‘ยังไงซิ?!’ ชาวเน็ตงง ผอ.เตรียมพัฒน์ ยื่นหนังสือ กรณี ‘หยก’ ถึง ส.ว.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค
จินตนา ศรีสารคาม ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ หรือ ‘เตรียมพัฒน์’ ปรากฏตัวผ่านสื่อครั้งแรกในรอบเกือบ 1 เดือน หลังเกิดกรณี ‘หยก ธนลภย์’ นักกิจกรรมวัย 15 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีอาญา ม.112 และทางโรงเรียนระบุว่า ‘ไม่มีสถานะนักเรียน’ เพราะไม่ได้พาผู้ปกครองตัวจริงไปมอบตัวตามเวลาที่กำหนด ล่าสุด ผอ.จินตนา ได้ไปยื่นหนังสือถึง สมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำวุฒิสภา ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2566
การยื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจาก ส.ว. ให้ช่วยจัดการเรื่อง ‘หยก ธนลภย์’ และ ผอ.จินตนาได้แถลงต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “เป็นห่วงเด็ก 4,000 กว่าคน” ในโรงเรียนเตรียมพัฒน์ ว่าจะกังวลและเสียสมาธิในวันสอบที่จะมาถึงในวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 เนื่องจากหยกโพสต์เฟซบุ๊กว่าเธอไม่มีสิทธิ์สอบ และทางโรงเรียนเกรงว่าจะมีการนำ ‘คนนอก’ และสื่อมวลชนมารายงานข่าวเพื่อกดดันกัน
“เด็กที่อยู่ในห้องกับน้อง (หยก) ก็อึดอัดมาก เด็กมีภาวะถดถอยทางการเรียนมาก เพราะว่าบรรยากาศการเรียนมันไม่เป็นธรรมชาติ ครูผู้สอน 18 คนที่สอนห้องนี้ก็จะมีความกังวลมาก เพราะว่าบางช่วงมันเหมือนครูอยู่ในที่แจ้ง แล้วน้องไม่รู้ว่าถ่ายคลิปอะไรไว้บ้าง เพราะน้องก็จะมีหูฟังและพูดคุยกับคนนอกอยู่ตลอดเวลา มันจึงทำให้บรรยากาศตรงนี้มันไม่เป็นธรรมชาติ และมันเป็นเรื่องน่ากลัว ยิ่งมีเหตุการณ์เมื่อ 14-16 (มิถุนายน 2566) ที่ผ่านมา มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น มีการถูกเด็กด่าทอ มีสื่อมวลชนต่างๆ ไปถ่ายรูปเด็ก แล้วก็เอาไปออกโซเชียลโดยที่ไม่ได้เบลอหน้า
“ตอนนี้เด็กนักเรียนก็เริ่มมาถามว่าเมื่อเขาไม่ได้เป็นนักเรียนโรงเรียนเราแล้ว ทำไมเขายังเข้ามาโรงเรียนได้ ผู้ปกครองก็ถาม เราก็ต้องบอกทุกคนว่าเขาเป็นเยาวชน ตอนนี้น้องไม่มีที่เรียน โรงเรียนก็ให้โอกาสเขามาศึกษาหาความรู้ แล้วทุกหน่วยงานกำลังดูแลอยู่ ตอนนี้เราก็ถือว่าโรงเรียนก็ยังต้องให้โอกาสเด็กคนหนึ่ง
“เราก็ไม่ได้ทำร้าย เราพยายามบอกเด็กทุกคนไม่ให้บูลลี่ ไม่ให้เกิดการเกลียดชัง เราต้องให้โอกาสทุกคน เพราะน้องก็ยังไม่มีผู้ปกครองเข้ามาดูแลจริงจัง ลูกๆ นักเรียน ผู้ปกครองก็เข้าใจสถานการณ์นี้ แต่ว่าเขาก็ยังทวงถามว่าแล้วเขามีสิทธิ์ที่จะอยู่อย่างปลอดภัยและอยู่อย่างสงบและจะได้เรียนหนังสือแบบเดิมที่เขาเคยอยู่ไหม อันนี้นักเรียนสี่พันกว่าคนเขาก็มีคำถาม
“ทางผู้ปกครองก็เริ่มยื่นหนังสือเข้ามาถามโรงเรียนเยอะ จึงทำให้วันนี้เราไม่รู้จะพึ่งใคร ก็ต้องมาพึ่งท่านกรรมาธิการวุฒิสภา ซึ่งเราก็อยากให้ทุกอย่างมันจบก่อนที่โรงเรียนจะสอบในวันที่ 17 หรือถ้าไม่จบก็อยากให้พูดคุยกับน้อง ให้น้องได้เข้าใจอะไรต่างๆ เข้าใจสถานการณ์ และหาที่เรียนให้น้องใหม่ได้”
นอกจาก ผอ.จินตนา ยังมี ปรีชา จิตรสิงห์ ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมพัฒน์ และตัวแทนคณะผู้ปกครอง เข้าร่วมยื่นหนังสือต่อ ส.ว.สมชาย ในวันนี้ด้วย ซึ่งทางกลุ่มนักเรียนเลวและบัญชีทวิตเตอร์ Mob News กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สนับสนุนการปฏิรูปสถาบันการศึกษา ทวีตเรื่องดังกล่าวต่อ และมีผู้ใช้สื่อโซเชียลบางส่วนมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
