เหตุผลที่คนยุคนี้เลือกจะไม่มีลูก เกิดจาก ‘ปัญหาสุขภาพ-สังคมแย่’ รวมทั้ง ‘ไม่อยากทำร้ายโลก’
อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
‘เรียน ทำงาน แต่งงาน มีลูก’ คือวงจรชีวิตที่คุ้นเคยของคนที่เติบโตมาในยุคก่อนโลกเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แต่ปรากฏการณ์ที่คนรุ่นหลังจากนั้นมีลูกกันน้อยลง จนเกิดปัญหาสังคมสูงวัยและขาดแคลนประชากรวัยทำงาน คือเรื่องใหญ่ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญหน้า (และมาตรการกระตุ้นให้คนมีลูกที่ออกมาก็ไม่ค่อยจะได้ผลนัก) ทำให้มีการสำรวจว่าทำไมคนยุคนี้ถึงเลือกจะ ‘ไม่มีลูก’ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่านี่คือ ‘ความบิดเบี้ยว’ แต่คนจำนวนมากก็บอกว่านี่คือการตัดสินใจที่เหมาะกับโลกยุคนี้ที่สุดแล้ว
ถ้าดูจากตัวเลขปีที่ผ่านมา จะพบว่า ‘อัตราการเกิด’ ของไทย ‘น้อยกว่า’ อัตราการตายแล้ว โดย Thairath เคยรายงานอ้างอิงข้อมูลจำนวนประชากรของประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 พบว่ามีเด็กเกิดใหม่ 502,107 คน และมีคนตาย 595,965 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ‘จำนวนคนตายมากกว่าคนเกิดใหม่’ เกือบแสนคน (93,858 คน) ทั้งยังเป็นปีที่ 2 ที่อัตราเพิ่มตามธรรมชาติของประชากรไทย ‘ติดลบ’ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกเพราะผู้หญิงไทยมีลูกเฉลี่ย 1.1 คนเท่านั้น
ถ้าสภาวะแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้ารัฐบาลจะมุ่งเน้นนโยบาย ‘เพิ่มจำนวนประชากร’ เป็นหมุดหมายหลัก
เพราะการที่มีเด็กเกิดใหม่ ‘น้อยลง’ เรื่อยๆ ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าสังคมในอนาคตจะขาดแคลน ‘ทรัพยากรมนุษย์’ และคนที่เข้าสู่ภาวะสูงวัยก็จะขาดคนดูแล เช่นเดียวกับระบบเศรษฐกิจที่จะขาดแคลนแรงงานจนอาจนำไปสู่ภาวะชะงักงันและต้องพึ่งพิงแรงงานต่างชาติหรือไม่ก็ AI ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะส่งผลต่อการพัฒนาสังคมและกระทบต่อความสัมพันธ์ของผู้คนที่ ‘ต่างคนต่างอยู่’ ในโลกยุคใหม่
แต่ถ้าไปดูแนวคิดของคนรุ่นใหม่ (เทียบคร่าวๆ คือคน Gen Y และ Gen Z รวมถึง Gen X บางส่วนที่อายุเฉลี่ยโดยรวมจะอยู่ระหว่าง 18-45 ปี) จะพบว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการไม่มีลูกหรือมีลูกกันน้อยลงก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจไม่แพ้กัน และเป็นประเด็นถกเถียงซึ่งยังหาบทสรุปไม่ได้ในหลายประเทศ แม้แต่ประเทศที่ติดอันดับ 1 ด้านคุณภาพชีวิตบ่อยๆ อย่าง ‘สวิตเซอร์แลนด์’ สถิติการมีลูกของแต่ละครอบครัวโดยเฉลี่ยก็อยู่แค่ 1.5 คนเท่านั้น ซึ่งมากกว่าไทยไม่เท่าไหร่ และถือว่า ‘น้อย’ สำหรับสังคมสูงวัยที่หลายประเทศกำลังพบเจอ
ปรากฏการณ์นี้ทำให้มีผลสำรวจจำนวนมากสอบถามความคิดเห็นของประชากรในวัยผู้ใหญ่ เพื่อจะหาข้อสรุปว่าเพราะอะไรคนยุคหลังๆ จึงเลือกที่จะไม่มีลูก ไม่ว่าจะเป็นคู่ที่แต่งงานหรือคู่ที่อยู่ด้วยกันแบบคู่ชีวิต ซึ่งประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงในโพล YouGov ของสหราชอาณาจักร และ Gallup ของสหรัฐอเมริกา มีการระบุว่า ‘ปัญหาสุขภาพ’ คือเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ เพราะหลายคนอยากมีลูกแต่ไม่อาจมีได้ โดยสาเหตุของภาวะทางสุขภาพเหล่านั้นเกิดจากทั้งพันธุกรรมไปจนถึงความเจ็บป่วยจากการใช้ชีวิต
