ยังไม่เจอฐานทัพสหรัฐฯ ในไทย แต่อาจจะได้เจอ ‘ตำรวจจีน’ ก่อน ดูตัวอย่างได้จาก ‘อิตาลี-แอฟริกา’
อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
หลายปีที่ผ่านมา จีนได้ลงนามกับ 40 ประเทศในแอฟริกา เพื่อให้จีนสนับสนุนการ ‘ฝึกอบรมตำรวจ’ จากประเทศเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือช่วยตำรวจในแอฟริกากำกับดูแล ‘พลเมืองจีนและธุรกิจจีน’ ที่ไปลงทุนในภูมิภาค แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนในยุโรปรายงานว่าจีนนั้นไปไกลถึงขั้นจัดตั้ง ‘สำนักงานลับ’ ในประเทศอื่นๆ เพื่อจับตัวผู้ต่อต้านรัฐบาลจีนส่งกลับประเทศ ซึ่งก็แน่นอนว่ารัฐบาลจีนปฏิเสธข่าวนี้ แต่สื่อจีนเคยรายงานว่ามีการส่งตำรวจจีนไป ‘ร่วมมือ’ กับประเทศอื่นจริงๆ รวมถึง ‘อิตาลี-ไทย’
ถ้าจีนมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล ‘ความสงบเรียบร้อย’ ในประเทศอื่นๆ จะเป็นอย่างไร? มีกรณีตัวอย่างในประเทศแถบแอฟริกา เพราะนี่คือทวีปที่จีนมีบทบาทอย่างมากในการลงทุนและขยายโครงสร้างสาธารณูปโภค ทั้งยังเป็น ‘เจ้าหนี้’ ของหลายประเทศ
นิตยสาร ADF สื่อแอฟริกา เคยรายงานเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ว่าในทวีปแอฟริกามีธุรกิจจีนกระจายตัวอยู่ประมาณ 10,000 แห่ง และในจำนวนนี้มีราว 2,000 แห่งที่เป็นกิจการของรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ธนาคาร เหมืองแร่ ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีก ทำให้รัฐบาลจีนทำข้อตกลงร่วมกับ 40 ประเทศในแอฟริกาเพื่อสนับสนุนด้าน ‘ความร่วมมือ’ ในการฝึกอบรมตำรวจ การบังคับใช้กฎหมาย การอารักขาผู้นำประเทศ ไปจนถึงการกำหนดแนวทางด้านความมั่นคงบางส่วน
ADF ยกตัวอย่าง ‘แอฟริกาใต้’ ซึ่งเป็นประเทศในแถบแอฟริกาที่มีชาวจีนอาศัยอยู่มากที่สุด มีการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลให้ส่งตำรวจแอฟริกาใต้ไปอบรมที่จีนตั้งแต่ปี 2016 และมีเงื่อนไขว่าแอฟริกาใต้จะต้องจัดตั้งหน่วยงานภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแอฟริกาใต้ที่ว่าจ้าง ‘เจ้าหน้าที่ชาวจีน’ เพื่อให้มีคนที่สามารถสื่อสารภาษาจีนและดูแลชาวจีนที่มาทำงานหรือลงทุนในแอฟริกาใต้
แต่สิ่งที่อื้อฉาวที่สุดคือการเปิดโปงในปี 2019 ว่าทั้งสองรัฐบาลมีข้อตกลงให้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจของจีน หรือ ‘Death Squad’ ในแอฟริกาใต้ เพื่อสอดส่องและควบคุมพลเมืองจีนที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลหรือผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลจีนในแอฟริกาใต้ และเจ้าหน้าที่ของจีนถูกส่งไปเข้าร่วมการลาดตระเวนตามแนวชายแดนที่เชื่อมต่อกับแทนซาเนียและโมซัมบิก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวจีนและธุรกิจจีนตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อความรุนแรง แต่หน่วยเฉพาะกิจนี้ถูกยกเลิกไปในยุคของ ไซริล รามาโฟซา (Cyril Ramaphosa) ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ ‘เคนยา’ ริเริ่มโครงการส่งตำรวจไปฝึกอบรมที่จีนตั้งแต่ปี 2021 รวมกว่า 400 คน เพื่อจะเรียนรู้วิธีบังคับใช้กฎหมาย (โดยมีจีนเป็นแบบอย่าง) รวมถึงการอารักขาผู้นำประเทศและการกำกับดูแลด้านความมั่นคง โดยเฉพาะ ‘ความปลอดภัย’ ของชาวจีนและธุรกิจจีน ซึ่งมีการลงทุนในโครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างประเทศในสหภาพแอฟริกา (AU) ที่รัฐบาลจีนผลักดันตามแนวนโยบาย Belt and Road ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
