Oktoberfest เทศกาลเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จุดเริ่มต้นไม่เกี่ยวกับเบียร์แม้แต่นิด

4 Min
1044 Views
12 Oct 2020

ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว เมือถึงหน้าหนาว สิ่งที่หลาย ๆ คนนึกถึงก็อาจจะเป็นการกินเบียร์ เพราะไม่น่าจะมีอะไรเข้ากับเบียร์มากกว่าอากาศหนาว ๆ ซึ่งบ้านเราไม่ค่อยมีอีกแล้ว และเนื่องในโอกาสนี้ เราก็เลยอยากจะเล่าเรื่องของเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน และที่ “ใหญ่” ที่ว่านี่ก็คือมีการกินเบียร์ในเทศกาลมากที่สุดระดับหลายล้านลิตร

ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึง Oktoberfest

จริง ๆ ในเดือนตุลาคมใครเดินผ่านผับบาร์ก็อาจจะเห็นคำนี้บ่อย ๆ ซึ่งหลาย ๆ ร้านก็ใช้คำว่า Oktoberfest เป็นโอกาสโปรโมชั่น ซึ่งบางทีเราก็ไม่สนหรอกว่ามันคืออะไร แต่ก็ได้โอกาสใช้โปรนี้กินเบียร์ในราคาที่ถูกลง

แต่จริง ๆ รู้มั้ยครับว่า Oktoberfest จริง ๆ ดั้งเดิมมันก็ไม่ใช่เทศกาลกินเบียร์ด้วยซ้ำ และทุกวันนี้ที่เยอรมันเอง มันก็ไม่ใช่เทศกาลที่จัดในเดือนตุลาคมด้วย

แล้วมันเริ่มมายังไง? มาครับเราจะมาเล่าให้ฟัง

ย้อนกลับไป 200 กว่าปีที่แล้วในปี 1810 ช่วงนั้นยังไม่มีประเทศ “เยอรมัน” ดินแดนของชนชาติที่ใช้ภาษาเยอรมันแบ่งเป็นแคว้นซึ่งมีอำนาจปกครองตัวเองและมีกษัตริย์ของตัวเองมากมาย

Oktoberfest เป็นงานเทศกาลที่เกิดขึ้นในแคว้นบาวาเรีย โดยมันเริ่มต้นมาในฐานะงานฉลองพีธีอภิเษกสมรสของเจ้าชาย Ludwig มกุฏราชกุมารของแคว้นบาวาเรีย (ซึ่งต่อมาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของแคว้นบาวาเรียนามว่า พระเจ้า Ludwig ที่ 1) โดยงานจัดที่เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรียอย่างเมืองมิวนิค

พูดง่าย ๆ คือมันก็เป็นงานฉลองพิธีสำคัญของชนชั้นนำทั่วไปเลย แต่งานนี้จัดเป็นเทศกาลใหญ่โตยาวหลายวันหลายคืน และมีการละเล่นสารพัด ซึ่งไฮไลต์ก็คือการแข่งม้า

และก็ดังที่บอกมาแล้ว นี่เป็นงานเทศกาลทั่ว ๆ ไป (อาจนึกถึงพวกงานวัดหรืองานกาชาดในสเกลที่ใหญ่มาก ๆ ) ดังนั้นเอาจริง ๆ มันไม่ได้เน้นขายเบียร์ และปีแรก ๆ ก็ไม่มีเบียร์ขายด้วยซ้ำ

งานเทศกาลนี้ทำให้คนแฮปปี้มาก ทางผู้ปกครองก็แฮปปี้ก็เลยจัดต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 1819 ทางผู้ปกครองจะเลิกจัด แต่ประชาชนไม่อยากให้เลิก ผู้จัดก็เปลี่ยนมือมาเป็นประชาชนชาวมิวนิคแทน และคนมิวนิคก็สถาปนาเทศกาลนี้เป็นเทศกาลประจำเมืองมิวนิคมานับแต่นั้น

ในตอนแรกที่ประชาชนจัด Oktoberfest กันเองมันก็ยังไม่ใช่เทศกาลเบียร์ ไม่มีใครนึกถึง Oktoberfest แล้วจะนึกถึงเบียร์ แต่จะนึกถึงงานที่มีการละเล่นเยอะ ๆ และมีไฮไลต์เป็นกิจกรรมที่ชาวบ้านจะได้ดูปีละครั้งอย่างการแข่งม้า

อย่างไรก็ดี ก็ต้องเข้าใจอีกว่า การจัดงานในสเกลใหญ่ขนาดนี้ ประชาชนก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ก็เลยต้องหา “สปอนเซอร์” จากภาคธุรกิจต่าง ๆ และสปอนเซอร์หนึ่งก็คือธุรกิจที่ใหญ่โตในกรุงมิวนิคอย่างพวกโรงเบียร์ เบียร์ก็เลยเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Oktoberfest เมื่อประชาชนไปขอสปอนเซอร์

