2 Min

อีกคนไล่ตาม อีกคนถอยห่าง แล้วเมื่อไหร่รักเราจะเข้ากันได้สักที?

2 Min
9 Views
05 Sep 2025

เคยเป็นไหม ที่เรามักเผลอคาดหวังจากอีกฝ่ายมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว? 

บางครั้งเราก็ไม่อาจทนห่างจากคนรักได้นานเกินไป โดยไม่รู้สึกกังวล เศร้า หรือกลัวถูกปฏิเสธ ซึ่งความย้อนแย้งคือ คนที่กลัวการสูญเสียที่สุดมักเป็นคนที่เผลอพูดคำว่าจะ ‘เลิกรา’ แทน เพื่อปกป้องตัวเองจากความเสียหายทางใจ หากอีกฝ่ายเป็นฝั่งบอกเลิกก่อน 

นักบำบัดคู่รักมักอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ‘The Pursuer-Distancer Dance’ หรือ พลวัตแห่งความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ผู้ไล่ตาม’ (pursuer) ที่พยายามเข้าใกล้ กับ ‘ผู้ถอยห่าง’ (distancer) ที่ต้องการพื้นที่ของตัวเอง เมื่อฝ่ายหนึ่งรู้สึกถูกทิ้ง อีกฝ่ายกลับรู้สึกถูกกักขัง ทั้งสองต่างติดอยู่ในความหวาดกลัวที่จะสูญเสียความใกล้ชิดที่แท้จริง และในความพยายามที่จะปกป้องสิ่งสำคัญที่สุด ขณะเดียวกันพวกเขากลับผลักมันออกไปโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายครั้งที่ผู้ชายกลายเป็นฝ่ายไล่ตามอย่างสิ้นหวัง เนื่องจากพวกเขามีประวัติการสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเพราะการเสียชีวิตหรือการถูกทอดทิ้ง บาดแผลนั้นหล่อหลอมให้เกิดทั้งความโหยหา และความรู้สึกว่าตนเอง ‘สมควร’ ได้รับการดูแลจากผู้หญิงที่ทำหน้าที่เหมือนแม่ 

ขณะเดียวกัน ผู้หญิงที่มาเป็นคู่รักก็มักมีอดีตที่ต้องเติบโตเร็วกว่าที่ควร ต้องดูแลครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อตกอยู่ในความสัมพันธ์เธอจึงเริ่มด้วยการเป็นผู้ดูแล แต่ไม่นานความเหนื่อยล้าและความต้องการอิสระก็ผลักให้เธอถอยห่าง และนั่นเองที่ไปกระตุ้นบาดแผลเดิมของฝ่ายชายเข้า

แต่ถึงจะรู้ว่าแรงขับนั้นมาจากไหน แต่ผู้ชายเหล่านี้ก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง จนยิ่งผลักคนรักออกไปไกลกว่าเดิม พวกเขาตกอยู่ในความขัดแย้งภายในใจ ส่วนหนึ่งต้องการใครสักคนมาชดเชยการสูญเสีย แต่ขณะเดียวกันกลับไม่สามารถรับมือกับการมี ‘ตัวแทนแม่’ ได้จริงๆ ความโกรธที่ยังไม่ถูกคลี่คลาย หรือความรู้สึกไร้ค่าลึกๆ ทำให้พวกเขาเชื่อว่าตนเองไม่คู่ควรจะเติมเต็มช่องว่างนี้ และสุดท้ายก็ทำลายสิ่งที่ตัวเองโหยหามากที่สุด

เรื่องราวเหล่านี้ชวนให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เวลาที่เราพยายามไขว่คว้าความรักอย่างเอาเป็นเอาตาย เรากำลังสร้างพื้นที่ให้ความสัมพันธ์เติบโตจริงๆ หรือเพียงแต่กำลังวิ่งหนีเงาของบาดแผลเก่า หากใช่อย่างหลัง บางทีคำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่การเรียกร้องจากคนรัก แต่คือการเรียนรู้ที่จะโอบกอดตัวเอง ยอมรับว่าเรามีคุณค่าเพียงพอ และเปิดพื้นที่ให้ความใกล้ชิดค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม จากตัวอย่างส่วนใหญ่จะพบว่าผู้ชายมักเป็นฝ่ายไล่ตามมากกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะไม่ไล่ตามเลยเหมือนกันนะ MOODY อยากให้ทุกคนสำรวจตัวเองให้ดีว่าคู่ของเราเป็นแบบนี้หรือเปล่า? บางคู่อาจไม่เป็น แต่หากคู่ไหนเป็นก็ลองเปิดอกสำรวจใจเพื่อพูดคุยหาหนทางปรับปรุงความสัมพันธ์กันดูนะ 

เพราะในท้ายที่สุด ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนไม่ใช่การจับไว้แน่นที่สุด แต่คือการปล่อยให้อีกฝ่ายหายใจได้ และเรายังคงมั่นใจว่าความผูกพันจะไม่หายไปไหน

อ้างอิง: