4 Min

เราอาจจ่าย “เงินเดือนพนักงาน” น้อยเกินไป และจ่าย “เงินเดือนผู้บริหาร” ระดับสูงมากเกินไป หรือเปล่า?

4 Min
915 Views
25 Oct 2021

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมทุกวันนี้ตื่นตัวในประเด็น “ความเหลื่อมล้ำ” เป็นปัญหาที่คนเริ่มใส่ใจมากกว่ายุคก่อนๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และมันก็มีการพูดคุยกันมากมายหลากหลายถึงต้นตอของความเหลื่อมล้ำ

มีคนพูดอย่างหลากหลายว่ามันเกิดจากอะไร แต่สำหรับคนทำงานเองนั้น บางคนไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล

และจริงๆ แล้วหนึ่งในต้นตอของความเหลื่อมล้ำในวงกว้างก็อยู่ในบริษัทเอง

คุณรู้ไหมครับว่า “เจ้านาย” คุณ “เงินเดือน” เท่าไร? แน่นอนหลายคนไม่รู้ แต่พอต้องรู้บางคนอาจช็อก

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สื่อใหญ่อย่าง Inc. ได้นำเสนอเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ เพราะในอเมริกา พวกบริษัทใหญ่ๆ เงินเดือนผู้บริหารระดับสูงสุดอย่าง CEO นั้นสูงกว่าเงินเดือนพนักงานทั่วๆ ไปโดยเฉลี่ยถึง 320 เท่า

ใช่ครับ 320 เท่า เขียนไม่ผิด และนี่เขาเพิ่งสำรวจมาปี 2020 ซึ่งนี่หมายความว่า ในขณะที่พนักงานรายได้เฉลี่ยอาจสักเดือนละ 200,000 บาท คนที่เป็น CEO อาจมีเงินเดือนถึงเดือนละกว่า 60,000,000 บาท

และต้องย้ำนะครับว่านี่คือ “เงินเดือน” ไม่ใช่ “รายได้ทั้งปี”

นี่ฟังดูบ้าบอ แต่มันคือ “เรื่องจริง” ครับ และเห็นแบบนี้ มันไม่น่าแปลกใจอะไรเลยว่าสังคมมันถึงเหลื่อมล้ำขนาดนี้ เพราะคนรายได้ต่างกันขนาดนี้ทั้งๆ ที่อยู่บริษัทเดียวกัน มันไม่ใช่แค่ต่างกันราวกับอยู่คนละประเทศแล้วครับ มันเหมือนอยู่กันคนละโลก

ทำไมมันเป็นแบบนี้?

หลายๆ ฝ่ายก็จะบอกว่า ทุกวันนี้ “ผู้บริหารมีฝีมือ” เขา “คิดค่าตัวแพง” จ้างถูกๆ เขาไม่มา ดังนั้นบริษัทมันก็ต้องยอมจ่าย เพราะผู้บริหารพวกนี้ก็นำบริษัทไปสร้างรายได้จริงๆ หรือการยอมจ่ายให้ผู้บริหารปีหลักพันล้านบาท มัน “คุ้ม” ถ้าผู้บริหารมีปัญญาจะสร้างรายได้เป็น “แสนล้านบาท” ต่อปีให้กับบริษัท

ซึ่งก็นับว่าเป็นประเด็นที่เข้าใจได้ แต่ปัญหาก็คือ ช่องว่างนี้เหมือนจะถูกถ่างออกไปเรื่อยๆ

เพราะ เอาจริงๆ แล้วถ้าดูในระยะยาว เราจะเห็นเลยว่าจริงๆ “ช่องว่าง” ของเงินเดือนพนักงานและผู้บริหารระดับสูง ณ ปัจจุบัน มันต่างกันประมาณ 10 เท่าถ้าเทียบกับตอน 50 ปีที่ผ่านมา หรือพูดง่ายๆ

ถ้าจะกล่าวเป็นตัวในยุค 1970’s พนักงานทั่วๆ ไปอาจได้เงินเดือน 100,000 บาท ผู้บริหารระดับสูงก็จะได้เงินเดือนประมาณเดือนละ 3,000,000 บาท ซึ่งถึงมันห่างกัน แต่มันก็ไม่ได้ห่างบ้าบอระดับที่พนักงานได้เงินเดือน 200,000 บาท ส่วนผู้บริหารระดับสูงได้ 60,000,000 บาทแบบทุกวันนี้

ซึ่งจะบอกว่าผู้บริหารนั้น “ทำงานหนัก” ขึ้นเหรอ? ก็ไม่ใช่แน่นอน เพราะแม้แต่ฝ่ายที่เชียร์ผู้บริหารก็ยังไม่อ้างแบบนี้ และเอาจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นและทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็คือในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา “อำนาจต่อรอง” ของฝ่ายพนักงานมันต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นสหภาพแรงงานที่อำนาจน้อยลง ภาวะโลกาภิวัตน์ที่ทำให้บริษัทสามารถหาแรงงานราคาถูกได้ทั่วไป ซึ่งอัตราว่างงานที่สูงที่ผลักให้แรงงานยอมรับค่าจ้างต่ำลง ฯลฯ

