John Lennon อาจเคยบอกว่า “The Beatles เป็นที่นิยมกว่าพระเยซู” แต่ทำไมวงในตำนานนี้ไม่เคยมีคอนเสิร์ตใหญ่ ระดับ U2, Michael Jackson, Taylor Swift หรือกระทั่ง BLACKPINK
ในปี 1966 จอห์น เลนนอน (John Lennon) นักร้องและนักแต่งเพลงแห่ง The Beatles ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อังกฤษที่ชื่อว่า The Evening Standard โดยส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ เลนนอนได้พูดว่า “The Beatles เป็นที่นิยมยิ่งกว่าพระเยซู” (More Popular Than Jesus) ซึ่งในตอนหลังคนมักจะโควตมาต่อแบบไม่ตรงนักว่า “ยิ่งใหญ่กว่าพระเยซู” (Bigger Than Jesus)
นี่เป็นจุดเริ่มของ ‘ขาลง’ ของวงดนตรีสุดยิ่งใหญ่นี้ เพราะหลังจากนั้นมีการประท้วงจากชาวคริสต์กว้างขวาง ทางเลนนอนก็ออกมาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่เป็นผล และหลังจากเกิดเรื่องไม่นาน The Beatles ก็เลิกเล่นสดไปเลย ทำงานสตูดิโออย่างเดียวจนแยกย้ายกันไปในปี 1970
แน่นอน จะมองว่านี่เป็นบทเรียนราคาแพงก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ตอนที่เลนนอนบอกว่าวงของเขา ‘เป็นที่นิยมยิ่งกว่าพระเยซู’ วงดนตรีนี้ก็ยิ่งใหญ่จริงๆ พวกเขาเป็นดั่งตำนานที่ยังเป็นที่นิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน แม้ผ่านมากว่าครึ่งทศวรรษ ถึงคุณจะย้อนกลับไปดู Wikipedia ค้น Google หรือถาม ChatGPT ก็จะได้คำตอบไม่ต่างกันว่าศิลปินทางดนตรีที่ ‘ขายดีที่สุด’ คือ The Beatles เพราะถึงแม้ว่า ‘ตัวเลข’ จะมีความต่างกันบ้างในแต่ละแหล่งข้อมูล เพราะสมัยก่อนการวัดยอดขายทั่วโลกยังไม่เป็นระบบ แต่ผลสรุปรวมกัน ‘อันดับ 1’ ไม่เคยหนีจาก The Beatles อย่างแน่นอน
วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถ้าคิดในมาตรฐานปัจจุบันก็น่าจะเคยเล่นคอนเสิร์ตใหญ่โต แต่ในความเป็นจริงคอนเสิร์ตที่ใหญ่สุดของ The Beatles คือเล่นที่สนามกีฬาเช (Shea Stadium) ในปี 1965 ซึ่งมีคนดูประมาณ 55,000 คนเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นจำนวนคนดูที่น้อยมากๆ ถ้าเทียบกับคอนเสิร์ตยุคหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตในปี 1977 ของ The Grateful Dead ที่ว่ากันว่าเป็นคอนเสิร์ตแรกๆ ในโลกที่คนดูมากถึง 100,000 คน ซึ่งก็แน่นอน คอนเสิร์ตที่มีคนดูเยอะหลังจากนั้นคือว่ากันที่หลักแสนคนทั้งนั้น หรือถ้าเป็นฟรีคอนเสิร์ตกลางแจ้งก็ต้องว่ากันที่หลักล้านคนไปเลย ไม่ว่าจะเป็นงาน Monster of Rock ที่กรุงมอสโกในปี 1991 หรือคอนเสิร์ต Rod Stewart ที่หาดโคปาคาบานาในบราซิล ในปี 1994
คือว่ากันตรงๆ วงดนตรีที่ขายดีที่สุดอย่าง The Beatles นั้นไม่เคย ‘เล่นคอนเสิร์ตใหญ่’ เลยถ้าเทียบกับพวกนักดนตรีรุ่นหลังๆ ไม่ต้องเทียบกับนักร้องเพลงป๊อปยุคอุตสาหกรรมดนตรีรุ่งๆ อย่าง Michael Jackson หรือ Madonna ก็ได้ แต่เทียบเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ยุคปัจจุบันแบบ Taylor Swift, BTS หรือ BLACKPINK เราก็จะพบว่าไซซ์คอนเสิร์ตของศิลปินดนตรีเหล่านี้ใหญ่กว่าคอนเสิร์ตที่ใหญ่สุดของ The Beatles มาก คือทุกชื่อที่กล่าวมา ขึ้นคอนเสิร์ตที่มีคนซื้อตั๋วไปดูหลักแสนคนได้สบายๆ ในตลาดใหญ่ๆ
แต่ทำไมล่ะ วงที่เคยอ้างตนว่ายิ่งใหญ่กว่าพระเยซูถึงไม่เคยมีคอนเสิร์ตหลักแสนคนเลย
จริงๆ คำตอบมันง่ายและตรงไปตรงมามาก มันเป็นเรื่อง ‘เทคโนโลยี’ ล้วนๆ
มือกีตาร์ผู้ล่วงลับของ The Beatles อย่าง จอร์จ แฮร์ริสัน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GuitarWorld ไว้ในปี 1997 ว่า ปกติ The Beatles จะเล่นสดด้วยแอมป์ 30 วัตต์เท่านั้น และแอมป์ที่ใหญ่สุดที่ Beatles ได้เล่นคือแอมป์ 100 วัตต์ ที่ใหญ่สุดในยุคนั้นแล้ว ซึ่งได้เล่นที่สนามกีฬาเชในปี 1965 แต่ประเด็นคือในยุคนั้น มันไม่มีระบบขยายเสียงที่เรียกว่า PA (Public Address) ดังนั้นเสียงทั้งหมดมันมาจากแอมป์ และก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ที่ในคอนเสิร์ตนั้นคนดูจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย เพราะเสียงมันเบามาก คือจะบอกว่าเสียงกรี๊ดดังกว่าเสียงดนตรีก็ไม่ผิด เพราะแฮร์ริสันเองยังบอกว่าวงก็ฟังเพลงที่ตัวเองเล่นไม่รู้เรื่องเช่นกัน
