnl
อ้างอิง
- TROPICANA OIL. เกี่ยวกับเรา. https://bit.ly/3vHasRO
“มะพร้าวคือประการสำคัญ ที่ทำให้ผมหันมามองบ้านเกิด”
หนึ่งในความฝันของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้คงเป็นการได้ ‘กลับบ้าน’ มาสร้างงาน สร้างอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ บนสิ่งที่มีอยู่ตามท้องถิ่นโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น สิ่งที่ผู้คนมักทำกันคือ เริ่มจากนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
สุรเดช นิลเอก กรรมการผู้จัดการบริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จํากัด เติบโตมาในเขตคลองร้อยสายลุ่มน้ำตาปี สิ่งที่หล่อหลอมเขามาตลอดชีวิตก็คือ ‘มะพร้าว’ แม้ในอดีตเขาจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบริษัทเอกชน จนกระทั่งออกมาทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเกี่ยวกับรองเท้าโด่งดังไปยันต่างประเทศก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับพิษเศรษฐกิจ
ในช่วง พ.ศ. 2533-2534 ได้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf War) ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกทำให้ธุรกิจรองเท้าของสุรเดชเป็นหนี้นับ 10 ล้าน ทางเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้คือการ ‘กลับมาที่บ้านเกิด’ และต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ให้ดีกว่าเดิม
แรงจูงใจที่ทำให้สุรเดชกลับมาทำธุรกิจที่บ้านเกิดนั่นคือ ‘มะพร้าว’ เพราะเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย และเห็นมาตั้งแต่เกิด พร้อมกับความตั้งใจที่ว่า ถ้ากลับมาแล้วนำมะพร้าวไปต่อยอด สิ่งนี้แหละ คือต้นทุนอันล้ำค่า ซึ่งไม่ต่างจากวิกฤตโควิดที่กระทบใครหลายคนในตอนนี้เลย
“เกษตรกรก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมี เพราะตะกอนจากลุ่มน้ำตาปีเป็นปุ๋ยธรรมชาติ”
เสน่ห์ของวัตถุดิบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติต้องยกให้เป็นเรื่องของคุณภาพ ที่มนุษย์เองก็ไม่สามารถสร้างได้
สิ่งสำคัญสำหรับการดูแลต้นมะพร้าวคือแหล่งที่อยู่ มะพร้าวในสุราษฎร์ธานี บริเวณลุ่มน้ำตาปีส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีจำนวนมาก อายุยืนยาว เพราะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์คอยเลี้ยงดู
ซึ่งในบริเวณลุ่มน้ำตาปีมีคาบสมุทรระหว่างอ่าวไทยกับอันดามัน และมีเทือกเขาขวาง 2 คาบสมุทรนี้ ดังนั้นทุกครั้งที่ฝนตก ป่าที่อยู่บนเทือกเขาเหล่านี้จะได้รับอิทธิพลของน้ำทะเล ในฤดูน้ำหลาก น้ำก็จะลงมาจากภูเขา จากปลายแม่น้ำตาปี และจะท่วมบริเวณสวนมะพร้าวอยู่ประมาณ 4 เดือน
การที่น้ำท่วมไม่ได้ส่งผลเสียต่อต้นมะพร้าวแต่อย่างใด กลับสร้างผลดีที่มนุษย์เองก็สร้างไม่ได้ นั่นคือ น้ำจะท่วมบนสวนเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ระยะเวลานั้นทำให้เกิดการตกตะกอนของซากดิน หรือฮิวมัส และนี่ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่ธรรมชาติสร้างให้แก่มนุษย์ ทางเกษตรกรก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมี เพราะซากที่เกิดขึ้นถือเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ทำให้มะพร้าวบริเวณลุ่มน้ำ เป็นมะพร้าวที่ดี มีกลิ่นหอมด้วยตัวของเขาเอง
“เรามีของที่ดี แต่ทำไมเราถูกเอาเปรียบ?”
ในวัยเด็กของสุรเดช ราคาการซื้อขายมะพร้าวอยู่ที่ลูกละ 1 บาท ขณะเดียวกันน้ำมันเบนซินอยู่ที่ลิตรละ 2 บาท เมื่อเวลาผ่านไปราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเป็นลิตรละ 6-10 บาท ในขณะที่มะพร้าวยังอยู่ที่ลูกละ 1 บาท ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่มีอยู่ว่า มันดีไม่พอหรือไม่มีใครทำให้มันดี?
