จริงๆ คนอาจไม่ได้ต้องการ Metaverse ของ Facebook แต่ต้องการ Multiverses แบบนิรนาม
ข่าวใหญ่ส่งท้ายเดือนตุลาคม 2021 ระดับโลกของ ‘ชาวเน็ต’ โลกก็คงจะหนีไม่พ้นการที่เฟซบุ๊ก (Facebook) เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เมต้า (Meta) เพื่อมุ่งจะเปลี่ยนท่าทีของบริษัทว่าจะไม่ใช่บริษัทโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว แต่เป็นบริษัทที่ทำด้านเมต้าเวิร์ส (Metaverse)
ข่าวนี้ทำให้คนตื่นเต้นกันมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยได้ยินคำว่าเมต้าเวิร์ส
แต่คนรู้จักคอนเซปต์ดีล้วน ‘ส่ายหน้า’
Metaverse คือคอนเซปต์ที่พูดถึงชีวิตมนุษย์ในรูปแบบใหม่ที่ตัวตนในโลกแห่งความจริงและโลกอินเทอร์เน็ตอันซับซ้อนประสานเป็นหนึ่ง คือตัวเราไปโลดเล่นในความจริงเสมือนได้ โลดแล่นเข้าไปในเกมได้ โดยภาพยนตร์ที่ดูจะ ‘ให้ภาพ’ ว่าเมต้าเวิร์สหน้าตาเป็นอย่างไรเบื้องต้นก็น่าจะเป็น Ready Player One
ประเด็นของเฟซบุ๊กก็คือ นับแต่นี้เฟซบุ๊กจะมุ่งมั่นสร้าง ‘โลกเสมือน’ แบบนั้นน่ะแหละ เพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าไป ‘อยู่’ ในนั้น
นี่อาจฟังดูน่าตื่นเต้น ฟังดูไซไฟสุดๆ แต่ ‘ปัญหา’ มันมีเยอะมาก และ ‘ปัญหา’ ก็มาจากตัว เฟซบุ๊กเอง
เฟซบุ๊กมีประวัติที่ไม่ดีมากๆ ในการปฏิบัติกับผู้ใช้ โดยเฉพาะการแบนเนื้อหาต่างๆ ที่ ‘ผิดมาตรฐานชุมชน’ ซึ่งว่ากันว่าใช้ AI ในการตรวจจับ และตรวจจับผิดๆ ถูกๆ ด้วย หรือพูดอีกแบบ ใครมันจะอยากเข้าไปในเมต้าเวิร์สของเฟซบุ๊ก ถ้าวันดีคืนดี ‘ตัวตน’ ของเขาจะถูกลบออกได้โดยสิ้นเชิงเหมือนบัญชีเฟซบุ๊ก?
แน่นอน บางคนก็อาจบอกว่านี่เป็นปัญหาสำหรับบางคนเท่านั้น แต่อีกด้าน สิ่งที่เฟซบุ๊กฉาวโฉ่เช่นกันก็คือการเอาข้อมูลส่วนตัวเราไป ‘ขาย’ กระทั่ง ‘กระทำชำเรา’ พูดอีกแบบ ตอนนี้โลกรู้ดีแล้วว่าเฟซบุ๊ก ‘เล่นไม่ซื่อ’ กับข้อมูลส่วนตัวของเรา (ไม่ต้องพูดถึง ‘ข่าวลือ’ เรื่องการ ‘แอบฟังบทสนทนา’ ที่เราได้ยินเนืองๆ) และนี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘คนรุ่นใหม่ไม่ใช้เฟซบุ๊ก’ ที่เป็นกระแสมากในโลกตะวันตก
คือเฟซบุ๊กมีเจตนาชัดเจนจะ ‘รีดเงินจากการดำรงอยู่’ ของเรา ซึ่งใคร ‘ทำเพจ’ ต่างๆ ก็คงรู้ดีว่า ช่วงหลังๆ ถ้าไม่ ‘จ่ายสินบน’ ให้เฟซบุ๊กโดยการ ‘บูสต์โพสต์’ นั้น โลกไม่มีทางจะเห็นคุณ และเราก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะไม่คิดว่าเฟซบุ๊กจะทำแบบนี้บนเมต้าเวิร์สที่จะสร้างขึ้นในอนาคต
