3 Min

คิดถึงหน้าคนอื่นขณะมีอะไรกับแฟน ผิดไหม? นักจิตวิทยาชี้ ‘จินตนาการทางเพศ’ หากเป็นแค่ความคิดก็ให้สนุกไปกับมัน

3 Min
1963 Views
01 Jul 2023

เคยไหม ที่บางครั้งก็เผลอจินตนาการว่ามีเลิฟซีนกับแฟนเพื่อน มีฉากรักอันเร่าร้อนริมหาด หรือห้องลองเสื้อในห้างเหมือนในหนัง หรือกำลังทำภารกิจรักกับแฟนแต่กลับนึกถึงหน้าคนอื่น จินตนาการถึงการถูกบังคับ หรือโดนบังคับให้ทำกิจกรรมทางเพศอย่างเร่าร้อน 

เชื่อว่าลึกๆ หลายคนต้องเคยมีจินตนาการทางเพศที่ไม่ธรรมดา บ้างก็ผิดหลักศีลธรรม จริยธรรมที่ตัวเองและสังคมยึดถืออย่างแน่นอน และเมื่อเผลอคิดแบบนั้นแล้วสิ่งที่ตามมาคือ ความรู้สึกผิดบาป และสงสัยว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี นี่ฉันกำลังนอกใจคนรักอยู่หรือเปล่า 

ในบทความนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกันว่า…

“การมีจินตนาการทางเพศที่หลากหลายของแต่ละคนนั้น ‘ผิดไหม’ มันแปลว่าเราเป็น ‘คนเลว’ หรือเปล่า”

ขั้นแรก เรามาทำความเข้าใจตามนักวิจัยกันก่อน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจินตนาการทางเพศเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติในทุกเพศทั่วโลก มีทั้งช่วงที่เกิดขึ้นตอนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ แต่บ่อยครั้งก็เกิดจากความคิดชั่ววูบเมื่อถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้า เช่น เวลาที่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายเหลือบไปเห็นเพศที่ตนสนใจแต่งตัวดึงดูด ก็มักเกิดจินตนาการว่ารูปร่างภายใต้เสื้อผ้านั้นเป็นอย่างไร หรือการจินตนาการระหว่างการช่วยตัวเอง รวมถึงการคิดถึงเลิฟซีนในภาพยนตร์เรื่องโปรดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งจินตนาการของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปทั้งรายละเอียด รวมถึงช่วงเวลา เนื่องจากบางคนก็เผลอจินตนาการว่า กำลังมีเลิฟซีนของตัวเองขณะกำลังทำงาน หรืออยู่ในที่สาธารณะก็ได้ 

ซึ่งการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ทั้งชายและหญิงในปัจจุบัน มีลักษณะของจินตนาการที่เหมือนกันมากขึ้น เมื่อเทียบกับ 15-20 ปีที่แล้ว หลายปีก่อนนักข่าว แนนซี ฟรายเดย์ (Nancy Friday) ได้รายงานเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ในหนังสือ ‘Women on Top: Women’s Fantasies’ ของเธอ โดยสังเกตว่าจินตนาการของผู้หญิงมีความเปิดเผยและดุดัน ก้าวร้าว หรือร้อนแรงขึ้น

โดยจินตนาการในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นความปรารถนาทางเพศเสมอไป หมายความว่า หากคุณจินตนาการถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบถูกบังคับ คล้ายๆ ว่ากำลังถูกข่มขืน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องการถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรืออยากโดนข่มขืนจริงๆ 

หากให้เปรียบเทียบก็อาจเหมือนกับการเสพสื่อลามก หรือการดูหนังโป๊ที่ทุกคนมีแนวที่ชอบแตกต่างกันไปตามรสนิยมของตัวเอง อย่างแนวซาดิสม์และมาโซคิสม์ เป็นต้น