นี่เลยทำให้มันไม่มีแรงผลักดันในการขึ้นค่าแรงจากฝั่งแรงงาน และเป็นผลให้ค่าแรงเป็นสิ่งที่ขึ้นช้ากว่าราคาสินค้าและบริหารอื่นๆ และทำให้ผ่านมา 50 ปี มาปัจจุบันนี้ เหล่าคนทำงานระดับล่างก็บ่นสารพัดว่าไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ กยศ. ไม่มีเงินซื้อบ้าน ไม่มีเงินรักษาพยาบาล ฯลฯ ทั้งที่สิ่งเหล่านี้คนทำงานระดับเดียวกันมันไม่ได้รู้สึกว่าแพงอะไรเลยตอน 50 ปีก่อน และขนาดคนทำงานระดับล่างก็ยังมีปัญญาซื้อบ้าน

ดังนั้น เราจ่ายเงินให้ผู้บริหารเยอะเกินไปไหมอาจไม่สำคัญ เท่าประเด็นก็ที่ว่า เราให้เงินกับพนักงานทั่วไปน้อยเกินไปหรือเปล่า?

และทุกวันนี้มันเริ่ม “สร้างปัญหา” แล้วเพราะการจ่ายเงินพนักงานน้อย มันหมายถึง “พลังบริโภค” ในสังคมมันก็ค่อยๆ ลดลงในระยะยาว ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และยอดขายและรายได้ของบริษัทก็ลดลงตาม

ถามว่าจะแก้ยังไง? คำตอบก็ไม่ได้ยาก เงินเดือนของพนักงานจะต้องเพิ่มขึ้นหมดตามสัดส่วน ส่วนเงินเดือนผู้บริหารก็ต้องลดลง และเราก็ต้องตระหนักว่า การลดเงินเดือนของผู้บริหารมันไม่ได้คอขาดบาดตาย และภาวะที่ผู้บริหารมีเงินเดือนระดับทำงานแค่เดือนเดียวก็มีเงินพอใช้ไปทั้งชีวิต หรือทำงานแค่วันเดียวก็ทำรายได้มากกว่าที่พนักงานคนหนึ่งจะทำได้ทั้งปี ก็อาจจะต้องถูกตั้งคำถาม

และที่บอกว่าไม่คอขาดบาดตายก็เพราะ ถ้าไปดูพวกสแกนดิเนเวียเราก็จะเห็นเลยว่ารายได้ของพวกผู้บริหารมันน้อยกว่าฝั่งอเมริกามาก ทั้งที่ประเทศพวกนี้ทั้งค่าครองชีพสูงกว่าแถมยังเก็บภาษีเงินได้ดุเดือดกว่ามาก ดังนั้นรวมๆ รายได้ของผู้บริหารในประเทศแถบนี้ถ้าหักภาษีไปแล้ว เต็มที่ก็ได้เงินเดือนมากกว่าพนักงานทั่วๆ ไปโดยเฉลี่ยในหลักสิบเท่า ไม่ใช่เป็นร้อยเท่าแบบที่เกิดในอเมริกา

แต่ผู้บริหารระดับสูงแถบนี้ก็ยืนยันหมดว่าชีวิตดี แฮปปี้ดี เพราะสังคมมันดี ซึ่งสังคมที่ดีที่ว่า มันก็ได้มาจากการที่เราจ่ายเงินให้พนักงานทั่วไปเยอะ เขาไม่เป็นหนี้ ไม่เครียด มีเงินซื้อสินค้าและบริหารสบายๆ ส่วนคนที่ไม่สามารถทำงานได้ รัฐก็ช่วยเหลือทำทำงานได้ ไม่ไหวก็เลี้ยงดูตามความเหมาะสมให้ไม่ไปก่ออาชญากรรมเพราะไม่มีจะกิน และก็คงจะไม่ต้องนับสวัสดิการอีกสารพัดที่สังคมพึงจะมีให้คนทุกชนชั้นอย่างเท่าเทียมอีก

ทั้งหมดเกิดจากระบบการจ่ายเงินคนในสังคมอย่างเป็นธรรมรวมไปจนถึงระบบการเก็บภาษีที่เอื้อให้เกิดการกระจายรายได้ในสังคม และสร้างหลักประกันในชีวิตให้กับผู้คนในสังคมทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน

อาจจะเป็นเวลาเราจะต้องยอมรับว่า “โลกทัศน์แบบอเมริกัน” ที่ขยายเงินเดือนของผู้บริหารไปบ้าบอและกดเงินเดือนพนักงานเอาไว้มันคือ “ปัญหา” หรือกระทั่ง “ต้นตอ” ของความเหลื่อมล้ำที่เผชิญหน้ากับเราอยู่ทุกวันนี้

แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ ผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกมีเงินเดือนสูงเกินไปจริงไหม และพนักงานทั่วไปมีเงินเดือนที่ต่ำเกินจริงหรือเปล่า มาแชร์กันได้เลย

อ้างอิง