พูดง่ายๆ ถ้าเฟซบุ๊กจะสร้างโลกเสมือน มันย่อมจะให้คุณเข้าไปใช้ฟรีตอนแรก ก่อนจะ ‘รีดเงิน’ คุณตอนหลัง เมื่อคุณ ‘หนีไปไหนไม่ได้แล้ว’ และนี่คือ ‘บิสซิเนสโมเดล’ ของเฟซบุ๊กและ ‘ผู้ใช้’ ทุกคนก็เรียนรู้แล้ว และคนจำนวนมาก ‘เข็ด’ แล้ว
พูดให้มันตรงกว่านั้น มีคนที่ไม่เหลือ ‘ความไว้วางใจ’ อะไรแล้วให้เฟซบุ๊กและนี่ไม่ใช่เหรอที่เป็นเหตุผลที่หลายๆ คน ‘เบื่อเฟซบุ๊ก’ แล้วใช้ ‘เวลาว่างในการท่องเน็ต’ ไปโลดแล่นบนคลับเฮ้าส์ (Clubhouse) หรือ ติ๊กต็อก (TikTok)
ทั้งนี้ถามว่าเมต้าเวิร์สจะไม่ ‘เกิด’ เหรอ คำตอบคือมันน่าจะเกิดแน่ๆ แต่เฟซบุ๊กก็จะไม่ใช่ ‘จักรพรรดิ’ เช่นกัน
เพราะสุดท้ายๆ สิ่งที่คนต้องการ มันไม่ใช่มี ‘ตัวตน’ เดียว แล้วย้ายตัวตนไปเรื่อยๆ ในหลายๆ แพลตฟอร์ม เหมือนการใช้บัญชีเฟซบุ๊ก เพื่อล็อกอินในสารพัดแพลตฟอร์ม
คนไม่ได้ต้องการเมต้าเวิร์สที่เป็นหนึ่งเดียว แต่อยากได้เมต้าเวิร์สที่มีความหลากหลาย ที่ ‘ความนิรนาม’ ยังกลับมา ที่ๆ คุณเข้าไป ‘เริ่มชีวิตใหม่โดยไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นใครได้ แม้แต่ตัวแพลตฟอร์ม’ หรือพูดอีกแบบ เรายังต้องการโลกที่ ‘ความเป็นส่วนตัว’ มีอยู่จริงและจับต้องได้
ซึ่งถามว่าแล้วอะไรจะตอบโจทย์โลกแบบนี้?
คำตอบ คือทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่แล้ว คือกูเกิล (Google) ว่าเราเมลหาใคร เดินทางไปไหน แต่ไม่รู้ว่าเรา ‘คิดอะไร’ แบบที่เฟซบุ๊กรู้ เช่นกัน บริษัทพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าเราชอบดูหนังอะไรชอบฟังเพลงอะไรแบบที่ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) และ สปอติฟาย (Spotify) รู้ และในทำนองเดียวกัน บริษัทพวกนี้ทั้งหมดก็ไม่รู้หรอกว่าเราไปสมัครสมาชิกใครบ้างใน โอลี่แฟน (Onlyfans) หรือเรามี ‘แอคหลุม’ กี่อันบนทวิตเตอร์ (Twitter) ฯลฯ
พูดง่ายๆ ทุกวันนี้ ‘ความเป็นส่วนตัว’ ของเราเกิดจากการที่เรากระจาย ‘ชีวิต’ ของเราไปในหลายแพลตฟอร์ม มันเลยทำให้ไม่มีบริษัทใดในโลกล่วงรู้ตัวตนของเราทั้งหมด
และเราก็ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เราไม่ได้ต้องการให้เฟซบุ๊กสร้างเมต้าเวิร์สมาเก็บเกี่ยวข้อมูลทั้งชีวิตของเราในทุกมิติไปสร้างรายได้
แล้วทางเลือกอื่นคืออะไร?
