2 Min

รู้ไหม Lucid Dream การควบคุม รู้ตัวตอนฝัน มันฝึกกันได้

2 Min
34149 Views
16 Apr 2021

เคยสัมผัสประสบการณ์ระหว่างที่พูดคุยกับคนรู้จัก อยู่ในบรรยากาศทั่วๆ ไป สถานที่ก็คุ้นเคย อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ เรากำลังฝันอยู่นี่นา

PIOTR WILK

PIOTR WILK | VICE

อาจจะฟังดูแปลก แต่เชื่อว่า หลายคนน่าจะเคยสัมผัสประสบการณ์นี้กันมาบ้าง นี่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Lucid Dream คือการที่คุณ “รู้ตัว” ตอนฝัน คุณรับรู้ได้ทั้งความรู้สึก ความคิด และอารมณ์ระหว่างที่ฝัน แถมบางครั้งยังสามารถควบคุมฝันของตัวเองได้ด้วย ควบคุมในรูปแบบเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนเรื่อง หรือเปลี่ยนคนที่กำลังเดินอยู่รอบๆ ได้ด้วย

ความฝันแบบ Lucid dream ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกโดยจิตแพทย์ชาวดัตช์ Frederik van Eeden ซึ่ง Lucid มีความหมายว่า สว่างชัดเจน ซึ่งเขาเป็นคนที่ศึกษาความฝันในลักษณะนี้เป็นคนแรก หลังจากนั้นก็เริ่มมีนักจิตวิทยาละศาสตร์อื่นๆ ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับภาพยนตร์ดังอย่าง Inception ที่เอาไอเดียนี้ไปพัฒนาเป็นเรื่องราวโจรกรรมความลับจากในฝันด้วยเหมือนกัน

Lucid dream ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะหลับลึกมากที่สุด คือช่วย REM (Rapid Eyes Movement) และมักจะไม่ได้รู้ตัวตั้งแต่ต้น แต่จะมารู้ตัวในช่วงกลาง-ปลายของความฝัน หลายคนเมื่อมีประสบการณ์ Lucid dream อาจเกิดสภาวะฝันซ้อน คือรู้ตัวว่าฝัน แต่เมื่อตื่นแล้วก็ยังอยู่ในฝันอีกชั้นหนึ่ง

แม้ว่า Lucid dream จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่มันมักจะเริ่มต้นขึ้นจากคนที่สามารถจดจำความฝันได้อย่างแม่นยำอยู่บ่อยๆ และเมื่อมันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นอีก ที่สำคัญคือ Lucid dream เป็นสิ่งที่สามารถ “ฝึกฝน” กันได้ด้วย

Flying Dream

Flying Dream | cineramapro

ทำยังไง?

1. หลับให้ลึก และหลับลึกให้ยาว

ลำดับสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่ช่วงหลับลึกบ่อยๆ (จะได้ฝันบ่อยๆ นั่นเอง) การที่คุณมีช่วงเวลาหลับลึกที่ยาวนานมากขึ้นจะเพิ่มโอกาสในมี Lucid dream

2. ลองจดบันทึกความฝัน

อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น Lucid dream มักเกิดขึ้นกับคนที่สามารถจดจำความฝันตัวเองได้บ่อยๆ ดังนั้นลำดับแรกคุณอาจจะลอง “จำ” มันดูก่อน อาจจะใช้วิธีจดไดอารี่ความฝัน เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น การบันทึกคือการบังคับให้คุณจำกลายๆ สมองจะเริ่มตระหนักความสำคัญของการฝันไว้และคุ้นเคยกับมัน

3. เครื่องเช็กความจริง

เหมือนกับในหนัง ถ้าหากคุณมีสัญญาณอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเช็กว่าตัวเองกำลังฝัน หรืออยู่ในโลกความเป็นจริงๆ และทำมันอยู่บ่อยๆ เช่น เอามือบีบจมูกและหายใจเข้า ถ้าทำได้แปลว่าอยู่ในความฝัน หรือมีสัญญาณอื่นๆ ที่คุณใช้กับตัวเองก็มีแนวโน้มว่าคุณจะรู้ตัวได้บ่อยขึ้น

4. จำลักษณะความฝัน

หลายคนฝึกฝนที่จะจดจำความฝันจะเริ่มสังเกตบางอย่างที่มักจะผิดไปจากความจริง เช่น เงาสะท้อนในกระจกไม่กลับด้าน นาฬิกาเดินแปลกๆ บางครั้งเราจะมีสิ่งของหรือสัญญาณที่จะปรากฏในฝันซ้ำๆ ถ้าหากจับสัญญาณเหล่านั้นได้ ก็มีแนวโน้มที่จะรู้ตัวมากขึ้น

5. ตื่นแล้วไปนอนใหม่

บางคนใช้วิธีการตื่นแล้วกลับไปนอนใหม่ (Wake back to bed : WBTB) โดยตั้งนาฬิกาให้ตัวเองตื่นหลังจากนอนได้ 5 ชั่วโมง เมื่อกลับไปนอนอีกครั้งก็มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ช่วงหลับลึกโดยที่ยังมีสติมากกว่าเดิม

6. คุยกับตัวเองก่อนฝัน

นอกจากนี้ยังมีวิธีชี้นำ (Mnemonic induction of lucid dreams : MILD) คือบอกตัวเองก่อนนอนว่าคุณจะฝันอะไรและคุณจะมี Lucid dream ในคืนนี้เพื่อย้ำให้สมองตระหนักว่าคุณฝันอยู่

ความฝันแบบ Lucid dream ไม่ใช่แค่เรื่องที่ดูน่าสนุกและเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ การวิจัยเกี่ยวกับความฝันที่รู้ตัวพยายามนำปรากฏการณ์ไปช่วยในการบำบัดผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียดและวิตกกังวลในจิตใต้สำนึกได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้เราเข้าใจตัวเองผ่านความฝันได้มากขึ้นด้วย

อ้างอิง