เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจคนรอบตัวอยู่เสมอ ไม่เคยปฏิเสธอะไรเลย หรือเห็นด้วยกับทุกความคิดเห็นของคนอื่นอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่าเราอาจจะกำลังเป็นคนที่ ‘อะไรก็ได้’ อยู่ก็ได้นะ แต่หลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่า แล้ว ‘คนที่อะไรก็ได้’ เป็นอย่างไรนะ ในประเด็นนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกัน!
‘People-Pleaser’ อาจเป็นคำที่เราได้ยินกันไม่บ่อยนัก แต่หากเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘คนที่อะไรก็ได้’ หรือคนที่ชอบทำอะไรตามใจคนอื่น ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นเลย ไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไรก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง ก็อาจจะพอทำให้ทุกคนเข้าใจความหมายของคำนี้และเห็นภาพกันชัดมากขึ้น
แต่เมื่อพูดถึง ‘คนที่อะไรก็ได้’ หากเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจคนอื่นอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ก็อาจเกิดคำถามในใจได้ว่า เราก็เป็นคนที่อะไรก็ได้หรือเปล่านะ วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาสำรวจตัวเองกัน ว่าเราแค่ตามใจคนอื่นแค่ในบางเรื่องเท่านั้น หรือเรากำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้กับทุกเรื่องแล้วจริงๆ
- รู้สึกว่าการที่ต้องพูดปฏิเสธคนอื่นเป็นเรื่องยาก
- กังวลว่าคนอื่นจะคิดหรือมองเราอย่างไร
- เห็นด้วยกับคนอื่น แม้ว่าในใจเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วยก็ตาม
- ต้องการการยอมรับจากคนอื่น
- มักจะตำหนิหรือโทษตัวเองก่อนเสมอ
ถ้าคำตอบส่วนมากของเราคือ ‘ใช่’ ก็มีแนวโน้มว่าเราอาจจะกำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้จริงๆ แล้วแหละ!
แต่ในความจริงแล้ว การเป็นคนที่อะไรก็ได้กับทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะการที่เราละเลยความรู้สึกและความต้องการของตัวเองจริงๆ เอาแต่คอยทำตามคำขอของคนอื่น และไม่เคยปฏิเสธอะไรเลย ก็สามารถทำให้เราเกิดความเครียด ความวิตกกังวล และสูญเสียความมั่นใจในตัวเองได้เหมือนกัน
สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้ วันนี้เราจึงมีวิธีที่จะช่วยให้คุณเลิกเป็น ‘คนที่อะไรก็ได้’ มาฝากกัน! เพราะมันคงจะดีกว่าถ้าเรารู้จักปฏิเสธคนอื่น และทำตามความต้องการของตัวเองบ้าง เพื่อที่เราจะได้มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น
- ให้ความช่วยเหลือคนอื่นแค่เท่าที่เราพอช่วยได้ – การสร้างขอบเขตของความช่วยเหลือที่เราช่วยได้จะช่วยให้เรารู้ตัวเองว่าเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เราไม่เหนื่อยกับการช่วยเหลือคนอื่นมากเกินไป และมีเวลาทำตามความต้องการของตัวเองด้วย
- กล้าที่จะปฏิเสธให้เป็น โดยอาจเริ่มจากปฏิเสธในเรื่องเล็กน้อยก่อน – เริ่มแรกเราอาจรู้สึกว่าการพูดปฏิเสธคำขอร้องของคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าสมมติเราลองเริ่มจากปฏิเสธที่จะรับงานมาช่วยทำให้ทั้งหมด เปลี่ยนเป็นช่วยเหลือแค่บางส่วนหรือให้คำแนะนำแทน ก็น่าจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราปฏิเสธได้ง่ายขึ้น
- ใส่ใจความต้องการหรือความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้น – การเลิกแคร์ความคิดหรือความต้องการของคนอื่นและหันมาทำในสิ่งที่ใจเราต้องการบ้าง จะทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น และนอกจากนี้ การได้ทำในสิ่งที่เราชอบหรืออยากทำจริงๆ งานมันก็จะออกมาดีมากกว่าแน่นอน
- เลิกเป็น ‘ผู้ให้’ เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องรู้จักเป็น ‘ผู้รับ’ จากคนอื่นด้วย – เราทุกคนสามารถให้ความช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่อย่าลืมว่าบางครั้งตัวเราเองก็ต้องการความช่วยเหลือด้วยเหมือนกัน เพราะในความจริงแล้วก็ไม่มีใครเลยที่จะสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองในทุกเรื่องเสมอไป
- เราทุกคนต่างรู้ดีว่าอะไรที่มันมากไปก็คงไม่ดีอยู่แล้ว การหยิบยื่นความช่วยเหลือหรือทำตามใจคนอื่นมากเกินไปก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ตัวเองไหว และย้ำเตือนกับตัวเองไว้เสมอว่าทุกความสัมพันธ์ที่ดีก็ไม่ควรมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบกัน
สุดท้ายแล้ว เราอยากบอกทุกคนว่า การใส่ใจความต้องการของตัวเองให้มากขึ้นและรู้จักปฏิเสธคนอื่นบ้างในบางครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย และคนอื่นก็คงไม่ได้มองว่าคุณไร้น้ำใจหรือเห็นแก่ตัวอย่างที่ใจคุณเป็นกังวล ในทางกลับกัน มันอาจจะทำให้คุณได้ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตกลับคืนมาก็ได้นะ
อ้างอิง
- How to Stop Being a People-Pleaser. https://bit.ly/3GuvgQS