‘MEDEZE Hair Renaissance’ ไม่ใช่แค่โฆษณา…แต่คือนวัตกรรมเพื่อ คนรัก ‘ผม’ ที่ล้ำไปอีกขั้นด้วยการสร้างสรรค์ด้วย AI เต็มรูปแบบ ครั้งแรกในวงการแพทย์และความงาม!
ในวันที่คำว่า ‘นวัตกรรม’ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องแล็บ แต่สามารถสะท้อนออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนสัมผัสและรู้สึกได้ แบรนด์สุขภาพอย่าง ‘MEDEZE’ ผู้นำด้านสเต็มเซลล์และเทคโนโลยีสุขภาพของไทยก้าวไปอีกขั้นด้วยการหยิบเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาเรียงร้อยเรื่องราวบอกเล่านวัตกรรมและเทคโนโลยีการปลูกผม ภายใต้แคมเปญ ‘MEDEZE Hair Renaissance’
นับเป็น ‘ครั้งแรก’ ในไทยที่เรื่องราวสายสุขภาพไทยได้หยิบเอา AI มาใช้เป็น storyteller เต็มตัว ไม่ใช่เพียงเพื่อความล้ำสมัย แต่เพื่อสื่อสารความเชื่อมั่นและวิสัยทัศน์ของ MEDEZE ที่มีต่อคำว่า ‘ความมั่นใจ’ และ ‘ความเป็นไปได้ใหม่’ ของมนุษย์
วันนี้ BrandThink ชวนพูดคุยกับ นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ คุณดวิษ ประภายนต์ จาก Catalysta Group พร้อมเผยเบื้องหลัง ถอดรหัสกระบวนการคิด กลยุทธ์ และการทำงานจริงที่เกิดขึ้นใน ‘MEDEZE Hair Renaissance’ รวมถึงความท้าทายในการนำเสนอความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการ Health Care ไทย ในวันที่ AI ไม่ได้มาแทนที่คน แต่ทำให้คนเล่าเรื่องได้ไกลขึ้นกว่าที่เคย และการทำงานร่วมกันระหว่าง MEDEZE กับ Catalysta Group และ Monstage Studio ร่วมกันผลักดันให้ AI Storytelling กลายเป็นเรื่องจริง
“เราจะเล่าเรื่อง ‘ความล้ำ’ ให้คนเข้าใจได้อย่างไร นั่นคือโจทย์สำคัญของแคมเปญนี้”
นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ เผยถึงความคิดตั้งต้นของ AI Video ในแคมเปญ MEDEZE Hair Renaissance ว่า โจทย์สำคัญของ MEDEZE ไม่ใช่แค่การสื่อสารผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นความท้าทายในการทำให้คนทั่วไปเข้าใจเรื่อง ‘นวัตกรรมการปลูกผมรูปแบบใหม่’
เพราะโดยพื้นฐาน MEDEZE นั้นเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ และยังเป็นบริษัทไบโอเทคเจ้าแรกของไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มักคุ้นชินกับการปลูกผมแบบเดิม นั่นคือ ‘ย้ายผม’ จากอีกจุดหนึ่งของศีรษะไปยังจุดที่ต้องการ แต่นวัตกรรมที่ MEDEZE คิดค้นขึ้นมา นั่นคือ กระบวนการที่ไม่ใช่แค่การเคลื่อนย้ายผม แต่คือการ ‘ปลูกใหม่’ ตั้งแต่ต้นกำเนิด ด้วยการนำสเต็มเซลล์จากเส้นผมของตัวเราเองมาเพาะเลี้ยง แล้วปลูกกลับคืนเข้าไป เปรียบได้กับการปลูกต้นไม้จากเมล็ดเดิม และนี่คือเทคโนโลยีที่อาจเรียกได้ว่าเป็นรายแรกของโลกด้วย
MEDEZE จึงตั้งต้นกับคำถามว่า “จะเล่าเรื่องนี้อย่างให้คนเข้าใจว่า เทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำสมัยเช่นนี้มีประโยชน์กับพวกเราทุกคน ด้วยการเห็นภาพเป็นรูปธรรม” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาแคมเปญชิ้นนี้
“MEDEZE พบว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการจากการปลูกผม ไม่ใช่แค่เส้นผม แต่คือความมั่นใจ”
หลังจากที่ MEDEZE ได้ตั้งต้นกับภาพรวมวิสัยทัศน์ที่ต้องการสื่อสารใน AI Video ชิ้นนี้แล้ว จึงได้ผนึกกำลังประสานไอเดียสร้างสรรค์กับ Catalysta Group
(Brand Strategic Partner ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแบรนด์มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา)
นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ เล่าต่อว่า การทำงานแคมเปญครั้งนี้ที่เริ่มต้นจากการมองภาพใหญ่ในเชิงแบรนดิ้ง ทำให้สามารถกะเทาะสิ่งที่สะท้อนความเป็น MEDEZE ได้ดีที่สุด นั่นคือ สิ่งที่เราคิดค้นและทำอยู่ไม่ใช่แค่นวัตกรรมธรรมดา แต่คือ ‘True Innovation’ อย่างแท้จริง แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นที่ตามมา คือ “แล้วผู้บริโภคจะได้อะไร?”
