2 Min

เส้นทางลูกแชร์ ‘แม่มณี’ ชีวิตพังเพราะหวังรวยเร็ว

2 Min
120 Views
12 Oct 2020

เชื่อว่าหลายท่านน่าจะพอทราบข่าวคราวเรื่อง ‘แม่มณี’ กันมาบ้างแล้ว กับการโกงแชร์ที่มีผู้เสียหายและเงินจำนวนมาก เพื่อเป็นกรณีศึกษาและเครื่องเตือนใจทาง BrandThink ขออนุญาตนำข้อมูลมาจากการสัมภาษณ์ผู้เสียหายจากข่าวนี้ (https://bit.ly/33ti7UF) มาไล่เรียงเรื่องราวให้ดูกันอีกครั้งครับ

โดยเนื้อข่าวหลัก ๆ ก็คือ นางสาวหน่อย รู้จักแม่มณีผ่าน Facebook เห็นผลตอบแทนสูงถึง 93% ก็เลยลองลงทุนครั้งแรกเป็นจำนวน 3,000 บาท เวลาผ่านไปเพียง 1 เดือนก็ได้รับทั้งต้นทั้งดอกคืนเน้น ๆ เป็นจำนวน 5,790 บาท นางสาวหน่อยเห็นว่าได้เงินจริง เลยลงทุนไปเรื่อย ๆ พร้อมชักชวนญาติอย่างนางสาวน้อยมาลงทุนด้วยกัน นางสาวน้อยลงทุนครั้งแรกด้วยเงิน 50,000 บาทและได้คืนกลับมาสูงถึง 96,500 บาท

เงินง่าย เงินเยอะขนาดนี้จะรออะไรล่ะครับ ทั้งคู่เลยถอนเงิน จำนำที่ดิน และขายควายไป 1 คอก เพื่อมาลงทุนเพิ่มเติมโดยที่สามีและครอบครัวทั้งสองไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ ซึ่งครั้งนี้ลงทุนไปสูงถึง 4,00,000 บาท และ 1,900,000 บาท

ผลลัพธ์ทุกคนก็น่าจะพอรู้กันอยู่แล้วครับ เงินไม่ได้คืน สามีก็ไม่กล้าบอก เครียดก็เครียด และยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของชีวิตเลยทีเดียว

สำหรับตัวผู้เขียนก็ขออนุญาตบอกว่าเข้าใจดีครับ ไม่ว่าใครก็ต้องการเงินกันทั้งนั้น ยิ่งการลงทุนที่ได้มาง่าย ๆ ได้เงินเยอะ ๆ ใครบ้างล่ะจะไม่ชอบ แถมที่สำคัญการลงทุนในเงินงอกเงยก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทุกคนควรศึกษาและทำกันบ้าง แต่สำหรับประเด็นนี้มันต่างออกไป

ประเด็นแรกที่อยากให้สังเกตกันก็คือ ‘ผลตอบแทน’ ผลตอบแทนที่สูงขนาดนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่การลงทุนทั่วไปจะทำได้ เพราะการลงทุนในกองทุนหุ้นได้กำไรมา 10-15% ในช่วงเวลาหลายปีก็นับว่าหรูแล้ว ตัวเลขผลตอบที่ 93% ในทุกเดือนนี้เป็นไปไม่ได้ และไม่น่าเชื่อถือเลย ชาวเน็ตบางท่านถึงขนาดคอมเมนต์ว่า กำไรที่มากมายขนาดนี้ ถึงเป็นราชาธุรกิจไทยอย่างเจ้าสัว CP มาบริหาร ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ประเด็นที่สองก็คือตัว ‘แม่มณี’ เอง ถึงแม้จะเป็นเน็ตไอดอล มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มีเครดิตด้านการเงินที่ดีอะไรเลย ไม่ใช่สถาบันการเงิน ไม่ได้เป็นนักลงทุนที่มีการรับรองอย่างถูกต้อง การนำเงินมากขนาดนั้นไปฝากกับโครงการที่เชื่อถือไม่ได้ โครงการที่เจอใน Facebook ก็ต้องยอมรับแล้วว่ามันค่อนข้างเสี่ยงมาก

ประเด็นที่สาม ปกติการหลอกหลวงพวกนี้ มักจะให้ผลตอบแทนในช่วงแรก ทำให้เราชะล่าใจก่อน อาจจะเป็นหลักหน่วยหลักพัน แต่พอเราลงทุนหนักเมื่อไหร่ คนพวกนี้ก็พร้อมที่จะหนีหายไปในทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าลงทุนก็อะไรก็อย่าชะล่าใจ เผลอใจไปกับเงินที่ได้มาง่ายเกินไปนะครับ

เพราะฉะนั้น อยากให้รำลึกไว้เสมอว่า ผลกำไรที่มากเกินจริงควรตั้งข้อสังเกตให้ดี อย่าให้ความโลภครอบงำ

ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ เก็บเงินสำรองไว้ และที่สำคัญควรศึกษาเรื่องการลงทุนไว้ให้มาก จะได้ไม่ถูกผู้ไม่หวังดีมาหลอกได้โดยง่าน

เอาเป็นว่าก็เก็บประเด็นนี้ไว้เป็นบทเรียนก็ได้ครับ โดยส่วนตัวก็เชื่อว่าพวกขบวนการแบบนี้ก็จะวนมากหลอกลวงคนไทยอยู่เรื่อย ๆ เหมือนที่ผ่านมานั่นแหละ