2 Min

นักวิจัยพบคน “กินเห็ด” วันละนิด ความเสี่ยงมะเร็งจะลดลงถึง 45%

2 Min
1448 Views
26 Jun 2021

ชอบกินเห็ดไหมครับ?

ถ้าชอบ เรามีข่าวดี เพราะนักวิจัยเพิ่งไปสำรวจงานวิจัยด้านอาหารถึง 17 ชิ้นที่ศึกษาตั้งแต่ช่วงปี 1966 ถึง 2020 และพบว่า การ “กินเห็ด” ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งได้ถึง 45%

ซึ่งตรงนี้ต้องบอกก่อนว่า เขามีความเฉพาะเจาะจงประเภทของเห็ดเหมือนกัน เพราะ “เห็ด” ก็มีหลากหลาย และงานศึกษาที่เขาดูหลักๆ คือครอบคลุมเห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดออรินจิ และเห็ดแชมปิญอง (อันหลังสุด มีหลายชื่อนะครับ ตอนยังอ่อนๆ มีสีขาวเขาจะเรียกเห็ดแชมปิญอง พอเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำตาลเขาจะเรียกเห็ดเครมินี และพอมันโตเต็มที่ดอกเบ้อเริ่มเขาจะเรียกเห็ดพอร์โตเบลโล)

โดยรวมผลวิจัยนี้พบว่าคนกินเห็ดเป็นประจำทุกวัน แม้ว่าจะกินนิดเดียว (แบบวันละสองสามดอกเล็กๆ) โอกาสเป็นมะเร็งจะลดฮวบลงถึง 45%

ทีนี้ ก่อนจะตื่นเต้นไปต่อ คำถามคือ ทำไมมันเป็นแบบนั้น?

สารต้านมะเร็งใน “เห็ด”

เห็ดในทางเคมี สิ่งที่พิเศษกว่าพืชอื่นๆ คือมีสารต้านมะเร็งที่ชื่อว่า Ergothioneine ซึ่งเขาก็ “สงสัย” กันว่า เพราะสารตัวนี้หรือเปล่าที่ทำให้เห็ดมีความ “พิเศษ” กว่าพืชอื่นๆ ในการต้านมะเร็ง แต่นี่ก็เป็นแค่สมมติฐาน เพราะยังไม่มีงานวิจัยอะไรมารับรองว่าสารตัวนี้มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากกว่าสารตัวอื่นๆ

ซึ่งโดยทั่วไป “สารต้านมะเร็ง” นี่ก็ “ลึกลับ” คือเราไม่รู้ว่าผลในการต้านมากน้อยแค่ไหน หรือต้านมะเร็งชนิดไหนได้บ้าง เรารู้แค่ว่ามันต้าน “อนุมูลอิสระ” ได้ แต่เท่าไร ยังไง ผลระยะยาวเป็นอย่างไร เราไม่รู้ เพราะถ้ารู้กันเป๊ะๆ ป่านนี้มนุษย์คงแทบไม่เป็นมะเร็งกันแล้ว

และก่อนที่จะลิงโลดไปกับผลวิจัยนี้ นักวิจัยเขาก็เตือนทำนองว่า “มาอีกแล้วเทรนด์ซูเปอร์ฟู้ด” คือ พอมีผลวิจัยว่าอะไรต้านมะเร็ง อะไรดีต่อสุขภาพ คนก็จะแห่กันไปกิน

โดยหารู้ไม่ว่าจริงๆ เอา “ผลวิจัย” ไปใช้แบบนี้จะ “มีปัญหา”

ช่องว่างของข้อพิสูจน์ในงานวิจัย

งานวิจัยด้านอาหารที่บอกว่าลดมะเร็ง ช่วยโรคหัวใจ ต้านเบาหวาน ฯลฯ แทบทั้งหมดเป็นงานวิจัยที่เรียกกันว่างานวิจัยเชิง “สังเกตการณ์” (observational studies) ซึ่งสิ่งที่ได้คือ “ความเชื่อมโยง” (correlation) กันของสองสิ่ง ไม่ใช่ “ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล” (causality) ของสองสิ่ง

เช่นในกรณีนี้ สิ่งที่งานวิจัยบอกเราจริงๆ แค่คนที่ไม่กินเห็ดเลย มีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งสักอย่างกว่าคนที่กินเห็ดถึง 45% งานวิจัยคือบอกเท่านี้

ซึ่งคำถามคือ คนที่กินเห็ดที่มีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า หรือจริงๆ สิ่งที่พวกเขามีร่วมกันอาจไม่ใช่แค่กินเห็ดหรือเปล่า?

เพราะคนพวกที่กินเห็ด อาจเป็นแค่คนที่กินผักเยอะและหลากหลาย จนมีเห็ดอยู่ในบรรดาผักที่กิน และคนกลุ่มนี้มีอัตราเป็นมะเร็งต่ำ ก็อาจมาจากการกินผักที่เยอะและหลากหลายที่ว่านี่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับการกินเห็ดโดยตรง

สรุป “กินเห็ด” แล้วดีจริงหรือ?

อ่านมาถึงตรงนี้ก็ อ้าว… แบบนี้เราจะรู้ได้จริงๆ หรือเปล่าว่า “กินเห็ด” แล้วดีไหม?

คำตอบคือ ในทางทฤษฎีนั้นได้ ถ้าเราทำงานวิจัยเชิงคลินิก (clinical studies) ซึ่งก็คือ การเอาคนมาแยกสองกลุ่มเลย และควบคุมทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้เหมือนกันหมด และมีความต่างแค่คนกลุ่มหนึ่งกินเห็ด อีกกลุ่มไม่กินเห็ด

ปัญหาคือการทำวิจัยแบบนี้ “ไม่ได้” ไง เพราะการทำวิจัยแบบนี้ปกติจะใช้กับยาเท่านั้นซึ่งเป็นการวิจัยระยะสั้น ส่วนงานวิจัยที่ต้องใช้เวลาหลายปี หรือข้ามทศวรรษ จะวิจัยแบบนี้ไม่ได้ (นอกจากเราจะจับคนล็อกไว้ในห้องทดลอง ซึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนแน่นอน) ซึ่งเวลาเราพูดถึงผลของอาหารต่อมะเร็ง ผลต่อโรคหัวใจ มันต้องวิจัยสเกลนี้ วิจัยกันหลักเดือนหรือปีสองปีแบบวิจัยยาไม่ได้

ทั้งหมดก็เลยเป็นปัญหาให้งานที่จะบอกว่าโน่นนี่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งโผล่มาตลอด ซึ่งคนก็อ้างกันแบบไม่มีความเข้าใจกระบวนการด้านการวิจัยเลยว่ามันมีข้อจำกัดในการเคลมแค่ไหน

ดังนั้น ถ้าใครไม่กินเห็ดหรือกินผักอะไรเลย ผลวิจัยที่ว่าก็ไม่การันตีว่าอยู่ดีๆ หันมากินแต่เห็ด โอกาสเป็นมะเร็งจะลดจริงๆ

แต่สำหรับคนที่กินเห็ดเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ยินดีด้วยครับ คุณน่าจะเข้าข่ายคนที่โอกาสเป็นมะเร็งจะน้อยกว่าชาวบ้านตามงานวิจัย

อ้างอิง

SCMP. Eating two mushrooms a day could lower cancer risk by 45 per cent, study finds. Experts recommend a pinch of salt. https://bit.ly/3zZg4Z8