จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่การประท้วงของคนรุ่นใหม่ ความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของเนปาล และการสะท้อนความเปราะบาง ของประชาธิปไตย
ย้อนกลับไปในอดีต ประเทศเนปาลเคยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กล่าวคือ กษัตริย์ทรงมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทหาร ศาสนา ไปจนถึงการบ้านการเมืองต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความไม่พอใจของประชาชนต่อการรวมศูนย์อำนาจก็ได้ปะทุขึ้น จนนำไปสู่การลุกฮือครั้งสำคัญในปี 1990 ที่เรียกกันว่า ‘ชานะ อันโดบัน’ (Jana Andolan) หรือการปฏิวัติของประชาชนนั่นเอง
จากแรงกดดันดังกล่าว ทำให้กษัตริย์จำต้องถอยเพื่อประชาชน และเปิดทางให้เกิดการเลือกตั้งและมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมา พร้อมกับการเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ ให้อยู่ในรูปแบบของ ‘ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ’ โดยแบ่งอำนาจให้รัฐสภาสามารถเข้ามาบริหารประเทศได้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางประชาธิปไตยของเนปาลไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะต่อมาในช่วงทศวรรษ 1990-2000 เนปาลยังต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองและสงครามระหว่างกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ที่ยืดเยื้อมานานนับสิบปี ความขัดแย้งในครั้งนั้นเรียกได้ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในรัฐบาลและสถาบันกษัตริย์เลยทีเดียว
จนกระทั่งในปี 2005 ได้เกิดจุดเปลี่ยนขึ้นอีกครั้ง เมื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ตัดสินใจขึ้นมาครองราชย์แทน และพยายามที่จะรวบอำนาจกลับคืน โดยให้เหตุผลว่า “รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้” แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ยิ่งทำให้ประชาชนไม่พอใจและพากันออกมาชุมนุมครั้งใหญ่ กระทั่งนำไปสู่การลงมติยกเลิกสถาบันกษัตริย์ในปี 2008 และนำพาประเทศมาสู่ระบอบ ‘สาธารณรัฐประชาธิปไตย’
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ชีวิตของประชาชนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองและเปลี่ยนผ่านอำนาจก็ไม่ได้ดีขึ้นในทันที การเมืองเนปาลยังคงเต็มไปด้วยความแตกแยกของพรรคการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน และรัฐบาลผสมที่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้ง เพราะตลอดกว่า 17 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังคงเปราะบาง ประชาชนต้องเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ เพื่อส่งเงินกลับมาเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้รายได้จากแรงงานข้ามชาติคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของ GDP
จากรายงานของธนาคารโลก ระบุว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น Gen Z จากประเทศเนปาล มีอัตราการว่างงานสูงถึง 20.8 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์ของนักการเมืองและบุตรหลานชนชั้นนำที่ถูกมองว่าใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์ ‘Nepo Baby’ ที่ยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำดูชัดเจนและสร้างความคับข้องใจในหมู่ประชาชนอย่างแพร่หลาย
กระทั่งในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025 รัฐบาลจึงได้ตัดสินใจแก้ปัญหา ด้วยการแบนโซเชียลมีเดียกว่า 26 แพลตฟอร์ม เช่น WhatsApp, Instagram และ Facebook เป็นต้น โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ได้ลงทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดไว้
และเนื่องด้วยประเทศเนปาลมีประชากรอยู่ราวๆ 30 ล้านคน และใช้อินเทอร์เน็ตในการเล่นโซเชียลกว่า 17 ล้านคน การกระทำของรัฐบาลในครั้งนี้จึงไม่เพียงปิดกั้นประชาชนแค่เพียงในด้านของความบันเทิงเท่านั้น หากแต่ยังปิดช่องทางการสื่อสารของประชาชนอีกด้วย จนกระทบไปยังการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการศึกษา การทำงาน รวมถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จุดประกายการลุกฮือครั้งใหม่ โดยเริ่มจากเสียงของคนรุ่น Gen Z ก่อนขยายวงกว้างกลายเป็นการประท้วงใหญ่ระดับประเทศนั่นเอง
โดยในตอนแรกเป็นเพียงการประท้วงแค่ในโซเชียลมีเดีย แต่ด้วยการติดแฮชแท็กบนโซเชียลมีเดียว่า ‘NEPOBABY’ และ ‘NEPOKIDS’ เพื่อโจมตีนักการเมืองที่นำเงินของประชาชนมาปรนเปรอบุตรหลานของตนเอง สถานการณ์จึงเริ่มบานปลาย
ในวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงได้ออกมาชุมนุม ทั้งในกรุงกาฐมาณฑุและเมืองอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่พากันออกมาประกาศว่าตนเป็นเด็ก ‘Gen Z’ ด้วยการสวมใส่เครื่องแบบนักศึกษา พร้อมพกพาหนังสือมาด้วย และใช้สัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกจากแอนิเมชันชื่อดังอย่าง ‘วันพีซ’ (One Piece)
