ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ‘การเลือกตั้งเทศบาล’ หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีของเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล ทั้งหมดรวม 2,463 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ซึ่งขณะนี้เราก็พอจะเห็นแล้วว่าใครบ้างที่จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ท้องถิ่นที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดระดับหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับเล็กที่มีพื้นที่เฉพาะ ไม่ได้ครอบคลุมประชากรทุกคน แต่การเลือกตั้งระดับเทศบาลหนนี้ก็มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจจนเราอยากจะชวน มา recap กันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อเน้นย้ำว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นก็มีความสำคัญไม่ย่อหย่อนไปกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ และสะท้อนเป็นนัยๆ ไปยังหน่วยงานฝ่ายการเมืองและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการยกระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่นให้มากขึ้น
[‘หลีนวรัตน์’ คว้าชัยทั้งนายกฯ และ สท.เทศบาลตำบลธัญบุรี]
ในมุมของผู้ติดตามการเมืองท้องถิ่น รายงานข่าวชัยชนะของ ‘น้ำอ้อย-ยุพเยาว์ หลีนวรัตน์’ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรีแทนสามี ‘เฮียเบี้ยว-กฤษฎา หลีนวรัตน์’ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก และชัยชนะของ ‘ลูกพีช-สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์’ ลูกชายของกฤษฎา ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรี เขต 2 ก็ดูจะไม่แปลกอะไรเช่นกัน
แต่สำหรับผู้คนในสังคมกลับเกิดคำถามและข้อวิจารณ์อยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน 2568 ‘ลูกพีช-สมิทธิพัฒน์’ ได้ก่อเหตุขับรถปาดหน้ารถกระบะคันหนึ่งหลังจากที่พบว่ารถกระบะขับเบียดหน้าตนก่อน จนรถกระบะคันดังกล่าวเสียหลักชนแบริเออร์กลางถนน ทำให้ผู้ที่อยู่ในรถได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรต่อผลการเลือกตั้ง และภาพการแสดงความดีอกดีใจของคนในพื้นที่หลังทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ ดูจะแตกต่างจากเสียงวิจารณ์ของสังคมราวฟ้ากับเหว ทำให้นายกฯ เบี้ยวถึงกับลั่นวิวาทะออกมาว่า “ชาวธัญบุรีเนี่ยกินหญ้าหวานครับ ถ้ากินหญ้าขม ผมก็คงไม่ได้รับชัยชนะ” ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีต่อชาวเทศบาลตำบลธัญบุรีที่ยังคงไว้วางใจบุคคลจากตระกูลดังกล่าว
[สจ.หาดใหญ่เรียกพวกรุมทำร้ายตำรวจ หลังถูกห้ามถ่ายภาพในคูหา]
การเลือกตั้งของเขตเทศบาลตำบลพะวง จังหวัดสงขลา ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 7 เกิดเหตุรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยประจำหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว หลังจากได้เข้าไปตักเตือนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ สจ. รายหนึ่ง ที่ได้เรียกผู้ติดตามให้มาถ่ายรูปตนขณะกำลังหย่อนบัตรเลือกตั้งว่าไม่ให้ทำเช่นนั้น
แต่นั่นกลับทำให้ สจ.รายดังกล่าวไม่พอใจ และต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนำไปสู่การส่งสัญญาณบางอย่างไปยังผู้ติดตาม จนเกิดเหตุรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต ในอีก 20 นาทีถัดมา
โดยทราบชื่อภายหลัง สจ.รายดังกล่าว คือ ‘กอล์ฟ-สิรดนัย พลายด้วง’ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ เขต 7 ลูกชายของ ‘โกถึก-สมยศ พลายด้วง’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา
[นายกฯ นครนนท์ตลอดกาล ‘สมนึก ธนเดชากุล’]
เทศบานครนนทบุรีถือเป็นอีกพื้นที่น่าสนใจไม่แพ้พื้นที่อื่นๆ เนื่องจากเป็นเทศบาลที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่าง ‘สมนึก ธนเดชากุล’ นายกเทศมนตรีนครนนทบุรีที่คว้าชัยมาแล้ว 9 สมัย กับ ‘ธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์’ ผู้ท้าชิงจากพรรคประชาชน และ ‘นิยม ประสงค์ชัยกุล’ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครนนทบุรี
ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการตามรายงานของเทศบาลนครนนทบุรี ปรากฏว่า สมนึกสามารถชนะด้วยคะแนนเสียง 34,213 คะแนน รองลงมาเป็นธีรวงศ์ อยู่ที่ 29,394 คะแนน และนิยม 5,603 คะแนน
ส่งผลให้สมนึกสามารถชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 10 และนั่งเก้าอี้ดังกล่าวไปอีก 4 ปี ภายหลังจากได้รับเลือกมาตั้งแต่ราวๆ ปี 2527-2528 ขณะที่ยังเป็นเทศบาลเมืองจวบจนได้รับการยกระดับเป็นเทศบาลนครในปัจจุบัน
[เมื่อที่ 1 มี 2 คนไม่ได้!]
หากเกิดเหตุที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าจะนายกเทศมนตรีและ สท. มีคะแนนเท่ากันมากกว่า 1 คน แต่มีที่นั่งว่างแค่เพียงที่เดียว พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 110 วรรคสอง ระบุว่า
“หากมีผู้สมัครได้คะแนนเลือกตั้งเท่ากันอันเป็นเหตุให้ไม่สามารถเรียงลำดับผู้ได้รับเลือกตั้งได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนเลือกตั้งเท่ากันจับสลากเพื่อให้ได้ผู้ได้รับเลือกตั้งครบจำนวนที่จะพึงมีในเขตเลือกตั้งนั้น”
ปรากฏว่าเลือกตั้งเทศบาลหนนี้ก็มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน เช่น การเลือกผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ปรากฏว่าผลคะแนนของ ‘อุสนี ดอยทรายทอง’ และ ‘กมล ธรรมสนธิเจริญ’ เท่ากันที่ 371 คะแนน จึงต้องจับสลากเพื่อคว้าตั๋วใบสุดท้ายในการนั่งเก้าอี้ สท. ซึ่งเป็นกมลที่สามารถคว้าที่นั่งดังกล่าวไปได้
และการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่าผู้สมัคร ‘สุชาติ ยั่งยืน’ และ ‘จันทร์เพ็ญ กิจประเสริฐ’ มีผลคะแนนเท่ากันที่ 593 คะแนน จึงต้องนำไปสู่การจับสลากเช่นเดียวกัน ผลปรากฏว่าเป็น ‘จันทร์เพ็ญ กิจประเสริฐ’ ที่คว้าที่นั่งดังกล่าวไปได้
[เมื่อที่ 1 ก็เป็นไม่ได้ เพราะพ่ายโหวต NO]
ในบางพื้นที่ แม้ว่าจะสมัครเพียงคนเดียว ก็ไม่สามารถที่จะคว้าเก้าอี้มาครองได้ดังใจปรารถนา และไม่น่าเชื่อว่าการเลือกตั้งเทศบาล 2568 นี้ ก็จะปรากฏกรณีดังกล่าวขึ้น
ดังกรณีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ที่ถึงแม้จะมี ‘พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์’ เป็นผู้สมัครเพียงรายเดียว แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะจำนวนผู้ที่ออกเสียงในบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนได้
เช่นเดียวกับการเลือกนายกเทศมนตรีตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ถึงแม้จะเหลือ ‘ยิ่งใหญ่ อายะนันทน์’ เป็นผู้สมัครเพียงรายเดียว เพราะผู้สมัครอีก 2 คนถูกตัดสิทธิไป แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะผู้ที่ออกเสียงในบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนได้
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 110 วรรคสาม ระบุว่า “หากไม่มีผู้สมัครผู้ใดได้รับเลือกตั้งเพราะเหตุที่ไม่ได้คะแนนมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศให้มีการเลือกตัั้งใหม่ และดำเนินการให้มีการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งรายเดิมทุกรายไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นใหม่”
[ซื้อเสียงหัวละ 3,000 บาท]
เพจ CSI LA ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ก่อนการเลือกตั้งเทศบาลราว 2 วัน ถึงการ ‘ซื้อเสียง’ หรือการแจกเงินเพื่อจูงใจให้ไปลงคะแนนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าผู้สมัครรายหนึ่งลงทุนแจกเงินให้ประชาชนในพื้นที่คนละ 3,000 บาท ซึ่งทางเพจระบุว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนัน และพบว่าผู้สมัครอีกรายที่มีฐานเสียงในพื้นที่แจกเงินอยู่ที่ 1,000 บาท ทำให้ในพื้นที่เทศบาลดังกล่าวมีเงินซื้อเสียงหมุนเวียนรวมกันถึง 40-50 ล้านบาท
ทำให้ ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ว่าเป็นการซื้อเสียงในราคา ‘มากที่สุด’ เท่าที่ตนเคยตรวจสอบมา และทาง กกต. ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว หากพบมีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที