3 Min

ไม่หวั่นแม้วันลมแรง นักวิจัยพบ ‘ฉลามเสือ’ เป็นสัตว์ที่อึด ถึก ทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน

3 Min
1347 Views
08 Jun 2021

ปัญหาใหญ่ๆ ของเรื่องโลกร้อนที่นักวิทยาศาสตร์กังวลกันมากเรื่องหนึ่ง คือเรื่องพายุที่อาจเกิดขึ้นถี่และรุนแรงมากขึ้น

ผลกระทบจากภัยพิบัติด้านนี้ ค่อนข้างส่งผลกระทบรุนแรงทั้งกับชีวิต ทรัพย์สิน อาจเสียทั้งบ้าน เสียทั้งที่ดินทำกิน ทำให้สังคมมนุษย์ล่มสลายได้ไม่ยาก

แถมเรื่องนี้ยังลามไปถึงชีวิตสัตว์ในทะเล ฐานที่มั่นทางอาหารของมนุษย์อีกจำนวนนับไม่ถ้วน

ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์เฝ้าติดตามว่า โลกกำลังจะเกิดอะไร นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มก็กำลังติดตามว่าชีวิตสัตว์ทะเลจะอยู่รอดปลอดภัยได้ไหมหนอ

ในวันที่สภาพอากาศขมุกขมัวไปด้วยเมฆสีดำ และแรงซัดกระหน่ำของเฮอร์ริเคน นักวิทยาศาสตร์พบว่า “ฉลามเสือ” นักล่าแห่งผืนน้ำสีฟ้าครามเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ไม่หวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆ

พวกมันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ไม่ต้องอพยพโยกย้าย หรือดำดิ่งไปสู่ห้วงมหาสมุทรที่ลึกกว่า ต่างจากปลาขนาดเล็กๆ หรือฉลามชนิดอื่นๆ ที่มักจะพาตัวเองให้ออกห่างจากมรสุมด้วยการดำลงไปพักอาศัยในที่ลึกๆ หลบลมร้ายที่ก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวน้ำ

ฉลามเสือโตเต็มวัย

ฉลามเสือโตเต็มวัย l wikipedia

ฉลามเสือเป็นใคร ทำไมไม่กลัวพายุ

ฉลามเสือ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ฉลามที่มีขนาดใหญ่ ชื่อของมันก็ได้มาจากลวดลายบนตัว ที่พาดขวางตลอดแผ่นหลังและหางคล้ายลายของเสือโคร่ง แต่พอโตขึ้นลายก็จะลดขนาดลง เหลือเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วไปหรือจางหมดไปเมื่อโตขึ้น

เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์น้ำที่พบได้ทั่วไป แม้แต่ในน่านน้ำละแวกประเทศไทย

นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า เหตุที่พวกมันไม่หนี เป็นเพราะฉลามเสือมีขนาดลำตัวใหญ่ และมีน้ำหนักมาก จึงรู้สึกสะทกสะท้านน้อยกว่าฉลามชนิดอื่นๆ ที่ขนาดตัวเล็กกว่า

ฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร บางแหล่งอ้างอิงว่าบางตัวมีขนาดประมาณ 7 เมตร มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม

หรืออีกสาเหตุ อาจมาจากนิสัยช่างกินของพวกมัน

การเกิดพายุแต่ละครั้งจะมีสัตว์ทะเลได้รับผลกระทบ ล้มตายเป็นจำนวนมาก ณ จุดนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ฉลามเสือได้ปาร์ตี้บุฟเฟ่ต์ฟรีๆ โดยไม่ต้องออกแรงล่า

ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย ที่ศึกษาไว้เพื่อศึกษาพฤติกรรมการอพยพของฉลามในวันที่เกิดพายุรุนแรง และเริ่มมีความถี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทั้งบนบกและในมหาสมุทรมหาศาล ทำการศึกษาเมื่อ 4 ปีก่อน (แต่เพิ่งวิเคราะห์เสร็จ) ในช่วงที่เฮอร์ริเคนเออร์มาพัดถล่มหมู่เกาะทางใต้ของฟลอริดา ซึ่งพื้นที่แถบนั้นค่อนข้างได้รับความเสียหายหนักทีเดียว

