‘ศัพท์ความสัมพันธ์’ ยุคนี้เยอะจนงง! คนยุคใหม่เลยหันมาทำ ‘สัญญา’ เพื่อให้ความสัมพันธ์ชัดเจน
‘ศัพท์ความสัมพันธ์’ ยุคนี้เยอะจนงง!
คนยุคใหม่เลยหันมาทำ ‘สัญญา’
เพื่อให้ความสัมพันธ์ชัดเจน
ยุคปัจจุบันสิ่งที่ผุดขึ้นแทบจะตลอดเวลาคือ ‘ศัพท์ด้านความสัมพันธ์’ ที่น่าจะโผล่มาบนโลกเดือนละหลายตัว คนยุคใหม่พยายามจะมีความสัมพันธ์แบบใหม่ๆ และตั้งชื่อมากำกับ ส่วนคนที่ไม่พอใจความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ ก็จะสร้างคำใหม่ๆ มาเรียกสิ่งที่ตนเองกำลังโดนอยู่ และวงจรการสร้างคำเหล่านี้ก็แทบจะมีไม่สิ้นสุดระดับที่สามารถเขียนเป็นคอลัมน์แยกได้ด้วยซ้ำ
แต่ในความที่ศัพท์แสงโผล่มาไม่ขาดสาย สิ่งที่หายไปคือความ ‘ชัดเจน’ เพราะสุดท้ายในยุคที่ความสัมพันธ์แทบจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ตายตัว มันก็มีความความเป็นไปได้ว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจอีกฝ่ายได้ เพราะศัพท์เยอะขนาดนี้ ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องปกติ
ทำให้ยุคหลังๆ คนเริ่ม ‘ทำสัญญา’ ในความสัมพันธ์ขึ้น ซึ่งถ้าไปอ่านใน Reddit เราจะพบเรื่องพวกนี้พอควร และ Vice ก็รายงานเรื่องพวกนี้
ประเด็นคือ สัญญาเหล่านี้ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย และในทางเทคนิคมันเหมือนข้อตกลง ให้ต่างฝ่ายต่างรู้หน้าที่ของตัวเองมากกว่า เพราะในยุคที่แม้แต่บทบาททางเพศก็เปลี่ยนไป ความคาดหวังมันก็ต่าง และจริงๆ คู่รักต่างเพศยุคใหม่ที่อยู่ด้วยกันก็อาจต้องตกลงกันว่าใครจะทำงานบ้าน เพราะผู้หญิงยุคใหม่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าตนเองจะมีหน้าที่ทำงานบ้านอีกแล้ว ซึ่งนี่ก็อาจไปถึงเรื่องโรแมนติกอื่นๆ เช่นว่า ต้อง ‘ทำการบ้าน’ กันถี่แค่ไหน? หรือการกระทำใดบ้างที่จะเป็นการนับว่ามีชู้?
อะไรพวกนี้สำหรับหลายคนอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ที่จริงแล้วหากยิ่งชัดเจน ความสัมพันธ์ก็จะยิ่งง่าย พวกการแบ่งงานกันทำในบ้านนี่เข้าใจง่ายอยู่แล้ว เรื่องอย่างการมีเวลาให้กัน นี่ก็อาจต้องคุยกันดีๆ เพราะถ้าต่างคนต่างมีกลุ่มเพื่อนต่างกัน ไปๆ มาๆ จะไม่มีเวลาให้กันเอาได้ หรือแม้แต่คนอยู่ด้วยกัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดเล่นเกมหรือติดดูไลฟ์ซื้อของออนไลน์ สุดท้ายจะไม่มีเวลาให้กันถ้าไม่ตั้งใจจัดเวลา ก็ไม่แปลกอะไร หรือ ‘เส้นพรมแดนของการมีชู้’ ของแต่ละฝ่ายคืออะไรก็อาจต้องคุยกันดีๆ เช่นจะคุยกับแฟนเก่าเรื่องงานต้องบอกอีกฝ่ายไหม? หรืออีกฝ่ายรับได้ไหมเวลาอีกฝ่ายไปกดไลก์รูปเซ็กซี่ของเพศตรงข้าม?
เรื่องเหล่านี้ ถึงที่สุดมันก็เป็นเรื่องของแต่ละคู่จะตกลงกัน ในมาตรฐานปัจจุบันนั้นไม่มีถูกผิด เพียงสองฝ่ายรับได้ก็จบ แต่พอมันมีเยอะ ก็ไม่แปลกที่บางคู่จะเริ่มมีการทำสัญญา ซึ่งว่ากันตรงๆ มันเหมือน MOU หรือ ‘บันทึกความเข้าใจร่วมกัน’ มากกว่า
และไม่ว่าจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าอะไร ใจความก็คือ มันเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่จะทำให้รายละเอียดต่างๆ ในความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นในยุคที่ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักมีความลื่นไหลและความเป็นไปได้มากมาย ในระดับที่ต่างฝ่ายต่างอาจงงทั้งสถานะของตนเองและความคาดหวังของอีกฝ่ายต่อตนเอง
และในภาวะแบบนี้การ ‘ทำสัญญา’ แบบลายลักษณ์อักษรไปเลยน่าจะเป็นการดีที่สุด
อ้างอิง:
- Vice. People Are Creating ‘Relationship Contracts’ To Keep Their Partners in Line. https://shorter.me/wH7G8