‘โซตัส’ ถึงยุคล่มสลาย? หลายสถาบันทยอยประกาศ ‘เลิกรับน้อง’ โละประเพณีให้ค่า ‘ความสวยหล่อ=อภิสิทธิ์ชน’
Select Paragraph To Read
- อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
มหาวิทยาลัยไทยทยอยเปิดเทอมในเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เพราะหลายสถาบันการศึกษาประกาศว่าจะยกเลิกประเพณีการรับน้องและกิจกรรมที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการประกวดต่างๆ ที่ให้ค่ากับรูปลักษณ์สวยงามภายนอก แต่ก็มีผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ และมองว่าระบบโซตัส (SOTUS) ซึ่งเป็นแกนหลักของการรับน้องในไทยหลายสิบปีที่ผ่านมา ‘เข้ากันดี’ กับสังคมแบบไทยๆ ที่สอนให้ ‘คนรุ่นใหม่’ เคารพ ‘ผู้อาวุโส’ จึงไม่ควรยกเลิก
นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 องค์กรและสโมสรนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ประกาศว่าปีนี้จะไม่มีการ ‘รับน้อง’ ที่อ้างอิงระบบโซตัส และไม่จัดกิจกรรมยกย่องความสวยความงามกว่าคุณค่าอื่นๆ ซึ่งเป็นต้นตอของการให้ค่า ‘คนหน้าตาดี’ จนเป็นอภิสิทธิ์ชนที่ได้เปรียบคนอื่นๆ ในสังคม (beauty priviledge)
ถ้าไล่เลียงชื่อสถาบันการศึกษาที่ประกาศยกเลิกการรับน้องล่าสุดเมื่อวันที่ 5 และ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะที่มหาวิทยาลัยมหิดลประกาศตอนต้นเดือนว่าจะยกเลิก ‘กิจกรรมทุกอย่างที่เข้าข่ายละเมิดสิทธินักศึกษา’ รวมถึงกิจกรรมที่ให้ค่าความงามอย่าง ‘การประกวดดาว–เดือน’
กระแสตอบรับท่าทีเหล่านี้ของนิสิตนักศึกษาในไทยเป็นไปในเชิงบวก โดยเฉพาะถ้าเข้าไปดูความเห็นของกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ ซึ่งหลายคนแสดงความเห็นว่านอกจากยกเลิกธรรมเนียมล้าหลังเหล่านี้ไปแล้ว คนที่เคยเกี่ยวข้องกับการใช้ระบบโซตัสกดขี่หรือละเมิดคนอื่นๆ ในอดีตก็ควรออกมาขอโทษและแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการด้วย
ที่ผ่านมาประเพณีการรับน้องและการบังคับให้รุ่นน้องเคารพรุ่นพี่ ทำให้หลายคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ ตัดสินใจลาออกเพราะทนไม่ไหว ทั้งยังมีข่าวว่ารุ่นพี่ใช้ความรุนแรงในการรับน้องจนมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในทุกๆ ปีตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ส่วนเว็บไซต์ประชาไทรายงานว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีหลายสถาบันที่ประกาศว่าจะยกเลิกการรับน้องและกิจกรรมที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีสโมสรนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยที่ประกาศว่า ‘ไม่เอาระบบโซตัส’ รวมถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เคยเกิดเหตุการณ์รับน้องจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี ท่าทีของรุ่นพี่และครูอาจารย์จำนวนหนึ่ง รวมถึงผู้ที่จบการศึกษาไปแล้วจำนวนไม่น้อยที่ไปแสดงความเห็นท้ายข่าวในสื่อกระแสหลักและสื่อโซเชียลต่างๆ ยังมองว่าระบบโซตัสและการรับน้องคือธรรมเนียมที่ควรรักษาไว้ เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างผู้ที่เป็นเด็กกว่าและผู้ที่มีอาวุโสกว่า
ขณะที่บทความเกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาในไทย Hazing and Hierarchy in Thailand: SOTUS and Societal Change ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) เมื่อปี 2020 ชี้ว่า ระบบโซตัสเป็นแนวคิดหลักของการรักษา ‘ลำดับชั้น’ ในมหาวิทยาลัยของไทย ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านพิธีรับน้องในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
ค่านิยมนี้ส่งเสริมการกำหนดสถานะระหว่าง ‘พี่’ ที่มีอำนาจมากกว่า ‘น้อง’ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับสังคมไทยในภาพรวมที่เต็มไปด้วยลำดับชั้นและเครือข่ายอำนาจที่กดทับจากบนลงล่างเช่นกัน
ส่วนระบบโซตัส มาจากคำว่า SOTUS ซึ่งเป็นคำย่อของ seniority (ความอาวุโส) order (กฎระเบียบ) tradition (ประเพณี) unity (ความสามัคคี) และ spirit (จิตวิญญาณ)
อ้างอิง
- Yale University. Hazing and Hierarchy in Thailand: SOTUS and Societal Change. https://bit.ly/3xGpFF4
- Prachatai. ส่องกระแสองค์การนักศึกษาหลายสถาบันยกเลิกกิจกรรมเคลือบแฝงระบอบอำนาจนิยม และโซตัส. https://bit.ly/3zvBX4x
- Bright TV. ยกเลิกดาวเดือน! ม.มหิดล ยกเลิกกิจกรรมที่ละเมิดสิทธิ และ Beauty Privilege. https://bit.ly/3txQI2L