“คำตอบชัดเจนมากครับ ผู้ที่ตัดสินใจปลูกผม ไม่ได้ต้องการแค่ ‘ผม’ ในเชิงกายภาพ แต่สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คือ ‘ความมั่นใจ’ ต่างหาก โดยเฉพาะผู้ชายที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ความเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้มีผลต่อความมั่นใจโดยตรง หลายคนไม่กล้าเข้าสังคม ไม่กล้าสบตา หรือรู้สึกไม่เป็นตัวเองอย่างที่เคยเป็น”
ทาง Catalysta Group จึงตีโจทย์และพัฒนาไอเดียนี้ให้ชัดเจนขึ้นอีกว่า MEDEZE Hair Renaissance ไม่ใช่แค่นวัตกรรมด้านสุขภาพ แต่มันคือนวัตกรรมแห่งความมั่นใจ และเป็นโอกาสที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถกลับมารู้สึกดีในแบบที่เขาเคยเป็นได้อีกครั้งอย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากวิธีปลูกผมแบบเดิมๆ ที่เคยมีมา
จากไอเดียนี้ MEDEZE และ Catalysta Group จึงพัฒนาสู่คอนเซ็ปต์หลักร่วมของแคมเปญนี้ว่า
‘ให้ทุกความมั่นใจ เป็นไปได้ เรื่องผม’
“คำว่า ‘รักผม’ อาจฟังดูเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วมันมีพลังมากกว่าที่คิด”
จากคอนเซ็ปต์ ‘ให้ทุกความมั่นใจเป็นไปได้ เรื่องผม’ MEDEZE และ Catalysta Group ต่างมองหาวิธีที่จะสื่อสารให้เข้ากับช่วงเวลานั้นได้อย่างมีความหมาย และพอดีว่าแคมเปญนี้เกิดขึ้นในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความรัก จึงได้หยิบคำว่า ‘รักผม’ ขึ้นมาเป็นคำหลักของ AI Video เรื่องนี้
ฟังเผินๆ มันอาจดูเป็นแค่คำหวานๆ ธรรมดา แต่จริงๆ แล้ว คำว่า ‘รักผม’ สำหรับ MEDEZE ให้มีความหมายซ้อนอยู่สองชั้น ชั้นแรกคือการ ‘รักผม’ ในความหมายตรงตัว นั่นคือ การดูแลเส้นผมของตัวเองอย่างจริงจัง และอีกชั้นหนึ่งที่ลึกกว่านั้นคือการ ‘รักตัวเอง’
เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่กล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านรูปลักษณ์หรือความมั่นใจ ล้วนต้องเริ่มจากความรักที่มีต่อตัวเองก่อนเสมอ และสิ่งนี้ MEDEZE มองว่าคือข้อความที่จริงใจที่ต้องการสื่อสารออกไปให้ถึงผู้ชม
“เราตั้งต้นจากข้อจำกัด แต่เลือกเล่าเรื่องด้วยศักยภาพสูงสุดที่มี”
“ต้องเรียนตามตรงครับว่า โปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากโจทย์ที่ท้าทายมาก เพราะการจะสร้างภาพยนตร์โฆษณาที่มีความซับซ้อนทางวิชาการ เช่น การจำลองโมเดลเส้นผมหรือเซลล์ต้นกำเนิดในเชิงวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้ต้นทุนสูงทั้งในเชิงเวลาและการผลิต
เราจึงตั้งคำถามกลับกับตัวเองว่า ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัด เราจะสร้างงานที่มีพลังและคุณภาพที่สุดได้อย่างไร โดยไม่ลดทอนสาระหรือความประณีตในการเล่าเรื่อง”
คำตอบที่ได้ร่วมกันจากทีม Catalysta Group และ Monstage Studio คือการนำ AI เข้ามาเป็นหัวใจของกระบวนการผลิตทั้งหมด โดยเรียกแนวทางนี้ว่า ‘AI Co-Creation’ ซึ่งไม่ใช่แค่ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยด้านการผลิตภาพ แต่คือการออกแบบเนื้อเรื่อง อารมณ์ และโลกทั้งใบของวิดีโอให้เกิดขึ้นจาก AI ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการถ่ายทำจริงแม้แต่ช็อตเดียว
“เราไม่ได้มอง AI เป็นทางลัด แต่มองว่าเป็นทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เราได้ทดลองสร้างสรรค์บนโจทย์ใหม่ และยังคงคุณภาพที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน”
