รู้จัก ‘ว่าที่ ปธน.เกาหลีใต้’ คนใหม่ ผู้ถูกเปรียบกับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ และนโยบายหาเสียงคือ ‘ปราบเฟมินิสต์’
ในประเทศไทยตอนนี้ มีการนิยาม ‘วัฒนธรรมเกาหลี’ ค่อนข้างจะมากพอควร เรียกได้ว่าไม่น้อยกว่า ‘วัฒนธรรมอเมริกา’ แล้ว อย่างไรก็ดี ข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้กลับเงียบมากๆ ทั้งที่สนามเลือกตั้งมันดุเดือดสุดๆ และ ‘ผู้ท้าชิงประธานาธิบดี’ ก็ออกตัวแรงมากๆ ในหลายนโยบายในระดับที่ถ้าเป็นคนอเมริกาก็คงจะเรียกเขาว่าเป็น ‘ขวาจัด’ แบบโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกได้ว่า ไม่เหนียมอายเลยที่จะแสดงความ ‘ขวา’ ของตัวเองออกมาตอนหาเสียง และใช้เป็นจุดขายด้วยซ้ำ
คือบ้าไม่บ้า เขาก็ประกาศชัดๆ ว่าตอนนี้เกาหลีใต้มีความเท่าเทียมทางเพศมากเกินไป เฟมินิสต์เหิมเกริม ทำตัวราวกับผู้ชายเป็นอาชญากร และเขาก็จะยุบกระทรวงความเสมอภาคทางเพศและครอบครัว ที่มีหน้าที่หลักในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศไปซะ
และก็นั่นแหละ ยุนซ็อก-ยอล (Yoon Suk-yeol) ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ผู้ชนะการเลือกตั้งแบบเฉียดฉิวไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ในการเลือกตั้งวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
แต่ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องประธานาธิบดี เราต้องเข้าใจเบสิกการเมืองเกาหลีใต้ก่อน
ระบบการเมืองเกาหลีใต้ อธิบายง่ายๆ เป็นระบบประธานาธิบดี และใช้ระบบแบบสภาเดียว พูดง่ายๆ ก็คือเขาไม่มีวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับสภาผู้แทนประชาชนแบบหลายๆ ประเทศ
การเลือกตั้งสภาผู้แทนประชาชนหรือการเลือกตั้ง ส.ส. จะทำทุก 4 ปี (ครั้งล่าสุดปี 2020) ส่วนประธานาธิบดีจะเลือกตั้งทุก 5 ปี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเขากำหนดชัดเจนว่า ใครที่เคยเป็นประธานาธิบดีแล้ว จะลงเลือกตั้งซ้ำไม่ได้ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อกำหนดปกติของหลายๆ ประเทศที่เคยผ่านประสบการณ์ปกครองใต้ ‘เผด็จการ’ มา ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ประธานาธิบดีคนที่แล้ว (ในทางเทคนิคก็คือคนปัจจุบัน เพราะยังไม่ลงจากตำแหน่ง) อย่างมุนแจอินไม่สามารถลงเลือกตั้งซ้ำได้ ทั้งที่เขาก็ได้รับความนิยมพอตัวอยู่
แต่มันเป็นเช่นนั้นเหรอ? เอาจริงๆ ถ้าจะเล่าประวัติการเมืองเกาหลีใต้มันจะยุ่งเหยิงมาก เพราะระบบพรรคมันวุ่นสุดๆ ไม่มีพรรคการเมืองใดอยู่นานๆ มีการรวมพรรคและเปลี่ยนชื่อเรื่อยๆ แต่รวมๆ ขั้วการเมืองของเกาหลีใต้ตั้งแต่เป็น ‘ประชาธิปไตย’ คนจะมีพรรค ‘อนุรักษนิยม’ และ ‘เสรีนิยม’ ให้เลือกตลอด ไม่ว่าจะชื่อพรรคอะไร
