ลูกทุ่งนิยามใหม่: เมื่อปักธงชัยได้ปักธงแชมป์ สำรวจการถ่ายทอดเรื่องราว LGBTQ+ ผ่าน 6 โชว์ จากโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต แชมป์รายการชิงช้าสวรรค์ 2025
รายการชิงช้าสวรรค์ 2025 เพิ่งปิดฉากลงไปอย่างงดงาม พร้อมกับการประกาศผลที่ทำให้โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต จังหวัดนครราชสีมา ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แชมป์อย่างสมศักดิ์ศร
สิ่งที่ทำให้วงดนตรีลูกทุ่งจากรั้วมัธยมแห่งนี้โดดเด่นไม่ใช่แค่เพียงทักษะการร้อง การเต้น หรือการเล่นดนตรีที่ไร้ที่ติ แต่คือ มิติของการร้อยเรียงเรื่องราวและการหยิบยกประเด็นสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวของ LGBTQ+ มาสอดแทรกไว้ในทุกโชว์
ในช่วงเวลาของเดือน Pride Month นี้ เราจึงหยิบยกเรื่องราวความหลากหลายของ 6 โชว์จากปักธงชัย ซึ่งกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า วงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียนมัธยมนั้นได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา เมื่อการแสดงของพวกเขาผสมผสานทั้งศิลปะการแสดง วัฒนธรรม และประเด็นร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน ชวนให้เราสำรวจทุกโชว์ที่ได้ปักธงความคิดสร้างสรรค์และคุณค่าใหม่ๆ ให้กับวงการ
[โชว์ที่ 1: รอบเปิดวง – ‘คนเริ่มมีความรัก’ กับเรื่องราว ‘นายใน’ สมัยรัชกาลที่ 6]
ปักธงชัยประชานิรมิตสร้างความฮือฮาตั้งแต่การเปิดตัวในรอบแรก ด้วยบทเพลง ‘คนเริ่มมีความรัก’ ที่สะกดคนดูด้วยน้ำเสียงของนักร้องนำอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานไลน์เต้นที่ทรงพลัง แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นคือการหยิบยกเรื่องราวของ ‘นายใน’ สมัยรัชกาลที่ 6 มาถ่ายทอด ดังที่เรารู้กันดีว่าบทบาท ‘ความเป็นชาย’ ของนายในนั้นพิเศษกว่าในสังคมอื่นๆ ไม่เพียงแต่การสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันเท่านั้น แต่รวมถึงการยอมรับในการแสดงออกและเพศสภาพของแต่ละบุคคลด้วยเช่นเดียวกัน
การแสดงของปักธงชัยประชานิรมิตเองก็ได้นำเสนอภาพของข้าราชบริพารฝ่ายหน้าผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทเหล่านี้ โดยกล่าวถึงในเรื่องเพศที่หลากหลาย ผ่านเรื่องราวตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมนำเสนอผ่านบทเพลงลูกทุ่งร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดมุมมองที่กว้างขึ้นของสังคมได้อย่างน่าประทับใจ
[โชว์ที่ 2: รอบลูกทุ่งคืนถิ่น – ‘กล่อม’ เล่าตำนาน ‘หนังราชสีห์’ ที่มาแห่งชื่อจังหวัดนครราชสีมา]
ในรอบลูกทุ่งคืนถิ่น พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างโรงเรียนหล่มเก่าพิทยาคม จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ปักธงชัยประชานิรมิตก็ยังคงแสดงศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเพลง ‘กล่อม’ ที่พาผู้ชมย้อนสู่ตำนาน ‘หนังราชสีห์’ อันเป็นที่มาของชื่อเมืองที่ผูกพันกับราชสีห์อย่างลึกซึ้ง โดยในตำนานเล่าถึงการตามหาหนังราชสีห์มาถวายพระเจ้าแผ่นดิน จนเป็นเหตุให้เมืองได้รับนามว่า ‘นครราชสีมา’ แม้ในตำนานดังกล่าวจะไม่ได้เล่าถึง ‘ราชสีห์แม่ลูก’ โดยตรง แต่การแสดงได้หยิบเรื่องราวการตามหาหนังราชสีห์มาผูกโยงกับความรักของแม่ที่ตามปกป้องลูกอย่างสุดกำลัง เพื่อให้เชื่อมโยงกับการถ่ายทอดผ่านบทเพลงกล่อมได้อย่างงดงาม ลึกซึ้ง และทรงพลัง เป็นการแสดงความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้อย่างแยบยลและน่าประทับใจ
[โชว์ที่ 3: รอบชิงบัลลังก์ เพลงช้า – ‘กอดหมอนนอนหนาว’ กับกลิ่นอาย LGBTQ+ จาก ‘อิเหนา’]
