ผลการศึกษาบ่งชี้ ‘พนักงานที่ภักดี-ซื่อสัตย์ต่อองค์กร’ มีแนวโน้มจะโดนหัวหน้าเอาเปรียบมากกว่า
การถกเถียงเรื่องสิทธิระหว่าง ‘เจ้านาย’ กับ ‘ลูกจ้าง’ เป็นประเด็นโต้แย้งมายาวนาน เนื่องจากมีกรณีที่ฝ่ายลูกจ้างถูกละเมิดสิทธิ กดขี่ข่มเหง ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือได้รับความไม่เท่าเทียมอยู่เรื่อยๆ แต่เจ้านาย หรือนายจ้างก็ยังเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าในหลายๆ สถานการณ์
เนื่องจากบ่อยครั้งที่ ‘ความภักดี’ ก็กลายเป็นข้อเสียเปรียบ หรือจุดอ่อนสำหรับลูกจ้าง เพราะการศึกษาชิ้นหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่ใน Journal of Experimental Social Psychology เมื่อเดือนเมษายน 2023 พบว่า ผู้จัดการและหัวหน้างาน มักจะพุ่งเป้าไปที่พนักงานที่ภักดีและซื่อสัตย์กับองค์กร ‘มากกว่า’ พนักงานคนอื่นที่ภักดีน้อยกว่า เมื่อต้องมอบหมายภาระงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน หรือเป็นงานที่เพิ่มเติมมา
การศึกษาข้างต้นเป็นการคัดเลือกผู้จัดการและหัวหน้างานจำนวนเกือบ 1,400 คน ให้ร่วมทำแบบทดสอบออนไลน์ โดยสอบถามและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการมอบหมายงานให้กับพนักงานในองค์กร โดยผู้เข้าร่วมศึกษาจะได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานสมมติอายุ 29 ปีที่ชื่อ ‘จอห์น’ (John) ในเวอร์ชั่นแตกต่างกัน
ผู้เข้าร่วมการศึกษาจะถูกขอให้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์จำลองต่างๆ เช่น การตั้งเงื่อนไขว่าองค์กรที่จอห์นทำงานอยู่นั้นมีงบจำกัด และเพื่อลดค่าใช้จ่าย พวกเขาจึงต้องตัดสินใจว่าจะมอบหมายงานให้กับจอห์นหรือไม่ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม
ผลการศึกษาพบว่า ไม่ว่าจะวางกรอบสถานการณ์อย่างไร ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่เป็นผู้จัดการและหัวหน้างาน มักจะขอให้จอห์นในเวอร์ชั่นที่ ‘ภักดีต่อองค์กร’ แบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างมากกว่าจอห์นในเวอร์ชั่นที่ ‘ไม่ภักดีต่อองค์กร’
อีกทั้งการศึกษานี้พบว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่จะประเมินจอห์นในเวอร์ชั่นที่ยอมแบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งมีความภักดีต่อองค์กรมากกว่าจอห์นในเวอร์ชั่นที่ไม่ยอมแบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้าง
นอกจากนี้การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ความภักดีถูกมองและประเมินต่างออกไปจากลักษณะทางศีลธรรม ซึ่งองค์กรธุรกิจหลายแห่งมักจะประเมินว่าความภักดีและความซื่อสัตย์ของพนักงานไม่เกี่ยวกับการขูดรีดหรือเอาเปรียบพนักงานเพื่อประโยชน์ขององค์กร
แมตธิว สแตนลีย์ (Matthew Stanley) ซึ่งเป็นหัวหน้านักวิจัยในการศึกษานี้ กล่าวว่า
“มันเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะคนที่ทำงานซื่อสัตย์มักจะถูกเอารัดเอาเปรียบ และเมื่อพวกเขาถูกแสวงหาผลประโยชน์ พวกเขาก็แค่ได้รับชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นในฐานะที่ซื่อสัตย์ แต่พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะโดนเอาเปรียบแบบนี้อีกในอนาคต”
ส่วนเหตุผลที่หัวหน้างานล็อกเป้าหมายขูดรีดหรือเอาเปรียบพนักงานที่ภักดีต่อองค์กร มักจะมาจากความเชื่อที่ว่าการแสดงความภักดีต่อองค์กรของพนักงานเป็น ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ และความภักดีมักมาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งการเอารัดเอาเปรียบในลักษณะเช่นนี้อาจเกิดขึ้นจากเจ้านายที่ ‘ไม่รู้สึกตัวว่านี่คือปัญหาทางจริยธรรม’ และการเพิกเฉยต่อความไม่ยุติธรรมที่เกิดจากพฤติกรรมของพวกเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ความภักดีต่อองค์กรอาจส่งผลต่อพนักงานในแบบที่การศึกษาชี้ให้เห็น แต่ทีมวิจัยก็แนะนำทิ้งท้ายว่าสถานการณ์จริงในแต่ละองค์กรอาจมีความซับซ้อนกว่านั้น และไม่ได้หมายความว่าพนักงานควรจะผลักภาระหน้าที่ในการทำงานออกไป หรือหลีกเลี่ยงการทำงานที่ไม่ได้รับค่าตอบเทน เพราะการทุ่มเทให้กับองค์กรก็ยังมีผลบวกในด้านอื่นๆ เช่นกัน
อ้างอิง
- Science Alert. Loyal Workers Are More Likely to Be Exploited, And This Is Why. https://bit.ly/41CSePY