แต่ พอล นันตูเลีย (Paul Nantulya) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสถาบันแอฟริกาเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ (ACSS) ระบุว่า การยึดจีนเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและบังคับใช้กฎหมาย มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพราะผู้เห็นต่างจากรัฐบาล รวมถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ระหว่างเคนยา-จีน จะถูกเพ่งเล็งหรือจับกุม ซึ่งก็ถือว่าย้อนแย้งกับนโยบายส่งเสริมเสรีประชาธิปไตยที่รัฐบาลเคนยากล่าวอ้าง
ส่วนกรณีของ ‘อิตาลี’ ซึ่ง ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2023 โดยระบุว่า ททท. ได้มีการพูดคุยกับ ‘สถานทูตจีน’ ว่าจะมีโครงการลาดตระเวน โดยมีตำรวจจากจีนเดินทางมาที่ประเทศไทย ในสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ซึ่งกล่าวว่านี่เป็นโครงการลักษณะเดียวกับที่เคยทำที่อิตาลีและประสบความสำเร็จ เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนในไทยได้
แต่ถ้าไปดูข้อมูลของสำนักข่าว Reuters จะพบว่ารัฐบาลอิตาลีได้พิจารณายกเลิกโครงการลาดตระเวนร่วมกับจีนในปี 2022 หลังจากที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2016 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในยุโรป Safeguard Defenders ที่เปิดเผยข้อมูลว่า จีนใช้เงื่อนไขในโครงการด้านนี้ตั้งสำนักงานลับราว 11 แห่งในอิตาลี เพื่อทำงานด้านการเมืองและความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองจีนในอิตาลี เช่นเดียวกับที่มีสำนักงานเช่นนี้อีกราว 100 แห่งในประเทศยุโรป
ต่อมา ทางการสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีก็ยอมรับว่าพบเบาะแสการตั้งสำนักงานลับของทางการจีนจริงๆ แต่สถานทูตจีนในประเทศเหล่านี้ก็ปฏิเสธทั้งหมด โดยกล่าวอ้างว่าสำนักงานลับในรายงานขององค์กรสิทธิฯ ยุโรปนั้นแท้ที่จริงแล้วคือศูนย์อาสาสมัครที่ให้บริการหรือช่วยเหลือชาวจีนในต่างแดน แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเพ่งเล็งหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่องค์กรสิทธิฯ กล่าวอ้าง
ย้อนกลับมาที่ไทย แม้ ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะแถลงข่าววันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ว่าข้อมูลเรื่องไทยจะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนนั้นเป็นข่าวปลอม (fake news) เพราะมีการพูดคุยในแง่ของ ‘การทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจไทยและจีน’ เท่านั้น ทั้งยังเตือนผู้ใช้สื่อโซเชียลที่มีข้อสงสัยในประเด็นนี้ว่าอย่าพยายามสร้างวาทกรรมเพื่อหวังผลทางการเมืองอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ถ้าไปดูการรายงานข่าวของ CGTN ซึ่งเป็นสื่อในการกำกับดูแลของรัฐบาลจีน จะเห็นได้ว่าเคยมีความร่วมมือระหว่างตำรวจจีน ไทย และประเทศอื่นๆ ในลุ่มแม่น้ำโขง (เมียนมา ลาว) มาแล้ว โดยเฉพาะการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติที่เกี่ยวพันกับเว็บพนันและการหลอกลวงฉ้อโกงทางไซเบอร์ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในภูมิภาคนี้
แม้จะเป็นปฏิบัติการที่เกี่ยวพันกับเครือข่ายอาชญากรตามแนวชายแดน แต่ทางการจีนและไทยก็ไม่เคยยืนยันว่านี่คือการลาดตระเวนร่วมกัน แต่เป็น ‘ความร่วมมือ’ ในปฏิบัติการปราบปรามผู้กระทำผิดเท่านั้น
อ้างอิง
- ADF. Chinese Training for Foreign Police Raises Human Rights Concerns. https://tinyurl.com/89h7rxs4
- CGTN. China, Thailand, Myanmar and Laos initiate joint operation to crack down on gambling, fraud. https://tinyurl.com/mt7phbk8
- PBS. What are China’s alleged ‘secret overseas police stations’? https://tinyurl.com/ja7c9eu2
- The Guardian. Italy home to 11 of 100-plus unofficial Chinese ‘police stations’. https://tinyurl.com/3ddw3meb
- Reuters. Italy stops joint police patrols with China – interior minister. https://tinyurl.com/2p8npuk2