การร่วมสร้าง ‘วิดีโอไร้กองถ่าย’ ครั้งแรก กับพาร์ตเนอร์ที่เชื่อในความเป็นไปได้เดียวกัน
MEDEZE Hair Renaissance คือผลงานครั้งแรกเลย ที่ MEDEZE และ Catalysta Group ร่วมกับ Monstage Studio ทำงานโฆษณาทั้งเรื่องโดยที่ไม่มีการถ่ายทำแม้แต่ช็อตเดียว ทุกอย่างสร้างขึ้นผ่าน AI 100% ตั้งแต่ต้นจนจบ
สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่ความกล้า แต่คือการได้ร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ที่ ‘เชื่อในความเป็นไปได้เดียวกัน’ ทั้ง Catalysta Group และ Monstage Studio โดยเฉพาะทีมของ คุณวีรยุทธิ์ คุณวิทยไพศาล Exexcutive Producer จาก Monstage Studio ที่เข้าใจทั้งศักยภาพของเทคโนโลยี และวิธีดึงอารมณ์ของเรื่องออกมาได้ผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ
การทำงานร่วมกันแบบมีเป้าหมายชัด กำหนดแนวคิดที่แม่นยำ และค่อยๆ ใช้ศักยภาพและเรียนรู้ข้อจำกัดของ AI เป็นพลังในการเล่าเรื่อง นี่คือหัวใจของนวัตกรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่เรียนรู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
AI ที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือการสะท้อนตัวตนของแบรนด์
“ถ้ามองในเชิงแบรนด์ ผมคิดว่า AI ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่มันสะท้อนตัวตนของ MEDEZE ได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะ MEDEZE เป็นแบรนด์ที่กล้าคิด กล้าลอง และยึดมั่นในวิถีของนวัตกรรมมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้นำด้านการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากไขมันรายแรกในประเทศ หรือการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง”
เพราะฉะนั้น การที่ MEDEZE ตัดสินใจใช้ AI 100% ในแคมเปญนี้ เป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ให้ชัดว่า MEDEZE เป็น ‘Inventor’ ผู้นำที่พร้อมเปิดเส้นทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรม และกล้าลองในสิ่งที่คนอื่นยังไม่กล้าลงมือทำ
ก้าวข้ามขีดจำกัดของความคุ้นเคย และสร้างความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีใหม่
ด้าน คุณดวิษ ประภายนต์ จาก Catalysta Group เผยเบื้องหลังและเล่าความท้าทายของ MEDEZE Hair Renaissance ที่เป็น AI Video เต็มรูปแบบให้ฟังอย่างละเอียด เนื่องจากแคมเปญนี้มีความท้าทายในหลายระดับระหว่างทุกขั้นตอนการทำงาน
อย่างแรกเลยคือ ‘การสร้างความเชื่อมั่น’ ให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝั่ง MEDEZE ที่ Catalysta Group ดูแลเรื่องแบรนดิ้งมาโดยตลอด เพราะต้องยอมรับว่าสำหรับวงการ Health Care แล้ว การสื่อสารด้วย AI แบบ 100% เป็นสิ่งที่ยังไม่คุ้นชินมากนัก และเป็นก้าวกระโดดที่อาจสวนทางกับภาพจำเดิมๆ ที่เน้นความน่าเชื่อถือในเชิงวิชาการหรือวิทยาศาสตร์
อย่างที่สองคือข้อจำกัดของเทคโนโลยีเอง เพราะ AI ไม่ได้สามารถเสกทุกอย่างแบบไร้ขีดจำกัดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เราต้องวางเส้นเรื่องให้อยู่ในกรอบของสิ่งที่ AI ทำได้ เช่น การควบคุมคาแรกเตอร์ให้ดูเป็นคนคนเดียวกันทั้งเรื่อง การจัดวางมุมกล้องให้ต่อเนื่อง หรือแม้แต่การคุมอารมณ์ของภาพให้ไม่สะดุดสายตาคนดู ซึ่งถ้าไม่แม่นพอ มันจะ ‘หลุด’ ออกมาทันที
โชคดีมากที่เราได้ทำงานกับทีม Monstage Studio ที่มีความเข้าใจเทคโนโลยี AI อย่างลึกซึ้งช่วยให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรควรหลีกเลี่ยง รวมถึงช่วยปรับบทและเส้นเรื่องให้เหมาะสมกับศักยภาพของเครื่องมือที่มี