ประชาชนในรัฐฟลอริดามากกว่า 6.3 ล้านคนได้รับแจ้งให้อพยพออกจากพื้นที่ พร้อมกับมีคำเตือนว่าจะเกิดคลื่นซัดเข้าฝั่งที่รุนแรง

เว้นก็แต่ฉลามเสือที่ไม่ต้องย้ายไปไหน

มากกว่าความแข็งแกร่งคือระบบนิเวศที่สมดุล

การที่ฉลามเสือไม่อพยพไปไหนนั้น ถือเป็นข่าวดีที่ถูกค้นพบ เนื่องจากปัจจุบันเราพบว่ามีสัตว์ทะเลจำนวนมากกำลังทำการอพยพครั้งใหญ่ เพราะน้ำทะเลอุ่นขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รายงานหนึ่งกล่าวว่า สัตว์น้ำกำลังอพยพออกจากทะเลแถบเส้นสูตรศูนย์ เพราะน้ำมันร้อนจนทนอยู่ไม่ได้

การอพยพของสัตว์น้ำด้านหนึ่ง อาจหมายถึงการเอาชีวิตรอด แต่อีกด้านหนึ่งก็หมายถึงความขาดแคลนอาหารของมนุษย์ในบางพื้นที่ และการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทางทะเล

ซึ่งเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ห่วงกันมาก คือ การอพยพของสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างฉลาม เพราะถือเป็นนักล่ามากฝีมือ แถมยังกินจุอีกต่างหาก

การย้ายถิ่นของฉลามหมายถึงการย้ายที่หากิน ทำให้ที่ปลอดภัยของสัตว์น้ำตัวเล็กๆ ที่ไร้กำลังจะสู้หรือหนีลดน้อยลง

เรื่องนี้มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว จากกรณีที่นากทะเลแถบชายฝั่งแคลิฟอร์เนียลดจำนวนลงทันที หลังมีฉลามขาววัยหนุ่มบางฝูงอพยพหนีร้อนมาร่วมถิ่นอาศัย

กรณีการอพยพหนีพายุก็คล้ายๆ กัน มีบทสรุปให้สมดุลทะเลผิดเพี้ยนในแบบเดียวกัน

ความรุนแรงของเฮอร์ริเคนเออร์มาเมื่อพัดขึ้นฝั่ง

ความรุนแรงของเฮอร์ริเคนเออร์มาเมื่อพัดขึ้นฝั่ง l abc news

พายุฆ่าสัตว์น้ำได้อย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำอย่างฉับพลัน ถือเป็นภัยพิบัติต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลไม่ต่างจากที่มนุษย์รู้สึก

เฮอร์ริเคนสามารถสร้างคลื่นขนาดใหญ่ – ความแรงของกระแสน้ำสามารถกวาดต้อนสิ่งมีชีวิตให้ถูกพัดออกไปไกลนอกถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม บางครั้งรุนแรงขนาดที่ว่าพัดพาเอาสัตว์ในทะเลให้ไหลย้อนแม่น้ำเข้าไปลอยงงอยู่ในแหล่งน้ำจืด

พายุเฮอริเคนยังทำให้เกิดฝนตกหนัก ทำให้มีน้ำจืดจำนวนมากปะปนเข้าไปในทะเล ลดความหนาแน่นของเกลือ และออกซิเจนในน้ำจนทำให้สัตว์หลายชนิดอยู่ไม่ได้

นอกจากนี้ยังพัดพาสิ่งปฏิกูลต่างๆ เข้าสู่ระบบนิเวศ น้ำที่สกปรกและขุ่น ยังปิดกั้นแสงแดดไม่ให้ส่องถึงปะการังและหญ้าทะเล

ในปี 1992 คาดว่าเฮอร์ริเคนแอนดรูว์ ได้ฆ่าชีวิตปลาน้ำเค็มไปมากถึง 9.4 ล้านตัวเลยทีเดียว

พะยูนที่ถูกพายุพัดชายฝั่งอ่าวฟลอริดาเพราะอิทธิพลของเฮอร์ริเคนเออร์มา

พะยูนที่ถูกพายุพัดชายฝั่งอ่าวฟลอริดาเพราะอิทธิพลของเฮอร์ริเคนเออร์มา | The National Wildlife Federation

อ้างอิง