“ผู้คนกำลังตายจากความหิวโหยอย่างรุนแรง” ภาคใต้มาดากัสการ์แล้งจัด เพราะโลกร้อน ประชาชนต้องกิน ‘กระบองเพชร-ตั๊กแตน’ ประทังชีวิต

3 Min
479 Views
30 Jul 2021

Select Paragraph To Read

  • ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ต้องกินตั๊กแตนประทังความหิว
  • โลกร้อน คือตัวการ
  • ความอดอยากเกิดขึ้นทั่วโลก

นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 เป็นต้นมา พื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศมาดากัสการ์ประสบกับภาวะแห้งแล้งรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และเกิดต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงกลางปีนี้

ภาวะแห้งแล้งที่ว่ามีสาเหตุจากทางใต้ของประเทศได้รับปริมาณฝนที่น้อยผิดปกติตั้งแต่ปี 2014 ทำให้น้ำสำรองไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวหรือผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่มีอาหารเพียงพอประทังชีวิต

ในรายงานของโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ WFP ที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือ ระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 400,000 คน ที่กำลังเผชิญกับภาวะอดอยาก และ 14,000 คนตกอยู่ในภาวะทุพภิกขภัยหรือเป็นโรคขาดสารอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กๆ

ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ต้องกินตั๊กแตนประทังความหิว

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา หลายครอบครัวประทังชีวิตด้วยการกินกระบองเพชรดิบ ใบไม้ป่า และตั๊กแตน

WFP รายงานภาพเหตุการณ์ไว้อย่างน่าสลดว่า

แม่น้ำ Mandrare ซึ่งไหลผ่านภูมิภาคนี้แห้งขอด เด็กๆ ต้องช่วยกันขุดทรายละแวกแม่น้ำเพื่อค้นหาน้ำในดินที่ซึมออกมา มีเด็กหลายคนซูบเซียวและท้องอืดจากภาวะทุพโภชนาการ

ไม่มีเด็กคนไหนวิ่งเล่นให้เห็น พวกเขาต่างนั่งนิ่งๆ อยู่ใต้เงาไม้ เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกได้อีกต่อไปเพราะขาดฝน แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีพายุโซนร้อนสองลูกได้พัดผ่านภูมิภาค ดูเหมือนจะช่วยบรรเทาความแห้งแล้งได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับทุกครอบครัว แถมอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น ยังทำให้ข้าวโพดถูกทำลายจากการระบาดของพยาธิใบไม้ร่วง

ชาวบ้านหลายรายพากันขายสิ่งของ เช่น หม้อ เสื้อผ้า สมุดนักเรียน เพื่อหาเงินไปแลกอาหาร

บางคน (ยอม) ตัดต้นไม้เพื่อทำถ่าน แม้ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งทำให้ภัยแล้งเลวร้ายลง แต่การเอาตัวรอดให้พ้นวันในตอนนี้สำคัญที่สุด

ในภาพจำของคนต่างถิ่นอาจมองมาดากัสการ์ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย แต่นั่นก็เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว พื้นที่บางส่วนของประเทศไม่ได้มีป่าไม้เขียวขจีอย่างที่เราเข้าใจ และภัยแล้งก็แทบจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในบางภูมิภาคของประเทศนี้

อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่เกิดภัยแล้ง ผู้คนบางส่วนจะอพยพเข้าไปหางานทำในเมือง แต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางถูกปิดกั้น และต่อให้เดินทางไปได้ก็ใช่ว่าจะมีงานให้ทำ เนื่องจากการล็อกดาวน์ทำให้ประชาชนในประเทศส่วนใหญ่ตกอยู่ในสถานะผู้ตกงาน

โลกร้อน คือตัวการ

WFP ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ก่อขึ้นโดยผู้อื่น แต่คนที่รับเคราะห์คือ เกษตรกร และผู้มีฐานะยากจนทางตอนใต้ของมาดากัสการ์

ถ้อยแถลงของ WFP ระบุว่าหลายครอบครัวกำลังทุกข์ทรมาน และผู้คนกำลังตายจากความหิวโหยอย่างรุนแรง นี่ไม่ใช่เพราะสงครามหรือความขัดแย้ง แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นี่คือพื้นที่ของโลกที่ไม่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นคนต้องจ่ายหนี้ในราคาที่แพงที่สุด 

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงพื้นที่ทางตอนใต้ของมาดากัสการ์เองก็มีการตัดไม้ทำลายป่าไปมากเหมือนกัน เพราะความยากจนผลักดันให้เกิดการบุกรุกแผ้วถางป่าหาพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มมากขึ้นทุกปี

ตามข้อมูลของ Land-Cover and Land-Use Change Program ของ Nasa ระบุสาเหตุว่า เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ทำเกษตรขึ้นไปบนเนินเขา เพราะประชากรในชนบทที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ชาวนาจำนวนมากจำเป็นต้องแสวงหาที่ดินใหม่เพื่อเพาะปลูก

การตัดไม้ทำลายป่า (เนื่องจากการทำการเกษตรที่ไม่ยั่งยืน) ทำให้ดินเสื่อมสภาพ เพิ่มการกัดเซาะและปนเปื้อนแหล่งน้ำ เมื่อรวมเข้ากับความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็ยิ่งปิดโอกาสการเพาะปลูกไปโดยสิ้นเชิง

ความอดอยากเกิดขึ้นทั่วโลก

นอกจาก มาดากัสการ์ ยังมีประชาชนในเอธิโอเปีย ซูดานใต้ และเยเมน ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนอาหารเพราะภัยแล้งอย่างรุนแรง

ในปี 2019 ประชากรโลกราว 27 ล้านคนต้องพบกับความหิวโหยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเพิ่มมาเป็น 41 ล้านคน จากการสำรวจแค่ใน 43 ประเทศ

ตอนนี้ประชากรของโลกกำลังเผชิญภาวะอดอยากเนื่องจากภัยธรรมชาติ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งคาดการณ์กันว่า ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมนี้รุนแรงกว่าปัญหาความอดอยากที่เกิดขึ้นตอนสงครามโลกครั้งที่สองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง

  • AP News. In southern Madagascar, ‘nothing to feed our children’. https://bit.ly/3wAsi7z
  • CNN. Climate change has pushed a million people in Madagascar to the ‘edge of starvation,’ UN says. https://cnn.it/3xKY2bi

LCLU NASA. Deforestation in Madagascar. https://bit.ly/3wCdqp3