“บางครั้งเราต้องย่อยเรื่องราวให้กระชับขึ้น หรือปรับวิธีเล่าให้เน้นภาพมากกว่าคำพูด เพื่อให้ AI ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เต็มที่ และท้ายที่สุด สิ่งที่เราทำก็ไม่ใช่แค่การเอาเทคโนโลยีมาใช้ แต่คือการรวมทุกองค์ประกอบให้ทำงานร่วมกันได้ ทั้งในแง่ความเป็นแบรนด์ และในมุมของความรู้สึกของผู้ชม”
เบื้องหลังความร่วมมือ Catalysta Group x Monstage Studio: จุดตัดระหว่างแบรนดิ้งและเทคโนโลยี
ในการทำงานครั้งนี้ คุณดวิษ ประภายนต์ เผยว่าบทบาทของ Catalysta Group คือการเป็นผู้แทนเสียงของแบรนด์ MEDEZE เพราะตนเองอยู่กับแบรนด์มาตั้งแต่ต้น จึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการสื่อสารแบรนดิ้งทั้งรูปแบบวัจนภาษาและอวัจนภาษา คำที่ควรใช้ ภาพที่สื่อสารได้ตรงที่สุด หรือแม้แต่รายละเอียดต่างๆ ที่จะสะท้อนตัวตนของ MEDEZE ได้อย่างตรงไปตรงมา
ในขณะที่ Monstage Studio เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่องผ่านเทคโนโลยี และรู้ว่าจะใช้เทคโนโลยี AI อย่างไรให้เชื่อมโยงเรื่องราวได้ลื่นไหล ทั้งในเชิงภาพและอารมณ์มากที่สุด
ทีมงานหลักๆ ในฝั่งโปรดักชั่น จึงประกอบด้วย 4 ฝ่ายสำคัญ คือ ทีมครีเอทีฟ ทีมโปรดักชัน ทีม AI Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และทีมแบรนดิ้ง ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีบทบาทเฉพาะและทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น การกำหนด Mood & Tone ผ่านเครื่องมือ AI เพื่อดูว่าโลกแห่งอนาคต หน้าตาตัวละคร หรือแม้แต่บรรยากาศต่างๆ ให้ออกมาใกล้เคียงกับที่เราจินตนาการไว้มากที่สุด จากตรงนั้นเราจึงค่อยๆ ปรับและขับเคลื่อนโปรเจกต์ให้เกิดขึ้นบนความเป็นไปได้จริงของความสามารถของเทคโนโลยี
นอกจากนี้ คุณดวิษ ประภายนต์ ยังเล่าให้ฟังอีกว่า AI Video ชิ้นนี้ ถือเป็นการทำงานครั้งแรกของตนเอง ที่มีการฟิตติ้งทั้งหมดผ่านหน้าจอด้วยเครื่อมือ AI
“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมเลยครับที่ไม่ต้องเจอกับทีมงานหรือนักแสดงจริงๆ ในการฟิตติ้ง ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นผ่าน AI ตั้งแต่หน้าตาตัวละครตอนหนุ่มไปจนถึงตอนแก่ รวมถึงฉากต่างๆ ในโฆษณา และสิ่งที่ผมประทับใจมากคือ เวลาทีมงานคอมเมนต์ เช่น อยากให้หน้ามีริ้วรอยเพิ่มขึ้น หรืออยากให้แววตาดูอบอุ่นขึ้น เครื่องมือ AI ก็สามารถพัฒนาให้เห็นผลลัพธ์ได้ในทันที ถ้าหากเป็นการถ่ายทำปกติ คงต้องใช้เวลาในการปรับแก้ และทำให้เกิดต้นทุนที่สูงมากขึ้น”
จากทะเลทรายแห่งปี 2085 สู่หนังศีรษะมนุษย์: คืนความมั่นใจให้เส้นผมของคุณ ด้วย MEDEZE Hair Renaissance
ภาพใน AI Video จากแคมเปญ MEDEZE Hair Renaissance ที่ตัวละครจากอนาคตเดินอยู่กลางทะเลทราย หากดูผิวเผินอาจเหมือนโลกที่แห้งแล้งเต็มไปด้วยมลภาวะและโรคภัยต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว…ทะเลทรายนั้นคือ ‘หนังศีรษะ’ ของมนุษย์ที่ว่างเปล่า ปราศจากเส้นผม
คุณดวิษ ประภายนต์ เผยว่าการที่ AI Video ชิ้นนี้ตั้งใจให้มีฉากต้นไม้ให้เติบโตขึ้นจากกลางทะเลทราย จึงเป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ที่เปรียบเสมือนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ เปรียบได้กับการกลับมาของ ‘ความหวัง’ และ ‘การปกป้องเส้นผม’ ที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรมของ MEDEZE Hair Renaissance