ผสมกับความคิดของชาวต่างชาติในยุคนั้น ที่มองว่าบ้านเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่ตอนนี้กลับมีค่ามาก เพียงแค่ต้องการให้คนมองเห็น เขาพยายามต่อยอดสิ่งเหล่านั้นให้มันดียิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ อย่างที่กล่าวมาว่ามะพร้าวจากลุ่มแม่น้ำตาปีนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาจึงเริ่มศึกษา ค้นคว้า พัฒนา และแปรรูปให้กลายเป็น ‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค’
“Zero Waste”
แน่นอนว่าในกระบวนการผลิตมักจะมีสิ่งที่เหลือจากกระบวนการผลิตค่อนข้างเยอะ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น TROPICANA OIL จึงใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมและได้เริ่มทำโครงการ Zero Waste คือใช้ทุกส่วนของมะพร้าวให้เป็นประโยชน์สูงสุด ไม่ให้เหลือทิ้ง
เริ่มตั้งแต่ ‘กาบมะพร้าว’ ที่นำมาทำเป็นปุ๋ยสำหรับปลูกผักออร์แกนิค จำหน่ายให้แก่ผู้รักสุขภาพ คนในชุมชน และพนักงานในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เพื่อให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้กินผักปลอดสารพิษ ต่อด้วย ‘จาวมะพร้าว’ นำไปเป็นอาหารเลี้ยงปลาในบ่อ แทนการให้อาหารแบบเม็ด ซึ่งก็มีประโยชน์ต่อปลาเช่นเดียวกัน ในส่วนของ ‘กะลา’ ก็นำไปขาย เพื่อทำเป็นถ่านแอคทิเวตเทด คาร์บอน (Activated Carbon) ซึ่งเป็นยาได้ และส่วนสุดท้าย ‘น้ำมะพร้าว’ พวกเขาได้ส่งให้กับโรงงานที่ทำน้ำมะพร้าว สิ่งเหล่านี้ทำสืบทอดต่อกันมานานนับ 10 ปี และถือว่าตอบโจทย์ยุคสมัยนี้อีกด้วย
“ผู้บริโภคมีสุขภาพดีขึ้น คนในชุมชนก็มีชีวิตที่ดีขึ้น”
แม้ในอดีตผู้คนต่างมีความเชื่อผิดๆ ต่อน้ำมันมะพร้าวว่าไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้เป็นโรคหัวใจ หรือทานแล้วทำให้อ้วน แต่หากศึกษาแบบจริงจัง น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคจากธรรมชาตินั้นมีประโยชน์มาก
ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อลดน้ำหนัก รักษาโรคผิวหนัง บำรุงเส้นผม กลั้วปาก บำรุงผิว เช็ดเครื่องสำอาง นวดหน้า หรือแม้แต่กับคนท้อง หากใช้มะพร้าวจากแหล่งเพาะปลูกที่ดี มีกระบวนการแปรรูปที่เป็นมาตรฐานผ่านกรรมวิธีการสกัดเย็นที่คิดค้นพัฒนาจนได้น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคที่มีคุณภาพสูง ก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภค
และไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์แก่ผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ในด้านของเกษตรกรเองก็ยังสามารถเลี้ยงชีพภายใต้ความภาคภูมิใจได้
“ถ้าเกษตรกรมีรายได้ เขาก็จะไม่ขายที่ดิน และเปลี่ยนแปลงไปทำอย่างอื่น”
ไม่มีใคร ไม่รักบ้าน และบ้านคือ ความเป็นครอบครัว
จากความตั้งใจที่มีต่อ TROPICANA OIL ในวันแรก นั่นคือ ‘Because We Care’ สู่ ‘Growing Together’ ที่ไม่เพียงแต่จะมุ่งหวังให้ธุรกิจดำเนินต่อไป แต่ยังใส่ใจถึงคุณภาพชีวิตของเหล่าเกษตรกรที่มีของดีอยู่ในมือ พร้อมเคียงข้างเกษตรกร และนำสินค้าท้องถิ่นเหล่านี้ไปเติบโตในระดับโลกด้วยกัน
มากไปกว่านั้น เขายังคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อโลก และสังคม ตั้งแต่เหล่าเกษตรกร ผู้บริโภค ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม เพื่อการเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคแบรนด์แรกของไทย รสชาติระดับโลก ผลิตจากเยื่อหุ้มกะลามะพร้าวที่มีสาร โมโนลอริน (Monolaurin) มากกว่าทั่วไปถึง 4 เท่า จนได้น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิค สีประกายทองที่มีคุณภาพ การันตีรสชาติโดยรางวัล Superior Taste Award 2022 จากสถาบัน International Taste (iTQi) จากประเทศเบลเยียม เป็นสถาบันที่มอบรางวัลแห่งความอร่อยให้กับสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลก
ปัจจุบัน TROPICANA OIL ได้วิจัยพัฒนา Natural Product ที่ต่อยอดจากน้ำมันมะพร้าวมากมายนับ 100 รายการ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากลูกค้า และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ พร้อมทั้งยังเดินหน้าพัฒนาภูมิปัญญาจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เพื่อส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน