2 Min

ผลการศึกษาบ่งชี้ ‘พนักงานที่ภักดี-ซื่อสัตย์ต่อองค์กร’ มีแนวโน้มจะโดนหัวหน้าเอาเปรียบมากกว่า

2 Min
523 Views
28 Apr 2023

การถกเถียงเรื่องสิทธิระหว่าง ‘เจ้านาย’ กับ ‘ลูกจ้าง’ เป็นประเด็นโต้แย้งมายาวนาน เนื่องจากมีกรณีที่ฝ่ายลูกจ้างถูกละเมิดสิทธิ กดขี่ข่มเหง ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือได้รับความไม่เท่าเทียมอยู่เรื่อยๆ แต่เจ้านาย หรือนายจ้างก็ยังเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าในหลายๆ สถานการณ์

เนื่องจากบ่อยครั้งที่ ‘ความภักดี’ ก็กลายเป็นข้อเสียเปรียบ หรือจุดอ่อนสำหรับลูกจ้าง เพราะการศึกษาชิ้นหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่ใน Journal of Experimental Social Psychology เมื่อเดือนเมษายน 2023 พบว่า ผู้จัดการและหัวหน้างาน มักจะพุ่งเป้าไปที่พนักงานที่ภักดีและซื่อสัตย์กับองค์กร ‘มากกว่า’ พนักงานคนอื่นที่ภักดีน้อยกว่า เมื่อต้องมอบหมายภาระงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน หรือเป็นงานที่เพิ่มเติมมา

การศึกษาข้างต้นเป็นการคัดเลือกผู้จัดการและหัวหน้างานจำนวนเกือบ 1,400 คน ให้ร่วมทำแบบทดสอบออนไลน์ โดยสอบถามและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการมอบหมายงานให้กับพนักงานในองค์กร โดยผู้เข้าร่วมศึกษาจะได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานสมมติอายุ 29 ปีที่ชื่อ ‘จอห์น’ (John) ในเวอร์ชั่นแตกต่างกัน

ผู้เข้าร่วมการศึกษาจะถูกขอให้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์จำลองต่างๆ เช่น การตั้งเงื่อนไขว่าองค์กรที่จอห์นทำงานอยู่นั้นมีงบจำกัด และเพื่อลดค่าใช้จ่าย พวกเขาจึงต้องตัดสินใจว่าจะมอบหมายงานให้กับจอห์นหรือไม่ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม

ผลการศึกษาพบว่า ไม่ว่าจะวางกรอบสถานการณ์อย่างไร ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่เป็นผู้จัดการและหัวหน้างาน มักจะขอให้จอห์นในเวอร์ชั่นที่ ‘ภักดีต่อองค์กร’ แบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างมากกว่าจอห์นในเวอร์ชั่นที่ ‘ไม่ภักดีต่อองค์กร’

อีกทั้งการศึกษานี้พบว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่จะประเมินจอห์นในเวอร์ชั่นที่ยอมแบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งมีความภักดีต่อองค์กรมากกว่าจอห์นในเวอร์ชั่นที่ไม่ยอมแบกรับภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้าง

นอกจากนี้การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ความภักดีถูกมองและประเมินต่างออกไปจากลักษณะทางศีลธรรม ซึ่งองค์กรธุรกิจหลายแห่งมักจะประเมินว่าความภักดีและความซื่อสัตย์ของพนักงานไม่เกี่ยวกับการขูดรีดหรือเอาเปรียบพนักงานเพื่อประโยชน์ขององค์กร

แมตธิว สแตนลีย์ (Matthew Stanley) ซึ่งเป็นหัวหน้านักวิจัยในการศึกษานี้ กล่าวว่า

“มันเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะคนที่ทำงานซื่อสัตย์มักจะถูกเอารัดเอาเปรียบ และเมื่อพวกเขาถูกแสวงหาผลประโยชน์ พวกเขาก็แค่ได้รับชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นในฐานะที่ซื่อสัตย์ แต่พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะโดนเอาเปรียบแบบนี้อีกในอนาคต”

ส่วนเหตุผลที่หัวหน้างานล็อกเป้าหมายขูดรีดหรือเอาเปรียบพนักงานที่ภักดีต่อองค์กร มักจะมาจากความเชื่อที่ว่าการแสดงความภักดีต่อองค์กรของพนักงานเป็น ‘ราคาที่ต้องจ่าย’ และความภักดีมักมาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งการเอารัดเอาเปรียบในลักษณะเช่นนี้อาจเกิดขึ้นจากเจ้านายที่ ‘ไม่รู้สึกตัวว่านี่คือปัญหาทางจริยธรรม’ และการเพิกเฉยต่อความไม่ยุติธรรมที่เกิดจากพฤติกรรมของพวกเขาเอง

อย่างไรก็ตาม ความภักดีต่อองค์กรอาจส่งผลต่อพนักงานในแบบที่การศึกษาชี้ให้เห็น แต่ทีมวิจัยก็แนะนำทิ้งท้ายว่าสถานการณ์จริงในแต่ละองค์กรอาจมีความซับซ้อนกว่านั้น และไม่ได้หมายความว่าพนักงานควรจะผลักภาระหน้าที่ในการทำงานออกไป หรือหลีกเลี่ยงการทำงานที่ไม่ได้รับค่าตอบเทน เพราะการทุ่มเทให้กับองค์กรก็ยังมีผลบวกในด้านอื่นๆ เช่นกัน

อ้างอิง