“ผมมองว่า…คือการตีความที่ทำให้การเล่าเรื่องเทคโนโลยีทรงพลังได้มากกว่าการพูดตรงๆ ว่านวัตกรรมของ MEDEZE Hair Renaissance นั้นมีดีอย่างไร”
เพราะ AI ไม่ใช่เวทมนตร์ และเราต้องรู้จักขีดจำกัดของมัน
“แน่นอนว่าในแคมเปญ MEDEZE Hair Renaissance ชิ้นนี้ เราทำงานกับ AI โดยตรงแค่บางส่วน ที่เหลือเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่เก่งมาก และคนเหล่านี้สะท้อนให้เราเห็นว่า แม้ AI จะทรงพลัง แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น มุมกล้องบางมุมที่ไม่ต่อเนื่องกัน หรือภาพเส้นผมที่งอกขึ้นแต่ยังดูไม่เป็นธรรมชาติพอ บางฉากที่ตั้งใจให้ผมงอกอย่างพลิ้วไหว กลับออกมาเหมือนเส้นกราฟิกแข็งๆ ทุกข้อจำกัดที่ว่ามานี้ ล้วนสะท้อน ‘ความสำคัญของมนุษย์’ ที่เป็นทีมงาน Post-Production ที่เข้ามาเสริมให้แคมเปญชิ้นนี้สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น” คุณดวิษ ประภายนต์ กล่าว
AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่เปิดโอกาสให้เราเล่าเรื่องได้ไกลขึ้น เหมือนกับ MEDEZE ที่พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้าง ‘ความเป็นไปได้’ ให้กับทุกคน
“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดของแคมเปญ MEDEZE Hair Renaissance คือ ‘การยอมรับว่ารูปแบบโลกการทำงานเปลี่ยนไปแล้ว’” คุณดวิษ ประภายนต์ แสดงความคิดเห็น
“เราไม่สามารถยึดติดกับกระบวนการแบบเดิมๆ ที่ใช้เมื่อ 5–10 ปีก่อนได้อีกต่อไป เพราะในวันนี้ เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเกื้อหนุนและทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้น เช่นเดียวกับการผลิต AI Video ชิ้นนี้ จากอดีตที่ต้องใช้เวลานานกับขั้นตอนพรีโปรดักชัน การฟิตติ้ง และทีมถ่ายทำมากมาย ปัจจุบันเราสามารถวางระบบทั้งหมดได้ผ่านหน้าจอ
MEDEZE เองก็เป็นตัวอย่างที่ดีของแบรนด์เพื่อสุขภาพที่กล้า ‘ออกจาก Comfort Zone’ เพื่อทดลองวิธีใหม่ๆ ในการสื่อสาร และเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างและมีพลังได้จริง”
ทั้งนี้ คุณดวิษ ประภายนต์ ยังยืนยันว่าในมุมมองของคนทำงาน AI ควรถูกมองเป็น ‘ทางเลือก’ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้ทุกครั้ง แต่เป็นเครื่องมือที่ควรรู้จักอย่างเข้าใจ หรือพูดให้ง่ายกว่านั้นคือ เราควรเป็น ‘AI Supervisor’ ที่รู้ว่าจะบริหารมันอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่สูญเสียตัวตนหรืออัตลักษณ์ของตนเอง
เช่นเดียวกับ นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ที่สะท้อนวิสัยทัศน์สำคัญของ MEDEZE ที่เป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ที่เปิดรับทุกแนวความคิดของความเป็นไปได้ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเติมเต็มความต้องการให้กับทุกคน เพื่อให้ทุกคนมีความสุขอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนไป
สอดคล้องไปกับแคมเปญ MEDEZE Hair Renaissance ที่เป็นการประกาศความสำเร็จและการก้าวไปอีกขั้นในวงการสุขภาพของ MEDEZE ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เทคโนโลยีชีวภาพ อย่างการรักษา จัดเก็บเซลล์รากผม รวมถึงการฟื้นฟูสภาพเส้นผมในอนาคต เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตนเอง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ MEDEZE Hair Renaissance ได้ที่ https://medezehair.medezegroup.com/