รู้ไหม? การฟังเพลงไม่ได้ช่วยแค่ให้ผ่อนคลาย เพลิดเพลิน
แต่การฟังเพลงนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นด้วย
แต่ใช่ว่าจะฟังอะไรก็ได้ แต่ควรฟังเพลงให้เหมาะสม เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่สามารถทำงานให้เกิดประสิทธิภาพได้จริงๆ เราจึงอยากให้ทุกคนลองเลือกฟังระหว่างทำงานตามนี้ดู
เพลงที่มีเสียงธรรมชาติ
การฟังเพลงที่มีดนตรีประกอบจากธรรมชาติ ช่วยให้มีสมาธิ อารมณ์ดีมากขึ้น อีกทั้งสามารถจดจ่อในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พอฟังแล้วเกิดความสบายใจ ช่วยลดความกดดันในที่ทำงาน และเกิดความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
ซึ่งเสียงที่ใช้ทดลองในงานวิจัยนี้คือ เสียงน้ำจากลำธาร โดยผลที่ออกมาไม่ได้ทำให้กลุ่มตัวอย่างเสียสมาธิแต่อย่างใดเลย
ดังนั้น ระหว่างทำงานเราจึงควรเปิดเพลงที่มีเสียงธรรมชาติคลอๆ ไปด้วย
แนวเพลงที่ชื่นชอบ
การเลือกฟังเพลงตามความชอบนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่ทำงาน จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิด เพราะสมองที่ปลอดโปร่ง รวมถึงสร้างบรรยากาศให้น่าทำงาน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการทำงานได้
ซึ่งกลุ่มตัวอย่างงานวิจัยหนึ่ง การเลือกฟังเพลงที่ชื่นชอบขณะทำงาน ผลที่ออกมาคือ งานสำเร็จเร็วขึ้น อีกทั้งคิดงานดีๆ ออกมาได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ฟังด้วย เนื่องจากเพลงที่ชอบยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
เพลงไร้เนื้อร้อง
“เนื้อร้องคือสิ่งที่ทำให้เราเสียสมาธิ”
เพราะสมาธิเราจะไปจดจ่ออยู่กับเนื้อร้องมากกว่างานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าได้ ซึ่งเสียงเพลงบรรเลงจะไม่เข้าไปรบกวนสมอง ทำให้การฟังเพลงที่ไม่มีเนื้อร้องจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากกว่า
ซึ่งงานวิจัย Cambridge ปี 2551 ยังชี้ให้เห็นว่า 48% ของคนทำงานจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่ายมากๆ จากเสียงพูดคนรอบข้าง เวลาได้ยินเสียงคนคุยกัน
จังหวะของเพลง
จังหวะของเพลงเป็นตัวกระตุ้นในการทำงานได้ โดยกลุ่มตัวอย่างกำลังทำทดสอบวัดไอคิวอยู่นั้นได้ฟังเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ ไปด้วย สามารถทำแบบทดสอบได้ดีกว่า เพราะจังหวะเร็วจะช่วยให้กระตือรือร้นในการทำงาน
และเพลงที่มีดนตรีบาโรกนั้นเหมาะสำหรับใช้ฟังตอนทำงาน เพราะจะช่วยให้งานดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังมีอารมณ์ในการทำงานที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี จังหวะ รวมถึงแนวเพลงที่ฟังขึ้นอยู่กับบรรยากาศ อารมณ์ในช่วงเวลาการทำงานนั้นๆ และรูปแบบลักษณะของงานด้วย
มีอีกหนึ่งงานวิจัยที่พบว่า การฟังเพลงที่มีจังหวะประมาณ 60 บีทต่อนาที โดยเป็นเพลงที่มีจังหวะกลางๆ ไม่เร็วจนเกินไป และค่อนข้างช้าจะช่วยลดความเครียด และช่วยให้ผ่อนคลายระหว่างการทำงานได้
ระดับความดังของเสียง
ระดับความดังของเพลงที่เปิดก็มีผลต่อการทำงาน ซึ่งควรฟังเพลงที่มีระดับความดังปานกลางจะดีที่สุด การเปิดเพลงในระดับเสียงดังปานกลางจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ระหว่างการทำงานได้
แล้วจะรู้อย่างไรว่า เปิดเพลงระดับเสียงที่พอดี?
ก็ถ้าเปิดเพลงดังกลบเสียงรอบข้างจนไม่ได้ยินเสียภายนอกเลยก็แปลว่า เปิดเพลงฟังในระดับเสียงที่ดังเกินไป ในทางกลับกันถ้ายังได้ยินเสียงคนรอบข้างอยู่ ไม่ได้กลบเสียงรบกวนภายนอกใดๆ นั่นก็แปลว่า เพลงที่ฟังอยู่มีระดับเบาเกินไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การเปิดเพลงตอนทำงานที่บริษัทอาจไม่ใช่ทางที่ดี เพราะบางคนชอบเพลงไม่เหมือนกัน หรือบางคนชอบเงียบๆ เพราะมีสมาธิทำงานมากกว่า จึงต้องหลีกเลี่ยงการรบกวนคนอื่น รวมถึงควรได้รับอนุญาตจากบริษัทสำหรับใส่หูฟัง เพื่อฟังเพลงตอนทำงานได้
สุดท้ายนี้ การฟังเพลงอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น แต่ใช่ว่าจะคุณไม่ต้องโฟกัสกับงานที่ทำแล้วไปสนใจเรื่องอื่นแทน ดังนั้น จะเกิดผลได้ขณะทำงานควรมีสมาธิให้มากๆ ควบคู่ไปการฟังเพลงอย่างถูกหลักด้วย
ถ้าคุณลองนำไปปรับใช้แล้วได้ผลอย่างไรมาบอกกัน
อ้างอิง:
- businessinsider. Research suggests this is the best music to listen to for optimal productivity. https://bit.ly/3rZIQmZ