เมื่อเวลาผ่านไป จากที่พวกโรงเบียร์จะมีแค่บูธขายเบียร์เล็ก ๆ ในงาน การกินเบียร์ก็ขยายวงกว้างขึ้น และสร้างรายได้ให้กับโรงเบียร์ ทำให้ยิ่งสามารถเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ไปอีก เรียกได้ว่าในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 งาน Oktoberfest ก็ได้เปลี่ยนจากงานที่จุดเด่นคือการละเล่นต่าง ๆ กลายมาเป็นลานเบียร์ขนาดใหญ่โตมโหฬารไปแล้ว และหลังจากนั้นคนนึกถึง Oktoberfest ก็จะนึกถึงมันในฐานะงานเบียร์ที่ใหญ่โตมาตลอด เรียกได้ว่าคนลืมจุดเริ่มต้นมันไปหมดแล้ว

และในปี 1960 หลังซึ่งเป็นปีครบรอบ 150 ปีของ Oktoberfest งาน Oktoberfest ยุคเก่าก็ปิดฉากอย่างถาวรเพราะเป็นปีแรกที่ยกเลิกการโชว์แข่งม้า เพราะคนมิวนิคในยุคนี้ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับการดูการแข่งม้าแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจงงว่า ทั้งหมด Oktoberfest มันก็เป็นแค่เทศกาลของเมืองหนึ่งในเยอรมัน ทำไมมันถึงโด่งดังไปทั่วโลกทุกวันนี้ได้ อธิบายง่าย ๆ มีสองปัจจัย ปัจจัยแรกช่วงที่พรรคนาซีเรืองอำนาจ พรรคนาซีมีฐานที่มิวนิค มันเลยส่งผลให้วัฒนธรรมมิวนิคมันแพร่กระจายไปทั่วเยอรมันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (ก่อนหน้านั้นบาวาเรีย ไม่ใช่แคว้นที่มีบทบาทด้านเศรษฐกิจการเมืองเท่าไร) ปัจจัยที่สองคือการท่องเที่ยว คือใครนึกถึงวัฒนธรรมเยอรมัน สิ่งแรก ๆ ที่คนนึกถึงก็คงไม่ใช่พวกนักคิดหรือนักแต่งเพลง แต่เป็นเบียร์ และเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดใน “เมืองเบียร์” แห่งนี้ก็คือ Oktoberfest ที่จัดที่มิวนิคทุกปี

ด้วยชื่อเสียงแบบนี้เอง ที่ทำให้เทศกาลเบียร์ของเมืองหนึ่งในเยอรมันค่อย ๆ กลายมาเป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปในที่สุด

เรียกได้ว่าทุกวันนี้ คนขายเบียร์ทั่วโลกก็มักจะจัดโปรเบียร์ในช่วงเดือนตุลาคมเนื่องในโอกาส Oktoberfest อันเป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้เอง

ซึ่งเรื่องตลกคือ ถึงจะชื่อ Oktoberfest แต่จริง ๆ ทุกวันนี้มันเป็นงานที่จัดในช่วงกลางเดือนกันยายน และไปสิ้นสุดต้นเดือนตุลาคม และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ดั้งเดิมงานนี้จะจัดราว ๆ สัปดาห์ท้าย ๆ ของกันยายนและจัดไปถึงกลาง ๆ เดือนตุลาคมตามช่วงเวลาของการจัดงานครั้งแรก เรียกได้ว่าจัดคร่อมเดือน อย่างไรก็ดี เมื่อเยอรมัน “รวมประเทศกันใหม่” ในปี 1990 หลังการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน มันเกิดวันสำคัญใหม่ของชาติเยอรมันขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีเนื่องในโอกาสรวมเป็นประเทศเดียวกันอีกครั้งระหว่างเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตก

นี่ทำให้ Oktoberfest ที่จัดมาเกือบสองร้อยปีแล้วในตอนนั้นมันจัดยังไงก็จะต้อง “คร่อม” วันสำคัญระดับชาติที่เกิดใหม่นี้ และงานเฉลิมฉลองระดับแคว้น ยังไงก็ต้องหลีกทางให้วันสำคัญระดับชาติ ซึ่งสุดท้ายผลก็คือตั้ง 1994 เป็นต้นมา ก็ได้มีการเลื่อนจัด Oktoberfest ให้เร็วขึ้น โดยให้ไปสิ้นสุดวันที่ 1-2 ตุลาคมแทนที่จะไปสิ้นสุดกลางเดือน เพื่อจะได้ไม่ไปทับกับวันรวมชาติเยอรมันวันที่ 3 ตุลาคม

ดังนั้น Oktoberfest ในเมืองมิวนิคทุกวันนี้จึงเป็นงานที่จัดในเดือนกันยายนเป็นหลัก ยาวไปเดือนตุลาคมไม่เกิน 1-2 วัน ส่วนเหตุผลว่าทำไมไม่เปลี่ยนชื่อจาก Oktoberfest เป็น Septemberfest ก็น่าจะชัดเจนว่า ก็เพราะงานนี้จัดมาแล้ว 200 กว่าปีในชื่อนี้ จะเปลี่ยนชื่อก็กระไรอยู่ นอกจากนี้ถ้ามองในเชิง “แบรนด์” แล้ว แบรนด์ของ Oktoberfest ก็มีมูลค่ามหาศาลไปแล้ว มันสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับเมืองมิวนิคตั้งไม่รู้เท่าไร เปลี่ยนชื่อไปมูลค่าเสียหายหมด