สภากาชาดขาดเลือดอย่างหนักหลังผู้บริจาคลดลง 50% สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเปิดรับบริจาคเคลื่อนที่ได้ วอนประชาชนสุขภาพแข็งแรงเข้าบริจาคทุกหมู่เลือด จนนำไปสู่คำถามว่าสภากาชาดไทยสามารถเปิดกว้างเงื่อนไขการบริจาคเลือดในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้หรือไม่
Blood Donate | The Phuket news
หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่อีกครั้ง สถานการณ์สต๊อกเลือดของสภากาชาดก็ประสบปัญหาขาดแคลนอย่างหนัก
ทางสภากาชาดระบุว่า โควิด-19 ระลอก 2 โรงพยาบาลขาดเลือดเข้าขั้นวิกฤตทั่วประเทศ เนื่องจากจำนวนผู้บริจาคลดลงกว่า 50% รวมถึงหน่วยบริจาคเคลื่อนที่ที่ยกเลิกไปจากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้เลือดไม่พอจ่าย
สภากาชาดจึงออกประกาศขอให้คนไทยสุขภาพดีช่วยเข้าบริจาคโลหิตอย่างเร่งเด่นในช่วงนี้ในทุกหมู่เลือด แต่ขอความร่วมมือในการตอบปัญหาสุขภาพและประวัติการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงตามความจริง
จากการขาดแคลนเลือดอย่างวิกฤติเป็นประวัติกาลครั้งนี้ นำไปสู่คำถามว่าประเทศไทยอาจถึงเวลาทบทวนเรื่องการรับบริจาคเลือดจากกลุ่มหลากหลายทางเพศแล้วหรือยัง?
LGBTQ+ Blood | the daily beast
ย้อนกลับไป เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ร่วมกับแฟนเพจไทยแอ็ค ได้จัดเวทีเสวนาเกี่ยวกับการไม่รับบริจาคเลือดของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการคัดกรองก่อนบริจาคได้เลย เพราะทางการได้อ้างอิงหลักเกณฑ์ตามสถิติที่ระบุว่า กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมีสัดส่วนในการติดเชื้อ HIV สูงกว่า 10% ทำให้อาจเกิดการบริจาคและต้องทิ้งเลือดในที่สุด
อย่างไรก็ดี ในหลายๆ ประเทศมีการปรับเกณฑ์การรับบริจาคเลือดให้เปิดกว้างมากขึ้น เช่น ให้งดพฤติกรรมเสี่ยง 12 เดือน ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ในสหราชอาณาจักร มีการเลือกกระชับให้เหลือแค่ 3 เดือน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันที่บริจาคอย่างน้อย 3 เดือน และในระยะเวลานั้นไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนมากกว่า 1 คน รวมถึงมีแบบสอบถามสุขภาพที่บ่งชี้พฤติกรรมความเสี่ยงเพื่อป้องกันผู้รับบริจาคเลือดด้วย
ในขณะที่เงื่อนไขการบริจาคในประเทศไทย กลุ่มผู้หลากหลายทางเพศเรียกร้องให้สามารถเข้าสู่กระบวนการคัดกรองพฤติกรรมก่อนการบริจาค เนื่องจากหลายคนไม่ได้มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง เพียงแค่ระบุว่าเป็นคนหลากหลายทางเพศก็ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการได้
Blood Donation | science alert
ด้านข้อสงสัยเรื่องการกินยาต้านเชื้อ HIV หรือ PrEP ในประเทศไทยยืนยันว่าสามารถบริจาคได้ เนื่องจากเป็นการทานยาของผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HIV เป็นการ “ป้องกัน” โดยเฉพาะกับผู้ที่ทานยาร่วมกับการตรวจเลือดเป็นประจำทุก 3 เดือน ตามองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการบริจาคเลือด (Blood Donation Guideline)
แต่หากพิจารณาจะพบว่าแม้ผู้บริจาคจะใช้ยา PrEP 100% ร่วมกับการตรวจเลือดเป็นประจำทุก 3 เดือนแล้ว ถ้าข้อมูลที่กรอกระบุว่าเป็นกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศ ก็ไม่สามารถบริจาคเลือดได้อยู่ดี
จากวิกฤตการณ์ขาดแคลนเลือดในปัจจุบันอาจนำไปสู่การตั้งคำถามอีกครั้งว่า สภากาชาดไทยสามารถเปิดกว้างเงื่อนไขการบริจาคเลือดสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศได้หรือไม่?
อ้างอิง:
- Thai PBS. สภากาชาด ขอรับบริจาคเลือดด่วน รพ.ขาดเลือดเข้าขั้นวิกฤต. https://bit.ly/3q7UFHs
- Workpoint Today. ร้องสภากาชาดไทย ทบทวนไม่รับบริจาคเลือดกลุ่มความหลากหลายทางเพศ. https://bit.ly/3qcRQ7W
- Dailynews. ยัน’ยาเพร็พ’บริจาคเลือดได้ ให้กินเพื่อลดความเสี่ยงติดเอดส์. https://bit.ly/2N1j17x
- The Guardian. Blood donor rules to be relaxed for gay and bisexual men in England. https://bit.ly/3i9k5S8