ซึ่งพรรคแนว ‘เสรีนิยม’ เอาจริงๆ แม้ว่าจะเคยชนะและได้เป็นประธานาธิบดีมาหลายครั้ง แต่ตั้งแต่มีการเลือกตั้งหลังยุคเผด็จการทหาร ประธานาธิบดีจากพรรคแนวนี้ก็ไม่เคยชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย หรือได้คะแนนเสียงจากประชาชนเกิน 50 เปอร์เซ็นต์แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งในขณะเดียวกัน ทางฝั่งพรรคกลุ่มอนุรักษนิยมถ้ารวมตัวกันเป็นปึกแผ่นเมื่อไร ก็จะชนะล้นหลาม ดังที่พักกึนฮเย ลูกสาวอดีตเผด็จการพักช็องฮี ชนะเลือกตั้งในปี 2012 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน …ก่อนจะถูกถอดถอนด้วยเรื่องอื้อฉาวในปี 2017 และถูกดำเนินคดีทางการเมืองติดคุกใปในปี 2018
และด้วยโมเมนตัมทางการเมืองที่พรรคอนุรักษนิยมอื้อฉาวดังนี้เอง ทางพรรคแนวเสรีนิยมอย่างพรรคประชาธิปไตยของมุนแจอินเลยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีก็เลยชนะเลือกตั้งได้ในปี 2017 แต่ความเป็นจริงคือ เราจะเห็นเลยว่าคะแนนเสียงของฝั่งพรรค ‘ลิเบอรัล’ นั้นลดลงจากปี 2012 มาปี 2017
หันมาฝั่งอนุรักษนิยม ชื่อเสียงของตัวพรรคใหญ่เสียไปมากเพราะประธานาธิบดีโดนถอดถอน มันเลยมีการ ‘รวมพรรค’ อนุรักษนิยม 3 พรรคเข้าด้วยกันในปี 2020 พร้อม ‘รีแบรนด์’ กันยกใหญ่ ออกมาเป็นพรรคพลังประชาชน และนี่แหละคือกำเนิดพรรค ‘อนุรักษนิยม’ ของยุนซ็อกยอล ว่าที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์แห่งเกาหลีใต้’ ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งได้
จริงๆ พรรคเสรีนิยม ‘ลิเบอรัล’ ที่ต้องบริหารเศรษฐกิจช่วงโควิดก็ทำให้คนโกรธไม่น้อยอยู่แล้ว แม้ว่าจะว่ากันตรงๆ ใครจะบริหารช่วงนี้ก็ลำบากทั้งนั้น แต่ความโกรธเกรี้ยวของประชาชนรุ่นใหม่ต่อภาวะการตกงานพร้อมๆ กับการที่ข้าวของราคาแพงขึ้นก็ของจริง และประชาชนก็ไม่สนหรอกว่ามันเกิดจาก ‘ปัจจัยภายนอก’ พวกเขาโทษรัฐบาลกันทั้งนั้น นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พรรค ‘ลิเบอรัล’ มีความเสียเปรียบพรรค ‘อนุรักษนิยม’ เป็นทุนเดิม
แต่เหนือกว่านั้นยุนซ็อกยอล มีความจงใจจะเล่นงานจุดอ่อนไปจับฐานคะแนนเสียงของ ‘ผู้ชาย’ โดยเฉพาะคนหนุ่มผู้เกรี้ยวกราด เพราะในเกาหลีใต้ ผู้ชายจำนวนมหาศาล ‘เกลียดเฟมินิสต์’ และมองว่าขบวนการนี้ลิดรอนสิทธิพวกเขาสารพัดด้าน แม้ว่าในความเป็นจริง เกาหลีใต้นั้นถ้าดูสถิติ ความเท่าเทียมทางเพศมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ ในมาตรฐานประเทศเจริญแล้ว หรือมากกว่านั้น คนเป็นเฟมินิสต์ในเกาหลีใต้จะให้สัมภาษณ์กับทาง BBC ยังไม่กล้าเปิดหน้าด้วยซ้ำ เพราะกลัวผลกระทบทางสังคมที่ตามมา หรือเรียกได้ว่าจะเป็นเฟมินิสต์ในเกาหลีใต้ก็ยังต้องแอบๆ เป็น (ทั้งนี้ มูลของ ‘ความไม่เท่าเทียมทางเพศ’ จริงๆ ของเกาหลีใต้ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้ชายทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร และเสียเวลาช่วงที่ดีของชีวิตไปประมาณ 2 ปี ในขณะที่ผู้หญิงกลับไม่เสียโอกาสในชีวิตตรงนี้)