มาถึงรอบชิงบัลลังก์เพลงช้า ปักธงชัยประชานิรมิตเลือกบทเพลง ‘กอดหมอนนอนหนาว’ และสร้างสรรค์การแสดงที่ทำให้เกิดบทสนทนาใหม่ๆ ขึ้น ด้วยการหยิบยกประเด็น LGBTQ+ มาสอดแทรกผ่านเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง ‘อิเหนา’ โดยเฉพาะฉากที่อิเหนาและน้องชายของบุษบาอย่างสียะตรามีการบรรยายความรู้สึกที่เกินกว่าความเป็นพี่น้องชายตามปกติ ดั่งบทกวีที่ว่า
พิศดูรูปทรงส่งศรี เหมือนมาหยารัศมีไม่เพี้ยนผิด
พระเชยปรางพลางอุ้มขึ้นจุมพิต ฤทัยคิดสำคัญว่ากัลยา
เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น เหมือนแม้นพี่นางเป็นหนักหนา
พิศทรงขนงเนตรอนุชา ละม้ายเหมือนนัยนานางเทวี
ชมพลางพิศวงหลงโลม นึกว่าโฉมมาหยารัศมี
สัพยอกแย้มสรวลชวนพาที จนเข้าที่บรรทมหลับไป ฯ
การตีความนี้ได้เปิดมิติใหม่ให้กับการรับชมวรรณคดีไทยในบริบทที่กว้างขึ้น สะท้อนถึงความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ของวงในการนำเสนอประเด็นละเอียดอ่อนได้อย่างงดงาม ประกอบกับนาฏศิลป์ชวาที่หยิบยกมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงก็ทำได้งดงามจนทำให้ได้ถึง 96 คะแนน
[โชว์ที่ 4: รอบชิงบัลลังก์ เพลงเร็ว – ‘แก้วปิ้งไก่’ กับการเฉลยที่เหนือความคาดหมาย]
ในรอบชิงบัลลังก์เพลงเร็ว พวกเขามาพร้อมกับบทเพลง ‘แก้วปิ้งไก่’ ที่ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ปักธงชัยประชานิรมิตกลับซ่อนเรื่องราวการตามหา ‘ลูกชาย’ ผู้เป็นทายาท 5 หมื่นล้านไว้ได้อย่างแนบเนียน และหักมุมเฉลยในตอนสุดท้ายว่าลูกชายคนนั้นได้เติบโตเป็น ‘ลูกสาว’ ที่คุณแม่ต้องภาคภูมิใจ การยอมรับและความรักที่แม่มีต่อลูกโดยปราศจากเงื่อนไขนี้ได้ตอกย้ำลายเซ็นของวงในด้านการนำเสนอประเด็น LGBTQ+ และการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศได้อย่างทรงพลังและอบอุ่น จนทำให้คว้าได้ถึง 96 คะแนนอีกครั้ง
[โชว์ที่ 5: รอบชิงชนะเลิศ – ‘กอดฉันก่อนลา’ และ ‘เจ้าน้ำตา’ สู่การเฉลิมฉลอง Pride Month]
โชว์ในรอบชิงชนะเลิศถือเป็นจุดสูงสุดของพวกเขา ด้วยการนำสองบทเพลง ‘กอดฉันก่อนลา’ และ ‘เจ้าน้ำตา’ มาผูกร้อยเป็นเรื่องราวของ LGBTQ+ ที่แม้จะไม่สมหวังในความรัก แต่ก็ก้าวข้ามความผิดหวังด้วยการเรียนรู้ที่จะรักและเห็นคุณค่าในตัวเอง การแสดงเต็มไปด้วยพลังแห่งการส่งกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับการพูดเรื่องนี้ในสังคม และเป็นการเฉลิมฉลองในเดือน Pride Month ได้อย่างเต็มเปี่ยมและน่าจดจำที่สุด ก่อนที่จะคว้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาครอง
[โชว์ที่ 6: รอบฉลองแชมป์ – ตัวตน ‘ลูกทุ่งปักธงชัย’ และบทเพลงแห่งความสุข]
ในรอบฉลองแชมป์ ปักธงชัยประชานิรมิตจัดเต็มความสุขด้วยเพลงสุดมันส์หลายบทเพลง ทั้ง ‘ลูกทุ่งปักธงชัย’, ‘นางฟ้าสารภัญ’, ‘สาวสอง’, ‘ไหง่ง่อง’, และ ‘ไชโย ป๊าดป๊าด’ ซึ่งในระหว่างการแสดง ยังมีฉากที่ตอกย้ำและเมนชั่นถึงความสวยงามของ LGBTQ+ อีกครั้ง เป็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น และในคุณค่าที่พวกเขานำเสนอต่อสังคมอย่างสม่ำเสมอ อย่างตอนจบของเพลงที่ปิดท้ายด้วยบทกลอนสุดประทับใจ
จะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วก็แล้วแต่ จะชายจริงหญิงแท้ก็ไม่สน
เป็นอะไรก็เป็นได้ตามใจตน ค่าของคนมิได้อยู่ที่เพศใด
ทั้งหมดนี้ทำให้การเดินทางของโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิตในรายการชิงช้าสวรรค์ 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันเพื่อชิงชัยเท่านั้น แต่คือการสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับวงการดนตรีลูกทุ่งไทย การนำเสนอประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อนผ่านงานศิลปะได้อย่างแยบคาย และการพิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรี โดยเฉพาะลูกทุ่ง สามารถเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนความคิดและคุณค่าที่ทันสมัยได้อย่างไร