นี่เป็นเกร็ดเล็กน้อยจาก ‘คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุด’ ที่เล่นในช่วงพีกของ ‘วงดนตรีที่ขายดีที่สุดในโลก’ ซึ่งมันก็บอกอะไรเกี่ยวกับยุคสมัยได้ดี คือในยุคนั้นระบบการขยายเสียงสำหรับคอนเสิร์ตกลางแจ้งระดับสนามกีฬามันยังไม่มีจริงๆ ไม่ใช่ว่าอุตสาหกรรมดนตรีไม่อยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ และมันก็อาจไม่ใช่ว่าวงระดับ The Beatles จะดึงคนซื้อตั๋วเป็นแสนคนไม่ได้ แต่ประเด็นคือในยุคนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีขยายเสียงใดที่จะสามารถขยายเสียงการเล่นดนตรีของคน 4 คนให้คนดูหลักแสนคนฟังได้ชัดๆ และผลมันก็อย่างที่เห็น คอนเสิร์ตที่สนามกีฬาเชเป็นตำนานเล่าขานจริงๆ เพราะยุคนั้นไม่มีวงใดที่จะมีคนดูขนาดนั้น แต่อีกด้านความพังของระบบเสียงที่เละสุดๆ ก็ทำให้อุตสาหกรรมดนตรีต้องถอยไม่ฝืนทำคอนเสิร์ตใหญ่จนกว่าเทคโนโลยีจะพร้อม
อย่างไรก็ดีคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาของ The Beatles ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการทางเทคโนโลยีอย่างดี ทำให้อุตสาหกรรมเครื่องขยายเสียงทั้งระบบรู้ว่า ตอนนี้โลกต้องการระบบในการขยายเสียงคอนเสิร์ตที่ดีระดับที่จะทำให้คนหลายหมื่นคนได้ยินเสียงดนตรีพร้อมกันได้ นี่เลยทำให้ครึ่งหลังทศวรรษ 1960 มีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องขยายเสียงอย่างล้นหลาม
ถ้าเราจะพูดถึงพัฒนาการของมันทั้งหมดก็น่าจะเป็นหนังสือขนาดกลางๆ ได้เล่มหนึ่ง แต่เอาเป็นว่าในปี 1969 คอนเสิร์ต Woodstock ครั้งแรก ก็ได้ทำให้โลกเห็นว่าการเอาเทคโนโลยีที่พัฒนามาสดๆ ร้อนๆ ปะติดปะต่อรวมกัน มันสามารถจัดคอนเสิร์ตระดับคนดู 400,000 คนได้ ซึ่งคอนเสิร์ตนี้ก็เรียกว่าเป็นหมุดหมายใหม่ไม่ใช่แค่เรื่องของคอนเสิร์ต แต่รวมไปถึง ‘งานอีเวนต์’ ใดๆ ก็ตาม มันพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีสร้างระบบเสียงแบบให้คนเป็นแสนคนฟังเพลงพร้อมกันได้แล้ว และ ‘โจทย์’ ที่ยากกว่าคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้คนเยอะๆ มารวมตัวกันมากกว่า
นี่เลยทำให้ไม่มีใครแปลกใจเท่าไรในคอนเสิร์ตหลักแสนคนในทศวรรษ 1970 หรือกระทั่ง 1980 เพราะรู้อยู่แล้วว่าทำได้ตั้งแต่ Woodstock แล้ว และทำให้คนไปตื่นเต้นกับงาน Monster of Rock ที่กรุงมอสโกในปี 1991 ที่ว่ากันว่าเป็นคอนเสิร์ตแรกในโลกที่ยอดคนดูถึง 1 ล้านคนมากกว่า
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้คือประวัติศาสตร์ไปหมดแล้ว แต่คำถามสไตล์ ‘What if…?’ ที่น่าสนใจก็คือ ถ้า The Beatles ไม่หยุดแสดงสด หรือวงไม่แตกไปเสียก่อน แล้ววงยังอยู่มาถึงทศวรรษ 1980 ก็มีความเป็นไปได้ที่วงดนตรีที่ขายดีที่สุดในโลกวงนี้จะสร้างสถิติ ‘คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ ได้เช่นกัน เพราะยุคนั้นเทคโนโลยีมันก็พร้อมครบมือที่จะจัดคอนเสิร์ตในระดับนั้นให้มีระบบเสียงดีๆ แล้ว
อ้างอิง
- GuitarWorld. “Nothing was even mic’d up through the P.A. – they just listened to our amps and the two vocal mics. Sometimes we’d just play rubbish”: The Beatles on their struggles to be heard over the screams of Beatlemania – and the toll it took on their performances. https://shorter.me/Sf9AB
- Wikipedia. List of most-attended concerts. https://shorter.me/1hSKW
- Wifi Hifi. A Look Back at Woodstock and the Audio Gear That Made the Festival Happen. https://shorter.me/plC0D