ทางด้าน ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ทวีตเกี่ยวกับข่าวนี้เช่นกัน โดยระบุว่า “เข้าพบ ส.ว. ทำไม?? เขาไม่ได้มีอำนาจหน้าที่อะไร ไม่ได้พูดถึงข้างทางการเมือง เพราะถ้าเข้าพบ ‘ประยุทธ์’ ในฐานะนายกฯ รักษาการ ก็เข้าใจได้ แต่ ส.ว. มันไม่ใช่!!” ซึ่งมีผู้มาตอบโต้ในทวีตของยิ่งชีพเช่นกันว่าควรจะเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มากกว่า อีกทั้ง ส.ว.สมชายก็เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ที่ดูแลด้านการคุ้มครอง ‘ผู้บริโภค’ และต้องไปประสานงานกับฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) อีกต่อหนึ่งอยู่ดี
ขณะที่ สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และอดีตประธานกรรมการมูลนิธิกระจกเงา ก็แสดงความเห็นเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก โดยตั้งคำถามว่า สิ่งที่ ผอ.จินตนา กล่าวถึง ความหวาดกลัว ความถดถอย ที่ว่าเกิดขึ้นกับโรงเรียนนั้น หมายถึงตัวนักเรียนหรือตัวผู้บริหารโรงเรียน เพราะหากหมายถึงผู้บริหารโรงเรียนก็จะไม่สงสัย เพราะถ้าได้รัฐมนตรี ศธ. คนใหม่ อาจต้องย้าย ผอ. เพราะไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ ซึ่งควรเป็นทักษะพื้นฐาน แต่หากความหวาดกลัวและความถดถอยเกิดกับนักเรียน ก็อยากทราบรูปธรรมที่แสดงถึงความหวาดกลัวนั้น
“การให้สัมภาษณ์ด้วยข้อมูลที่น่ากลัวเช่นนี้ ผมเห็นว่าควรมีองค์กรที่เป็นกลางไปสังเกตการณ์ในโรงเรียนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่ ผอ. กล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร และที่ตลกร้ายคือ ส.ว. ที่ออกมารับเรื่องร้องเรียนคือ นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา”
ก่อนหน้านี้ หยกได้โพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ว่า “จาก 51 วันของการถูกกักขังอยู่ในคุก มาสู่ 51 วันของการถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยเฟคนิวส์” โดยระบุว่า หลังได้รับการปล่อยตัวจากบ้านปรานี และยืนยันจะแต่งชุดไปรเวทให้โรงเรียนปรับแก้กฎระเบียบที่เธอมองว่าละเมิดสิทธินักเรียน ก็มีสำนักข่าวที่ปล่อยข่าวเกี่ยวกับตัวเธอ รวมถึงแม่ พ่อ และพี่ที่เป็นผู้ปกครองด้วยเรื่องต่างๆ แต่คนที่เงียบที่สุดคือโรงเรียน และผู้ใหญ่ในตำแหน่งหลายคนที่พยายามติดต่อเข้ามาเบื้องหลัง และบอกให้เธอปรับปรุงตัวและไปใช้วิธีอื่น
“มีคนบอกให้เรารอ แต่เราสงสัยว่าผู้ใหญ่กี่ร้อยคนแล้วที่บอกให้เด็กรอ เรื่องหลอกลวงว่าให้รอมันมีคนพูดและทำซ้ำมากี่ครั้งแล้ว
“ถ้าสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าทำมามันถูกและดีแล้ว ประเทศไทยในตอนนี้ก็ต้องดีมาก เราไม่เชื่อและจะสู้ต่อไป แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้สุดท้าย แม้สิทธิในการศึกษา โรงเรียนก็ยึดไปจากเรา”
อ้างอิง
- Voice TV. LIVE! ‘ส.ว.สมชาย แสวงการ’ รับหนังสือจาก ‘ผอ.โรงเรียนเตรียมพัฒน์’ เรื่องช่วยเหลือ ‘หยก’ https://tinyurl.com/ejtzmfwv
- Facebook. Thanalop Phalanchai. https://tinyurl.com/4yr4jzdy