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสังคมโดยรวม เกิดจาก ‘สภาพความเป็นอยู่และเศรษฐกิจ’ ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ‘มีต้นทุนสูงมาก’ ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ การส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ไปจนถึงการศึกษา หลายครอบครัวประเมินแล้วคิดว่าไม่น่าจะแบกรับภาระตรงนั้นได้ ก็เลือกที่จะไม่มีลูก เพื่อตัดปัญหาการเลี้ยงดูเด็กได้ไม่ดี (ซึ่งเรื่องนี้น่าจะสอดคล้องกับความเห็นของชาวเน็ตไทยบางส่วนที่สะท้อนเรื่องนี้หลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.กระทรวงสาธารณสุข แถลงนโยบายเรื่องอนามัยเจริญพันธ์ุต่อที่ประชุมรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา)
ขณะที่คนหนุ่มสาววัย Gen Z ซึ่งยังไม่มีครอบครัวเกือบครึ่งตอบว่าในอนาคตพวกเขาจะไม่มีลูกแน่นอน โดยเหตุผลที่น่าสนใจเป็นเพราะคนรุ่นนี้มองว่าสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลกถูกมนุษย์ทำลายไปมากแล้ว การเพิ่มจำนวนประชากรมนุษย์จึงเท่ากับเป็นการเร่ง ‘อัตราการทำลายล้างโลก’ ให้หนักขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจึงคิดว่าการไม่มีลูกจะเป็นผลดีต่อโลกมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลด้านความสัมพันธ์อื่นๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ZeeNews สื่อออนไลน์ของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรสูงที่สุดในโลกแซงหน้าจีนไปแล้ว รายงานว่า คนรุ่นใหม่อยากให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองเสียก่อน เพราะคนจำนวนมากมีเป้าหมายด้านอาชีพการงาน และคิดว่าการไม่มีลูกจะช่วยให้มุ่งมั่นกับอาชีพได้มากกว่า และบางครอบครัวก็มองว่าการไม่มีลูกจะทำให้ความสัมพันธ์แบบคู่สมรสมีความใกล้ชิดมากกว่าการมีลูกด้วยกันเสียอีก เพราะวิธีคิดเรื่องการเลี้ยงดูลูกที่ต่างกันคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่คู่รักซึ่งเติบโตมาในยุคหลังปี 2000 เลือกจะไม่มีลูก ทำให้มีคนเรียกยุคสมัยนี้ว่า ‘Child-free Generation’ ซึ่งบางครั้งก็ถูกมองเป็น ‘ความผิดปกติ’ หรือ ‘ความเห็นแก่ตัว’ ที่ส่งผลเสียต่อสังคม เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรงในหลายประเทศ เพราะคนที่เลือกจะ ‘ไม่มีลูก’ มองว่าการตัดสินใจของพวกเขานั้น ‘เหมาะสมแล้ว’ กับโลกยุคนี้ที่เต็มไปด้วยปัญหาเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจฝืดเคือง สภาพอากาศแปรปรวนจนเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรง รวมถึงปัญหาอากาศและน้ำที่ไม่สะอาดจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งพวกเขาไม่อยากให้ลูกหลานต้องโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้
อ้างอิง
- The Guardian. Why a generation is choosing to be child-free. https://tinyurl.com/4fw4twas
- Marriage. Childfree by Choice: Top 10 Reasons for Not Having Kids. https://tinyurl.com/2bhdw8fc
- Pew Research. Growing share of childless adults in U.S. don’t expect to ever have children. https://tinyurl.com/emwrkm3c
- Thairath. จำนวนเกิดในไทยดิ่งต่ำ ตายแตะปีละ 6 แสน น่าใจหาย ผู้หญิงมีลูกเฉลี่ย 1.1 คน. https://tinyurl.com/3s8wubzs
- YouGov. Why do people choose to not have children? https://tinyurl.com/wk5xaxzm
- Vanity Fair. Life without Children: Some by Chance, Some by Choice. https://tinyurl.com/3tcj8334
- WHO. Infertility. https://tinyurl.com/ymp6t877