2 Min

กรณีศึกษา ‘ลิเบีย-โมร็อกโก’ ปัญหาการเมืองซ้ำเติม ‘ภัยธรรมชาติ’ จนกลายเป็นหายนะของประชาชน

2 Min
707 Views
14 Sep 2023

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งรุนแรงในโมร็อกโกและลิเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และการช่วยเหลือที่ล่าช้าทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความยากลำบากหนักกว่าเดิม ซึ่งนักวิเคราะห์ในสื่อต่างประเทศกับองค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระบุว่า นอกจากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาเหตุหลักแล้ว ความขัดแย้งทางการเมืองยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ 

กรณีของโมร็อกโก เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2023 โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเขตเทือกเขาสูงซึ่งห่างจากกรุงมาร์ราเกซไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 71 กิโลเมตร และสำนักงานสื่อสารของสหประชาชาติรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายราว 840,000 หลังและตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สำรวจในวันที่ 9 กันยายน พบว่ามีจำนวนมากกว่า 2,000 ราย ซึ่งถือเป็นความเสียหายครั้งร้ายแรงของโมร็อกโกในรอบหลายสิบปี

แต่ความช่วยเหลือถูกส่งไปยังผู้ประสบภัยประมาณวันที่ 10 กันยายน ทำให้คนจำนวนมากไม่มีอาหารและน้ำเป็นเวลากว่า 48 ชั่วโมง แม้ว่าบางพื้นที่จะยังสามารถเข้าถึงได้ด้วยถนนสายหลักตามปกติก็ตามที จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนและองค์กรด้านการบรรเทาสาธารณภัยว่าทางการโมร็อกโกดำเนินการอย่างล่าช้า ทั้งยังมีการตั้ง ‘ข้อจำกัด’ ว่าจะรับความช่วยเหลือฉุกเฉินจากบางประเทศเท่านั้น โดยมีการตอบรับทีมกู้ภัยและค้นหาผู้ประสบภัยจากสเปน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอังกฤษ แต่ปฏิเสธความช่วยเหลือฉุกเฉินจากฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา

ขณะที่ CNN และ The New York Times รายงานว่า ระบบการปกครองของโมร็อกโกเป็นแบบรวมศูนย์อำนาจให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ทรงตัดสินใจในเรื่องสำคัญระดับประเทศ เมื่อเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นจึงมีขั้นตอนและเงื่อนไขหลายอย่าง ทำให้การพิจารณาความช่วยเหลือไม่เป็นไปอย่างทันท่วงที แต่โฆษกของรัฐบาลโมร็อกโกก็แถลงตอบโต้เสียงวิจารณ์ด้วยการยืนยันว่าความช่วยเหลือนั้นมีพระบรมราชานุญาตสั่งการโดยทันที แต่พบอุปสรรคด้านการลำเลียงข้าวของและกำลังพล

ส่วนกรณีของ ‘ลิเบีย’ เกิดฝนกระหน่ำจากพายุที่พัดเข้าประเทศ ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อน 2 แห่งในเมืองเดอร์นาพังทลาย จนเกิดน้ำไหลท่วมบ่าทำลายบ้านเรือนประชาชน เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2023 และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000 ราย แต่คาดว่าสถิตินี้อาจจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจำนวนผู้สูญหายนั้นมีมากกว่าหมื่นคน และเหตุการณ์นี้ก็ถูกนับเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษของลิเบียด้วย

อย่างไรก็ดี ความช่วยเหลือที่ส่งไปยังผู้ประสบภัยในเมืองเดอร์นา ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของลิเบีย กลับดำเนินไปอย่างล่าช้า เพราะลิเบียมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการทำสงครามกลางเมืองและการลุกฮือของประชาชนเพื่อขับไล่อดีตผู้นำ ‘มูอัมมาร์ กัดดาฟี’ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ทำให้เกิดรัฐบาล 2 รัฐบาลและแบ่งการปกครองตามพื้นที่ที่รัฐบาลแต่ละแห่งมีอำนาจ โดยรัฐบาลซึ่งมีฐานที่มั่นในกรุงตริโปลี ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ จึงได้ประกาศไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เป็นเวลา 3 วัน และเรียกร้อง ‘ความสามัคคี’ ของคนในชาติ

แต่ดูเหมือนว่าความขัดแย้งและการปะทะทั้งทางอุดมการณ์และทางอาวุธในลิเบีย ก็เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การประสานความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นเป็นไปอย่างยากลำบากเช่นกัน

อ้างอิง