4 Min

บทสรุป #เสือดำต้องไม่ตายฟรี เมื่อแรงกดดันจากสังคมมีผลต่อคดีล่าสัตว์ป่า

4 Min
303 Views
09 Dec 2021

คดีสิ้นสุด! คำพิพากษาฎีกา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตัดสินโทษจำเลย 4 ราย ในคดีที่คนไทยเรียกว่า #คดีเสือดำ โดยมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี 8 เดือน, 2 ปี 6 เดือน, 2 ปี 9 เดือน และ 2 ปี 13 เดือน โดยไม่มีเหตุให้รอลงอาญา

คดีล่าเสือดำอันโด่งดังนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เกี่ยวพันกับทีม ‘ล่าสัตว์ป่า’ ซึ่งถูกจับได้พร้อมของกลางคาหนังคาเขาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี และสื่อไทยรายงานเป็นข่าวหน้าหนึ่งต่อเนื่อง ทั้งยังมีผู้ติดตามคดีอย่างล้นหลามในสื่อออนไลน์ เพราะคดีนี้เกี่ยวข้องกับเสือดำ ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครอง แต่กลับถูกชำแหละเหลือแต่ซาก และต่อมาผู้ถูกจับกุมก็รับสารภาพว่า ‘ล่าเพื่อเป็นอาหาร’

อีกหนึ่งไฮไลต์ของคดีนี้คือการที่คนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของไทยเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับกุมด้วย คือ ‘เปรมชัย กรรณสูต’ ซึ่งในตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตกเป็นจำเลยที่ 1 ส่วนอีก 3 คน ได้แก่ ยงค์ โดดเครือ คนขับรถและพนักงานบริษัทอิตาเลียนไทยฯ, นที เรียมแสน แม่ครัว, ธานี ทุมมาศ นายพราน เป็นจำเลยที่ 2-4

ฐานความผิดที่ทีมนักล่าสัตว์ป่าถูกตั้งข้อหา มีตั้งแต่ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีนี้ผ่านการพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มาแล้วในปี 2562 และ 2563 จนกระทั่งมาถึงชั้นศาลฎีกาในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 โดยเปรมชัยถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ขณะที่ยงค์ คนขับรถ ถูกจำคุก 2 ปี 9 เดือน, นที แม่ครัว จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท และธานี นายพราน 2 ปี 13 เดือน โดยทั้งหมดถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

ที่ผ่านมา คดีนี้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์และจับตามองมาโดยตลอด ทั้งนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและคนทำงานในแวดวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างก็ออกมารณรงค์แคมเปญ #เสือดำต้องไม่ตายฟรี และ #อย่าให้เสือดำตายฟรี ทั้งในสื่อสังคมออนไลน์และการจัดกิจกรรมในที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะ ‘มูลนิธิสืบนาคะเสถียร’ ที่ออกแถลงการณ์ย้ำว่าอย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหาย และต้องติดตามจนกว่าผู้กระทำผิดได้รับการลงโทษตามกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ดี ระหว่างการพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรมแบบไทยๆ มีคำตัดสินที่ค้านสายตาประชาชนเกิดขึ้นเช่นกัน

เปรมชัยยังมีคดีเสนอสินบนอีกหนึ่ง

ถ้าจะสรุปสั้นๆ คือ ศาลชั้นต้นตัดสินให้คนอื่นๆ นอกจากเปรมชัย มีความผิดในข้อหา ‘ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่า’ ซึ่งหมายถึงซากเสือดำ โดย ยงค์ โดดเครือ คนขับรถ ถูกพิพากษาโทษจำคุก 13 เดือน ไม่รอลงอาญา, นที เรียมแสน แม่ครัว โทษจำคุก 4 เดือน รอลงอาญา พร้อมปรับเงิน 10,000 บาท และธานี ทุมมาศ นายพราน โทษจำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา

ส่วนเปรมชัยที่สื่อไทยหลายสำนักเรียกขานว่า ‘เจ้าสัว’ ถูกยกฟ้องในข้อหานี้คนเดียวในศาลชั้นต้น แต่มีความผิดใน 3 ข้อหาอื่นๆ ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ซ่อนเร้นซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) และพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถูกลงโทษจำคุกรวม 16 เดือน ทำให้คนจำนวนมากมองว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะผู้สนับสนุนให้เกิดการล่าสัตว์ กลับไม่ได้รับโทษในข้อหาเดียวกับคนอื่นๆ ที่ร่วมกันกระทำผิดในการครอบครองซากเสือดำ

แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงศาลอุทธรณ์ จึงได้มีคำตัดสินเพิ่มโทษแก่เปรมชัย จาก 16 เดือนเป็นโทษจำคุก 2 ปี 14 เดือน (ไม่รอลงอาญา) และในศาลนี้เขาถูกพิพากษาความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองเช่นเดียวกับจำเลยอีก 3 คน ซึ่งถูกเพิ่มโทษเช่นกัน คือ ยงค์ โดดเครือ คนขับรถ ถูกเพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 17 เดือน (ไม่รอลงอาญา) นที เรียมแสน แม่ครัว จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 21 เดือน (ไม่รอลงอาญา)

ทั้งสี่คนยื่นเรื่องขออนุญาตประกันตัวพร้อมหลักทรัพย์คนละ 1 ล้านบาท ซึ่งศาลก็ให้ประกันตัวและให้ทั้งหมดใส่กำไลอีเอ็มติดตามตัว และห้ามออกนอกประเทศระหว่างยื่นฎีกา

นอกจากนี้ เปรมชัยยังถูกสอบสวนในคดี เสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่า และศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ให้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่สั่งลงโทษจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา แต่เขายื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมาสู้คดีต่อในชั้นฎีกา และศาลเห็นชอบให้ประกันตัวอีกเช่นกัน

ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าการให้เปรมชัยได้ประกันตัว อาจจะทำให้เขาหลบหนีการรับโทษเมื่อคดีถึงที่สุด เหมือนกับอีกหลายคดีที่คนรวยมักจะเล็ดลอดหลบหนีไปต่างประเทศได้ เช่น กรณี ‘บอส’-วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครือธุรกิจกระทิงแดงที่ขับรถชนตำรวจตายแต่ยังลอยนวลอยู่จนถึงวันนี้ ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนเปรมชัยผ่านสื่อว่า “ถ้าหลบหนี จะเจอหมายจับแน่” และในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 เปรมชัยก็มารับฟังคดีด้วยตัวเอง พร้อมหน้ากากอนามัยและผ้าปิดตาจนแทบไม่เห็นใบหน้า หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปเรือนจำพร้อมพวก

อ้างอิง:

  • มูลนิธิสืบนาคะเสถียร. ทบทวนความคืบหน้าคดีล่าเสือดำ 2564 ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา. https://bit.ly/3dsENuX
  • สำนักข่าวอิศรา. ปิดคดีล่าเสือดำ! ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ‘เปรมชัย กรรณสูต’ 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา. https://bit.ly/3y3SJox
  • Sanook. เจ้าสัวเปรมชัย ลุ้น! ฎีกาชี้คดีล่าเสือดำ “ประยุทธ์” เตือนหากหลบหนี เจอหมายจับแน่. https://bit.ly/3y3dAbF
  • ไทยรัฐออนไลน์. ศาลฯ พิพากษายืน จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา “เปรมชัย” คดีเสนอสินบน จนท.รัฐ. https://bit.ly/3dxdWxQ