ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจถ้าไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 จะไม่ใช่ไตรมาสที่ดีนักของมหาอำนาจสตรีมมิ่งอย่าง ‘Netflix’ เพราะหลายคนก็คงรู้แล้วว่า Netflix สูญเสียสมาชิกไปเกือบ 1 ล้านคน
ถ้าจะให้แฟร์ๆ Netflix ก็มีทั้งแผน ‘เพิ่มรายได้’ ด้วยการเพิ่มค่าสมาชิก (เข้าใจว่าเริ่มจากอเมริกาตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 และทยอยทำต่อในประเทศอื่น) ทั้งแผน ‘ลดต้นทุน’ ด้วยการโละพนักงานออกไปเกือบ 500 คนในไตรมาสนี้ ซึ่งผลประกอบการโดยรวมก็ทำให้ ‘รายได้’ ไม่ได้ลดลงตามสมาชิก
แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืออนาคตที่ดูจะไม่สดใส เพราะบริษัทแนวสตาร์ทอัพนั้น เมื่อ ‘ลูกค้า’ หยุดเติบโตก็คือจบ ดังนั้น Netflix ก็น่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีลูกค้าเพิ่ม และที่ผ่านมา วิธีไล่ปราบการ ‘แชร์บัญชี’ ก็ดูจะไม่ค่อยเวิร์คนัก
นี่คือสิ่งที่ Netflix ต้องตอบผู้ถือหุ้นในการแถลงผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2022 ซึ่งก็มีการตอบจริงๆ เพราะได้แถลงชัดเจนว่า จะมีการจับมือกับปีกด้านบริษัทโฆษณาของบริษัท Microsoft และออกแพ็คเกจใหม่ที่จะกลายมาเป็นแพ็คเกจที่ถูกที่สุดของ Netflix โดยจะเป็นแพ็คเกจที่มีโฆษณาด้วย รวมถึงอาจต้องตัดคอนเทนต์บางตัวออกไป (เช่น คอนเทนต์ของทาง BBC ที่ไม่แฮปปี้กับการมีโฆษณา)
Netflix จึงยังไม่ได้เคาะราคาชัดเจน แต่ปัจจุบันแพ็คเกจ ‘พื้นฐาน’ ที่ถูกสุดที่ดูในทีวีและคอมพิวเตอร์ได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ ซึ่งตีเป็นค่าเงินไทยปัจจุบันคือประมาณ 370 บาท (ค่าเงินสหรัฐฯ กำลังแข็งมากๆ ในขณะประเมิน) ดังนั้นแพ็คเกจที่ถูกกว่าก็น่าจะถูกกว่า 10 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นเท่าไรนั้นนักวิเคราะห์ก็ยังได้แต่วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา
ต้องเน้นว่าเขาพูดถึงในตลาดอเมริกาเท่านั้น ตลาดอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งในตลาดอเมริกา Netflix ขึ้นราคาค่าสมาชิกมาหลายรอบแล้ว โดยตั้งแต่ปี 2014 ขึ้นราคามาแล้ว 5 รอบ และตอนนี้แพ็คเกจ ‘มาตรฐาน’ ก็ขึ้นมาจาก 330 บาท (9 ดอลลาร์) เป็น 570 บาท (15.5 ดอลลาร์) ในช่วง 6 ปี ซึ่งมันก็ดูสมเหตุสมผลที่ Netflix จะออกแพ็คเกจใหม่ที่ราคาถูกลง เพื่อตอบโจทย์คนที่ยอมรับโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้
ถามว่าเป็นเรื่อง ‘แปลก’ ไหม? เอาจริงๆ คู่แข่ง Netflix อย่าง HBO ก็มีทั้งแพ็คเกจมีโฆษณาแบบถูกๆ ควบคู่ไปกับแพ็คเกจมีโฆษณาแบบแพงมาตลอด หรือถ้าไปดูพวก YouTube กับ Spotify มันก็มีการแยกบริการแบบดูและฟังฟรีแต่มีโฆษณา กับบริการแบบที่เสียเงินแต่จะไม่เห็นโฆษณาอีกต่อไปบนแพลตฟอร์ม ดังนั้นสิ่งที่ Netflix ทำ ก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง
แต่นี่ก็น่าจะเป็น ‘แนวโน้ม’ ที่น่าสนใจ และอาจเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมนี้ว่า ทุกๆ แพลตฟอร์มจะต้องมี ‘ตัวเลือก’ แบบแพ็คเกจราคาถูก หรือ ‘ฟรีแต่มีโฆษณา’ ไปพร้อมๆ กับแพ็คเกจราคาแพงแต่ไร้โฆษณา เพราะสุดท้ายการทำแบบนี้ก็อาจเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีโจทย์ด้านกำลังซื้อและทัศนคติต่อโฆษณาที่หลากหลาย
ซึ่งผลจะเป็นยังไง เราก็น่าจะเห็นกันในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
อ้างอิง
- Variety. Netflix Aims to Launch Cheaper, Ad-Supported Plan in Early 2023. https://bit.ly/3cvoEaC
- El Pais. Netflix loses a million subscribers, but revenue grows by 9%. https://bit.ly/3Pzl5z2
- Ars Technica. Netflix loses 970,000 subscribers, says ads and new fees are key to recovery. https://bit.ly/3vhLKZ3
- The Verge. Yes, Netflix just got even more expensive. https://bit.ly/3PzqyWv