2 Min

Netflix เตรียมออกแพ็คเกจใหม่ต้นปีหน้า ‘จ่ายต่อเดือนถูกลง แต่มีโฆษณา’

2 Min
665 Views
27 Jul 2022

ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจถ้าไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 จะไม่ใช่ไตรมาสที่ดีนักของมหาอำนาจสตรีมมิ่งอย่าง ‘Netflix’ เพราะหลายคนก็คงรู้แล้วว่า Netflix สูญเสียสมาชิกไปเกือบ 1 ล้านคน

ถ้าจะให้แฟร์ๆ Netflix ก็มีทั้งแผนเพิ่มรายได้ด้วยการเพิ่มค่าสมาชิก (เข้าใจว่าเริ่มจากอเมริกาตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 และทยอยทำต่อในประเทศอื่น) ทั้งแผนลดต้นทุนด้วยการโละพนักงานออกไปเกือบ 500 คนในไตรมาสนี้ ซึ่งผลประกอบการโดยรวมก็ทำให้รายได้ไม่ได้ลดลงตามสมาชิก

แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คืออนาคตที่ดูจะไม่สดใส เพราะบริษัทแนวสตาร์ทอัพนั้น เมื่อลูกค้าหยุดเติบโตก็คือจบ ดังนั้น Netflix ก็น่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีลูกค้าเพิ่ม และที่ผ่านมา วิธีไล่ปราบการแชร์บัญชีก็ดูจะไม่ค่อยเวิร์คนัก

นี่คือสิ่งที่ Netflix ต้องตอบผู้ถือหุ้นในการแถลงผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2022 ซึ่งก็มีการตอบจริงๆ เพราะได้แถลงชัดเจนว่า จะมีการจับมือกับปีกด้านบริษัทโฆษณาของบริษัท Microsoft และออกแพ็คเกจใหม่ที่จะกลายมาเป็นแพ็คเกจที่ถูกที่สุดของ Netflix โดยจะเป็นแพ็คเกจที่มีโฆษณาด้วย รวมถึงอาจต้องตัดคอนเทนต์บางตัวออกไป (เช่น คอนเทนต์ของทาง BBC ที่ไม่แฮปปี้กับการมีโฆษณา)

Netflix จึงยังไม่ได้เคาะราคาชัดเจน แต่ปัจจุบันแพ็คเกจพื้นฐานที่ถูกสุดที่ดูในทีวีและคอมพิวเตอร์ได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ ซึ่งตีเป็นค่าเงินไทยปัจจุบันคือประมาณ 370 บาท (ค่าเงินสหรัฐฯ กำลังแข็งมากๆ ในขณะประเมิน) ดังนั้นแพ็คเกจที่ถูกกว่าก็น่าจะถูกกว่า 10 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นเท่าไรนั้นนักวิเคราะห์ก็ยังได้แต่วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา  

ต้องเน้นว่าเขาพูดถึงในตลาดอเมริกาเท่านั้น ตลาดอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งในตลาดอเมริกา Netflix ขึ้นราคาค่าสมาชิกมาหลายรอบแล้ว โดยตั้งแต่ปี 2014 ขึ้นราคามาแล้ว 5 รอบ และตอนนี้แพ็คเกจมาตรฐานก็ขึ้นมาจาก 330 บาท (9 ดอลลาร์) เป็น 570 บาท (15.5 ดอลลาร์) ในช่วง 6 ปี ซึ่งมันก็ดูสมเหตุสมผลที่ Netflix จะออกแพ็คเกจใหม่ที่ราคาถูกลง เพื่อตอบโจทย์คนที่ยอมรับโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้

ถามว่าเป็นเรื่องแปลกไหม? เอาจริงๆ คู่แข่ง Netflix อย่าง HBO ก็มีทั้งแพ็คเกจมีโฆษณาแบบถูกๆ ควบคู่ไปกับแพ็คเกจมีโฆษณาแบบแพงมาตลอด หรือถ้าไปดูพวก YouTube กับ Spotify มันก็มีการแยกบริการแบบดูและฟังฟรีแต่มีโฆษณา กับบริการแบบที่เสียเงินแต่จะไม่เห็นโฆษณาอีกต่อไปบนแพลตฟอร์ม ดังนั้นสิ่งที่ Netflix ทำ ก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง

แต่นี่ก็น่าจะเป็นแนวโน้มที่น่าสนใจ และอาจเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมนี้ว่า ทุกๆ แพลตฟอร์มจะต้องมีตัวเลือกแบบแพ็คเกจราคาถูก หรือฟรีแต่มีโฆษณาไปพร้อมๆ กับแพ็คเกจราคาแพงแต่ไร้โฆษณา เพราะสุดท้ายการทำแบบนี้ก็อาจเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีโจทย์ด้านกำลังซื้อและทัศนคติต่อโฆษณาที่หลากหลาย

ซึ่งผลจะเป็นยังไง เราก็น่าจะเห็นกันในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

อ้างอิง