แม้ในช่วงแรกดูเหมือนว่าการประท้วงจะเป็นไปอย่างสันติ แต่ทว่าหลังจากที่ฝั่งของรัฐออกมาปราบปราม ก็กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้การชุมนุมยกระดับความรุนแรงมากขึ้นตามที่ได้เห็นในข่าว ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่อาคารรัฐสภา สถานที่สาธารณะ ที่พักอาศัยของนักการเมือง และสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมความสงบเรียบร้อยภายในสถานที่เริ่มทนไม่ไหว จึงตัดสินใจลงมือควบคุมฝูงชนด้วย ‘กระสุนจริง’
ถัดมา วันที่ 9 กันยายน 2025 นายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี (Khadga Prasad Sharma Oli) ได้ออกมาแถลงว่าจะยกเลิกการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย และรัฐมนตรีหลายคนจำยอมลาออก รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนปาลที่เริ่มหนีออกนอกประเทศ
ทว่าบางคนไม่สามารถหนีรอดได้ เช่นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ที่โดนประชาชนไล่ทุบตีประจานไปตามเส้นแม่น้ำ ทั้งยังมีรายงานว่า รัฐมนตรีคนดังกล่าวเคยมีวีรกรรมมากมาย เช่น นั่งหลับในสภาฯ ขณะกำลังประชุมเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ แต่งตั้งคนรู้จักเข้ามาทำงาน ไปจนถึงลูกชายครอบครองที่ดินผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ สำนักข่าวหลายแห่งยังได้ออกมาระบุว่า มีนักโทษจำนวนไม่น้อยอาศัยจังหวะชุลมุนในการแหกคุกเช่นกัน
และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 เป็นต้นมา เหตุการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก การประท้วงยังคงดำเนินต่อไป จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตก็เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน กองทัพเนปาลได้ส่งทหารลาดตระเวนไปตามย่านต่างๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ และประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศเพื่อควบคุมสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งและยึดอาวุธปืนอีกหลายกระบอก
นอกจากนี้สื่ออินเดียบางแห่งยังรายงานว่ามีประชาชนบางส่วนได้แอบบุกรุกเข้าไปในบ้านของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง ‘จาลาเนธ คานัล’ (Jhalanath Khanal) และจุดไฟเผา ซึ่งเป็นสาเหตุให้ภรรยาของเขาถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต
อีกทั้งสนามบินในกรุงกาฐมาณฑุก็ไม่สามารถใช้การได้ เนื่องด้วยควันไฟที่บดบังทัศนวิสัยการบิน จนเกิดเป็นภาพที่เห็นกัน คือเครื่องบิน Boeing 777-2D7(ER) ไฟลต์ TG320 ทะเบียน HS-TJW ของสายการบินไทย จำเป็นต้องเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติตริภูวัน (KTM) ในสภาพที่ต้องฝ่าควันไฟออกมา
ถึงขณะนี้ผู้คนต่างคาดเดากันไปว่า หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมครั้งใหญ่ครั้งนี้ นายกเทศมนตรีของเมืองกาฐมาณฑุ อาจขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป สังเกตได้จากที่เขามักได้รับการเรียกร้องให้มีบทบาททางการเมืองที่มากขึ้น เช่นเป็นตัวแทนของขบวนประท้วง Gen Z หรือแม้แต่ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีกลาง หากมีรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้น
สุดท้าย สำหรับสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของเนปาลในขณะนี้ ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร เนื่องจากไม่ได้มีแกนนำในการชุมนุม และประเด็นสำคัญคือ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นต้นตอของเหตุลุกลามทั้งหมดนี้จะได้รับการแก้ไขหรือไม่และอย่างไร
อ้างอิง:
- From Monarchy to Democracy: The Story of Nepal’s 1990 People’s Uprising https://tinyurl.com/55m55v8d
- Wikipedia: Nepalese Civil War https://tinyurl.com/cp3zs58m
- Wikipedia: Gyanendra of Nepal https://tinyurl.com/yzfjneaz
- Nepal abolishes centuries-old Hindu monarchy https://tinyurl.com/3fpncuck
- Unemployment, youth total (% of total labor force ages 15-24) (modeled ILO estimate) https://tinyurl.com/u223tav2
- Nepal moves to block Facebook, X, YouTube and others https://tinyurl.com/mvydzxfh
- Nepal protesters torch former PM Jhalanath Khanal’s house, wife Rabilaxmi burnt alive: Local media https://tinyurl.com/439rbb54
- Nepali rapper turned mayor is Gen Z’s leading candidate for interim PM’s role https://tinyurl.com/y9pykksv
- Facebook: Army Military Force https://tinyurl.com/546v62j6
- X: @lolitascak3 https://tinyurl.com/4bcsf3av