-
ในการพัฒนาตลอดมาของเทคโนโลยีนั้น ไม่ว่าจะเป็น WEB 1.0 ที่การสื่อสารนั้นเกิดขึ้นเเบบทางเดียว ( One way communication ) เจ้าของเว็ปไซต์ทําการนําเสนอผ่านเว็ปโดยที่ผู้อ่านไม่สามารถโต้ตอบได้ เช่น Kapook เป็นต้น หรือ WEB 2.0 ที่หลายๆคนคุ้นชินกันอย่าง Facebook หรือ DekD ที่มีการพัฒนาจาก WEB 1.0 คือการที่สามารถโต้ตอบซึ่งกันเเละกันได้ เเต่ทั้งสองรูปเเบบนั้นยังขาดซึ่งการ ” ยืนยันของตัวตนจริงๆเเละความเป็นเจ้าของ “
-
Blockchain จึงเข้ามามีบทบาทในการทําหน้าที่ยืนยันว่าสิ่งนี้คือต้นฉบับจริง มีความโปร่งใส เเละทุกคนสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ผ่านการนํา Transaction No.ไปตรวจสอบ
-
NFT หรือ Non-fungible Token คือ สินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวไม่สามารถทดเเทนได้ ซึ่งต่างจาก Cryptocurrency ตรงที่ว่าไม่ว่าจะได้เหรียญไหน มาจากไหน หากได้รับมูลค่า 1BTC จากที่ A การได้รับ 1BTC จากที่ B จะมีมูลค่าเท่ากับที่ A ซึ่งสามารถใช้ทดเเทนกันได้ต่างจาก NFT ที่มีรหัสเฉพาะไม่สามาถใช้ทดเเทนกันได้ NFT ได้มีการใช้ Technology Blockchain เพื่อความโปร่งใสเเละการที่มีรหัสเฉพาะ
-
NFT ถูกรู้จักในรูปเเบบของ งานภาพ ภาพวาด งานอารท์ ต่างๆ เเต่เป็นรูปเเบบดิจิตอล จับต้องไม่ได้ กันถูกก๊อปไม่ได้ เเต่มีความเป็นเจ้าของจริงเเละตรวจสอบได้จริง จุดเริ่มต้นของ NFT นั้นมาจาก Project Crypto Punk ที่มีการสร้าง Avatar 10000 ตัวโดยทางเจ้าของเก็บไว้ 1000 ตัว ส่วนที่เหลือเเจกฟรี เพื่อที่จะทดสอบว่าสามารถเกิดตลาดการซื้อขายได้หรือไม่ ซึ่งหลังจากที่เวลาผ่านไปก็เกิดการซื้อขายเกิดขึ้นเเละเเต่ละ Avatar ราคาก็ขึ้นอยู่กับ Supply ที่มี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเเปลกใหม่มากเพราะการที่คนเรานําเงินจริงมาซื้อของที่จับต้องไม่ได้นั้นฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
-
ปัจจุบันตลาด NFT นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 18.74 ล้านดอลล่าร์เเละมีเเนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคตทําให้การมาของ NFT ยังเป็นการมาถึงโอกาสในอาชีพใหม่ๆด้วย เช่น Tokenomist , Community Builder เป็นต้น
งานเขียนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
751471 Economic of DeFi (Decentralized Finance)
ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
งานชิ้นนี้ เขียนโดย
นายประเสริฐ หว่าหลิ่งต๊ะ
651610245