อย่างไรก็ดี ‘ความโกรธ’ นี้ก็ของจริง และการใช้พลังขับเคลื่อนจาก ‘คนหนุ่มฝ่ายขวารุ่นใหม่’ นี่ก็ทำให้ยุนซ็อกยอลมีความใกล้เคียงกับโดนัลด์ ทรัมป์มากๆ ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับว่า ทั้งสองเล่นบท ‘คนนอกผู้จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง’ เหมือนกัน เพราะทั้งคู่ ‘ไม่ใช่นักการเมือง’ มาก่อน (ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ ส่วนยุนซ็อกยอลเป็นอัยการสูงสุด ผู้มีชื่อเสียงด้านความเด็ดขาด และเป็นหัวหอกในการเอาอดีตประธานาธิบดีพักกึนฮเยเข้าคุก)
และจริงๆ การเล่นกับ ‘ความเกลียดเฟมินิสต์’ ของพรรค ‘อนุรักษนิยม’ นี้ก็เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีมาก เพราะอีแจ-มยอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทางฝั่งพรรค ‘ลิเบอรัล’ ก็เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผู้หญิง หรือพูดง่ายๆ มันทำให้ฝั่งเฟมินิสต์ไม่สามารถเชียร์พรรคลิเบอรัลได้เต็มปาก และนี่หมายความว่าคะแนนเสียงฝั่งอนุรักษนิยมนั้นจะมีความเป็นปึกแผ่นกว่า เนื่องจากฝั่งลิเบอรัลมันเสียงแตก
ซึ่งผลรวมๆ มันเป็นเกมของอารมณ์ล้วนๆ เพราะแม้ว่าปัญหาตรงหน้าคือปัญหาเศรษฐกิจ แต่ทั้งสองพรรคกลับไม่ได้มีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ต่างกันเท่าไร และนโยบายไฮไลต์ที่ต่างกันกลับเป็นนโยบายสังคมอย่างนโยบาย ‘ปราบเฟมินิสต์’ และนโยบายที่จะแข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือขึ้นของพรรค ‘อนุรักษนิยม’
และผลก็ออกมาอย่างที่เห็น การเลือกตั้งครั้งนี้ของเกาหลีใต้ดุเดือดมาก คนออกไปเลือกตั้งแทบจะมากสุดในรอบ 20 ปี และผลการนับคะแนนก็ประกาศผู้ชนะไม่ได้จนแทบจะนับไปครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคะแนนเฉือนกันไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
และเกาหลีใต้ก็เลยได้ประธานาธิบดีแนว โดนัลด์ ทรัมป์ มาแบบนี้เอง
ทั้งนี้ ด้วยความ ‘แรง’ ของยุนซ็อกยอล ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ก็บอกเลยว่า 5 ปีในการเป็นประธานาธิบดีของเขา ‘เกาหลีใต้ลุกเป็นไฟ’ แน่ๆ เพราะเราเห็นแล้วว่าประธานาธิบดีที่มีท่าที่ ‘แรง’ ขนาดนี้ แต่ไม่ได้ ‘ชนะขาด’ อย่างโดนัลด์ ทรัมป์มันมีแนวโน้มจะสร้างความแตกแยกทางสังคมให้ร้าวลึกยิ่งขึ้นมากๆ ซึ่งความแตกแยกที่ว่านั้นมันก็ยังคงอยู่กับสหรัฐอเมริกาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิง
- Aljazeera. Yoon Suk-yeol wins South Korea’s presidential election. https://bit.ly/3vV19zl
- The Guardian. Conservative candidate squeaks to victory in South Korean election. https://bit.ly/3J3js9i
- The New York Times. Live Updates: Exit Polls Show Dead Heat in South Korea Presidential Election. https://nyti.ms/3CuWq8R
- BBC. Why misogyny is at the heart of South Korea’s presidential elections. https://bbc.in/37czmjH