ซึ่ง ดร.โจเอล บล็อก (Joel Block) นักจิตวิทยาผู้เขียนบทความใน ‘The Sexual Movies Playing in Your Head’ ใน Psychologytoday อธิบายว่า จินตนาการทางเพศที่ถูกบังคับ อาจหมายถึง ความปรารถนาที่จะเพลิดเพลินกับเซ็กส์โดยไม่รู้สึกผิด และจินตนาการบางอย่างที่แปลกประหลาดหรือรุนแรง รวมถึงความแฟนตาซีที่มีความรุนแรงเป็นครั้งคราวนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด 

อนึ่ง หากขุดให้ลึกลงไป การที่บางคนมีจินตนาการเหล่านี้ อาจมีรากฐานมาจากประสบการณ์เร้าอารมณ์ที่อยู่ในจิตใต้สำนึกจากวัยเด็ก เช่น การที่ผู้ชายคิดถึงการยั่วยวน หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่านั้น อาจเพราะเคยสัมผัสความรู้สึกเร้าอารมณ์ทางเพศครั้งแรกเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย จากการที่ผู้หญิงอายุมากกว่าอาบน้ำให้ แล้วความรู้สึกนี้ฝังอยู่ภายในจิตใต้สำนึกแล้วถูกระตุ้นออกมาเมื่อเติบโตถึงวัยที่มีความต้องการทางเพศ ก็เป็นแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ (แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีพื้นฐานจากแนวคิดนี้ทั้งหมดนะ)

ประเด็นต่อมาคือ ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นภายในใจ หลังจากจินตนาการหรือเสร็จสิ้นภารกิจ ดร.โจเอล อธิบายว่า หากมันเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในจินตนาการก็ไม่จำเป็นต้องกังวล หรือรู้สึกผิด ทุกคนสามารถสนุกกับจินตนาการของตัวเองได้เต็มที่ 

เนื่องจากการมีจินตนาการทางเพศจะช่วยในการเติมเต็มอารมณ์ขณะช่วยตัวเองและระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ทางเพศโดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงจากการกระทำจริงๆ รวมถึงทำให้เราได้สำรวจตัวเองไปในตัวด้วยว่าอาจมีรสนิยมแบบไหน หรือจิตใจยังโอเคอยู่หรือเปล่า ดังนั้น การเพลิดเพลินไปกับความสร้างสรรค์ทางเพศในเชิงความคิดนี้จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ 

แต่หากสิ่งที่อยู่ในจินตนาการมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง เป็นชนวนที่ก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ หรือมีจินตนาการที่รุนแรงซ้ำๆ บางทีอาจเป็นจุดสังเกตที่บ่งชี้ถึงปัญหาทางอารมณ์ที่ฝังรากลึก รวมถึงคนที่หากขาดจินตนาการและไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้ก็อาจกำลังมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ความใกล้ชิด หรือมีปมปัญหาข้างในที่ถึงเวลาของการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแล้ว 

สรุปคือ ‘การมีจินตนาการทางเพศ ไม่ใช่เรื่องผิด และไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด’ ในเมื่อเป็นเพียงจินตนาการชั่วครู่เพื่อเติมเต็มความสุขสมทางเพศ 

แต่เมื่อไหร่ที่ความคิดบางอย่าง ซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่ามีความผิดทางศีลธรรม จริยธรรม และกฎหมายแล้วยังจะทำให้เกิดขึ้นจริงนั้น หากไม่พบจิตแพทย์คุณก็อาจกลายเป็นอาชญากรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม การหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้หลายคนรู้สึกคลายทุกข์ว่า ทั้งการมีจินตนาการทางเพศ และรสนิยมทางเพศที่แตกต่างไม่เหมือนใครนั้น หากไม่ได้ก่อความเดือดร้อนให้ใครก็ถือได้ว่าไม่ผิด อีกทั้งไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนให้มีการนอกกายและนอกใจ หรือส่งเสริมการก่ออาชญากรรมทางเพศแต่อย่างใด

เพียงแต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการมีจินตนาการทางเพศเป็นเรื่องปกติ เพราะสุดท้ายแล้วมนุษย์ไม่สามารถควบคุมความคิดตัวเองได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราเลือกที่จะจัดการกับมันอย่างไรต่างหาก หรือพูดง่ายๆ คือแยกแยะให้เป็นว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำนั่นเอง 

 อ้างอิง