อันที่จริง สิ่งที่ ‘กรุยทาง’ ในการสร้างเมต้าเวิร์สแบบนิรนามหรือทำให้คนมี ‘หลายชีวิต’ ได้ก็คือโลกของคริปโทเคอร์เรนซี
ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซีที่ผ่านมาในปี 2021 มันพิสูจน์แล้วว่าคุณสามารถเป็นเจ้าของสิ่งของดิจิทัลสารพัดได้ในการซื้อ NFT และคุณสามารถเล่นเกมโดยการใช้เงินคริปโทที่เอาออกมาใช้นอกเกมได้ และทั้งหมดสามารถเกิดขึ้นได้แบบ ‘นิรนาม’
ประเด็นคือ นี่แหละ รากฐานของเมต้าเวิร์สแบบนิรนาม
คุณสามารถไปทำเงินในเกมแอคซี อินฟินิตี (Axie Infinity) แล้วย้ายเงินในเกมออกมาแลกเป็นสกุลอื่นในยูนิสวอป (Uniswap) แล้วเอาไปซื้ออวาตาร์ NFT ในโอเพนซี (Opensea) โดยไม่มีใครในโลกนี้จะรู้ว่าใครคือเจ้าของ NFT ดังกล่าว และไม่มีใครรู้ด้วยว่าเงินมาจากไหน และแน่นอน ไม่มีใครมีอำนาจจะแบนเราจากที่ไหนได้ทั้งนั้น
นี่เป็นแค่ ‘ตัวอย่าง’ ว่าระบบการเงินแบบไม่รวมศูนย์ (หรือที่เรียกย่อๆ ว่า DeFi) ในโลกคริปโทนั้นสามารถให้ความเป็นส่วนตัวของกิจกรรมต่างๆ เราแค่ไหน
แต่เฟสบุ๊กต้องการให้เราทำอะไร? เฟซบุ๊กอาจต้องการให้เราเข้าไปใช้ชีวิต ‘เล่นเกม’ ในโลกเสมือนและได้เงินสกุลดิเอม (Diem) ของเฟซบุ๊กโดยเราก็เอาเงินนั้นซื้อของต่างๆ ในโลกเสมือนได้หมด โดยเฟซบุ๊กก็จะเห็นเส้นทางทางการเงินของเราทั้งหมด และเอาข้อมูลนั้นมาเพื่อยิงโฆษณาใส่เรารัวๆ และวางกรอบว่าเราจะเห็นอะไรบ้างในโลกเสมือน แถมถ้ารัฐบาลเราไม่พอใจเรา แล้วติดต่อเฟซบุ๊กไปเฟซบุ๊กก็อาจจะระงับบัญชีเรา ทำให้ทั้งเงินและตัวตนของเราอันตรธานหายไป
นี่คงไม่ใช่สิ่งที่ใครจะอยากให้เกิดขึ้น และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเฟซบุ๊กถึงไม่น่าจะมี ‘ที่ยืน’ เท่าไรในโลกที่เมต้าเวิร์สกำลังพัฒนาไป
เพราะโลกใหม่นี้ ไม่ว่าคนจะเห็นต่างกันในรายละเอียดแค่ไหน แต่สิ่งที่คนน่าจะ ‘เข็ด’ กันหมดแล้วก็คือ ‘อำนาจรวมศูนย์’ ของแพลตฟอร์ม ที่ชี้เป็นชี้ตายเราได้
เนื่องจากสุดท้าย เราไม่อยากมี ‘ตัวตน’ ถาวรในโลกเสมือนหรอก ถ้า ‘เจ้าของแพลตฟอร์ม’ นั้นสามารถ ‘นึกจะฆ่าก็ฆ่าเราได้’ ตลอดเวลา และอย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่ ‘รับไม่ได้’ แน่นอนสำหรับคนในโลกเสรี