2 Min

ยุโรปประเมิน อีกไม่เกินไป 5 ปี ‘คอนเทนต์ออนไลน์’ ประมาณ 90% จะถูกสร้างโดย AI

2 Min
806 Views
10 Oct 2022

เราอยู่ในยุคที่สารพัดคอนเทนต์ถูกสร้างโดย AI แบบที่เราไม่รู้ตัวไม่ว่าจะเป็น Dall-E, Mid Journey หรือกระทั่ง Stable Diffusion AI วาดภาพเหมือนที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือย้อนไปอีกนิด AI ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ผ่านการทำวิดีโอเปลี่ยนหน้าที่เรียกว่า ‘Deepfake’ ไปจนถึง AI ที่สามารถเขียนบทความได้เหมือนคนจริงๆเขียนจนคนอ่านแยกไม่ได้ก็มีให้เห็นมาแล้ว

นั่นทำให้หลายคนคาดอีกไม่นาน AI จะสร้างสื่อดิจิทัลได้ทุกชนิดผ่านโซเชียลมีเดีย  แล้วลองนึกต่อว่า ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียที่เราใช้ มันก็ให้ AI ทำหน้าที่แนะนำสารพัดคอนเทนต์ให้เราอยู่แล้ว

ลองคิดต่อไหมว่า ถ้าวันนึงแทนที่มันจะแนะนำสิ่งที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่มันกลับเปลี่ยนไปสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาใหม่ตามความชอบเรา เช่น ถ้ามันเห็นเราชอบคลิปแบบไหน มันก็สร้างคลิปแบบนั้นมาให้เราดู ถ้ามันเห็นเราชอบฟังเพลงแบบไหน มันก็สร้างเพลงแบบนั้นให้เราฟังสดๆ และถ้ามันรู้เราชอบอ่านบทความแบบไหน มันก็สร้างบทความแบบนั้นมาให้เราอ่าน หรือกระทั่งว่าถ้ามันเห็นว่าเราชอบคุยกับคนแบบไหน มันก็อยากจะสร้างคนแบบนั้นมาเป็นเพื่อนเรา ถ้าเป็นแบบนั้น โลกในอนาคตจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร

ทั้งหมดนี้จึงทำให้หน่วยตำรวจของทางสหภาพยุโรปหรือยูโรโปลคาดการณ์ว่าในไม่เกิน 5 ปีต่อจากนี้โลกจะเต็มไปด้วยคอนเทนต์สารพัดที่ AI สร้างขึ้นมา และคำถามต่อมาก็คือเราจะเอายังไงในเชิงกฎหมาย เพราะมันจะมีปัญหาทางข้อกฎหมายแน่ๆ

ปัญหาจะมีอะไรบ้าง? คำตอบคือเต็มไปหมด ไล่ตั้งแต่ภาพที่ AI สร้างนี่มีลิขสิทธิ์หรือไม่? ลิขสิทธิ์เป็นของใคร? การวาดภาพมาคล้ายๆ นักวาดที่ยังมีชีวิตอยู่นี่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่? หรือการทำ Deepfake จากหน้าคนจริงๆ จะถือว่าละเมิดเจ้าของหน้าที่แท้จริงหรือไม่?  ถ้าผิด ผิดกฎหมายข้อไหน? หรือถ้า AI ดันสร้างภาพโป๊เด็กขึ้นมาโดยบังเอิญโดยไม่มีใครสั่ง ใครจะเป็นคนผิดหรือรับผิดชอบ? และสมมติว่าคอนเทนต์ที่ AI สร้างขึ้นมาแบบอัตโนมัติ มันนำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรงบางอย่าง ใครต้องรับผิดชอบ?

ลำพังที่กล่าวมานี้ก็ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากที่คนในสังคมต้องพูดคุยตกลงกัน ว่าจะสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพและความไม่วุ่นวายอย่างไร จะมีกติการ่วมกันยังไง? จะมีหน่วยงานที่เป็นตัวแทนประชาชนในการกำกับดูแลสิ่งเหล่านี้ยังไง? (ไม่ใช่เอะอะก็อ้างว่าผิด พรบ. คอมฯแบบในบางประเทศ โดยคนบอกว่าผิดก็อธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผิดยังไง)

ซึ่งนี่ไม่ใช่ตอนต่อไปของซีรี่ส์ The Black Mirror แต่เป็นภาวะที่โลกจะต้องเผชิญแม้อาจจะไม่เร็วแบบที่ยูโรโปลประเมิน แต่อย่างช้าๆ ก็น่าจะเกิดขึ้นภายในไม่เกิน สิ้นทศวรรษนี้แน่ๆ และเราก็คาดหวังได้เลยว่ามันจะยุ่งเหยิงสุดๆ เพราะว่าแต่ละชาติก็อยากจะออกแนวทางควบคุมแต่พอไม่มีความเห็นตรงกันในนโยบายเหล่า โลกก็อาจจะเข้าสู่ภาวะไร้ระเบียบอันโกลาหลที่ไม่มีใครสามารถควบคุมคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียได้ และถึงตอนนั้น เหล่าผู้มีอำนาจและคนเฒ่าคนแก่ก็น่าจะตระหนักและยอมรับถึงความไร้อำนาจของตัวเองในการควบคุมภาวะอันยุ่งเหยิงนี้

เพราะสุดท้าย คงไม่มีกฎหมายใดๆ ที่สามารถควบคุมเทคโนโลยีที่คนแทบทั้งหมดในโลกใช้ ให้มันต่างไปจากเจตจำนงของพวกเขาได้

และจริงๆ รัฐเสรีประชาธิปไตยก็คงจะไม่ต้องมีปัญหาอะไรเพราะกฎหมายมันก็ควรจะเป็นเจตจำนงของประชาชนอยู่แล้ว ประชาชนต้องการให้ไม่ควบคุม ก็ต้องเป็นตามนั้น แต่ก็บอกเลยว่านี่น่าจะเป็นฝันร้ายของสังคมเผด็จการที่ชอบควบคุมโลกให้มันบิดผิดเพี้ยนไปจากเจตจำนงของประชาชน

อ้างอิง