ในยุคที่คนไม่ได้นิยมไว้หนวดไว้เครากันอีกแล้ว ถ้าเป็นผู้ชาย สินค้าจำเป็นที่เราซื้อโดยไม่คิดก็คงจะหนีไม่พ้นมีดโกนหนวด ซึ่งพูดถึงมีดโกนหนวด เราก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ที่เด่นสุดก็คงหนีไม่พ้น Gillette ซึ่งจริงๆ ถ้าไปถามคนทั่วไป จะให้นึกถึงมีดโกนหนวนแบรนด์อื่นก็คงนึกไม่ออกด้วยซ้ำ
ดังนั้นก็คงไม่แปลกเลยที่แบรนด์ Gillette นี่จะรวยไม่รู้เรื่องเป็นเสือนอนกิน เพราะครองตลาดของ “สินค้าจำเป็น” ของผู้ชายทั่วโลกเอาไว้ได้
และที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ แบรนด์ Gillette นี่แหละคือแบรนด์ที่บุกเบิกเทคโนโลยีการโกนหนวดที่เราๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว พูดง่ายๆ คือครองตลาดมาเป็น 100 ปีแล้ว
และสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้กันก็คือชื่อ Gillette นี่ไม่ใช่แค่เป็นชื่อแบรนด์ ชื่อของคนที่ประดิษฐ์มีดโกนหนวดแบบที่เราใช้กันทุกวันนี้ ซึ่งยุคแรกของแบรนด์บนฉลากผลิตภัณฑ์ก็มีรูปเขาด้วยซ้ำ แต่คนก็นึกว่าเป็นนายแบบหนวดงามของแบรนด์เฉยๆ ไม่มีใครเฉลียวใจว่าคนนี้แหละคือเจ้าของแบรนด์
King Camp Gillette เกิดมาเมื่อปี 1855 และโตมาที่ชิคาโก ในวัยทำงานเขาทำงานเป็นเซลล์ให้กับบริษัทที่ขายจุกก๊อกแห่งหนึ่ง
และตอนทำงานนี้เองเขา เห็นว่าสินค้าที่เขาขายไปอย่างจุกก๊อก เป็นสิ่งที่คนใช้แล้วทิ้ง ทำให้ขายได้เรื่อยๆ เขาเลยมีไอเดียว่า การขายสินค้าแบบที่ใช้แล้วทิ้ง มันจะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ได้เงินแบบเสือนอนกินไปชั่วกัปชั่วกัลป์
แม้ว่าจะได้ไอเดียว่าโมเดลธุรกิจแบบนี้เข้าท่า แต่เขาก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะเจอสินค้าที่เหมาะกับโมเดลธุรกิจแบบนี้
และสินค้าดังกล่าวก็คือ มีดโกนหนวด
การโกนหนวดเป็นกิจกรรมที่ผู้ชายต้องทำทุกวันถ้าไม่อยากหนวดรกรุงรัง อย่างไรก็ดี กิจกรรมที่ต้องทำทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำอย่างสะดวกสบาย เพราะเทคโนโลยีพื้นฐานในการโกนหนวดในยุคนั้นคือต้องโกนหนวดด้วยใบมีดโกนที่ทำจากเหล็กหล่อ ซึ่งในทางปฏิบัติ มันต้องลับอย่างสม่ำเสมอไม่งั้นก็โกนไม่เข้า ซึ่งในยุคนั้นก็ไม่มีใครคิดจะเปลี่ยนใบมีดเรื่อยๆ เพราะใบมีดจากเหล็กหล่อมันแพง
แน่นอนว่าการต้องมาลับมีดโกนทุกวันหรืออาทิตย์ละหลายครั้งมันเสียเวลาสุดๆ Gillette เลยมีไอเดียว่า เขาควรจะทำใบมีโกนแบบใช้แล้วทิ้งขาย ซึ่งถ้าเหล็กหล่อมันแพง เราก็ลองทำมีดโกนด้วยวัสดุอย่างอื่นดูสิ แล้วคำตอบที่เขาได้ก็คือการเอาโลหะสแตนเลสมารีดเป็นแผ่นบางๆ ให้เป็นมีดโกน ซึ่งนั่นทำให้ต้นทุนมันออกมาถูกพอให้ขายในราคาที่คนรู้สึกว่ามันเป็นสินค้าแบบ “ใช้แล้วทิ้ง” ได้
นี่ทำให้ Gillette ตั้ง Gillette Safety Razor Company ในปี 1901 ในวัย 46 ปี ซึ่งกว่าจะจัดการเรื่องการลงทะเบียนสิทธิบัตรและ เครื่องหมายการค้าก็กินเวลาสักพัก และตอนที่บริษัทเริ่มผลิตสินค้าขายก็ล่วงเลยไปปี 1903 ซึ่งอายุเขาก็ปาเข้าไป 48 ปีแล้ว
แต่ก็นั่นแหละครับ ถึงจะแก่แต่ก็ไม่ช้าไปสำหรับการเริ่มธุรกิจที่จะพลิกโฉมตลาด เรียกได้ว่าพอเปิดตัวมาในตลาด ด้ามมีดโกนและใบมีดโกนของ Gillette ก็สร้างความงุนงงบ้าง เพราะสินค้าแบบนี้ไม่เคยมีมาในโลก อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไป ผลิตภัณฑ์ของ Gillette ทั้งด้ามมีดโกนและใบมีดโกนก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และพอถึงปี 1915 ใบมีดโกนของเขาก็ขายได้ถึง 70 ล้านหน่วยในเพียงปีเดียว
และถ้านั่นยังเป็นความสำเร็จไม่พอ ในปี 1917 ตอนอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 Gillette ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นซัrพลายเออร์มีดโกนให้ทหารที่เข้าร่วมสงคราม ซึ่งจะได้รับชุดมีดโกนของ Gillette กันคนละชุดก่อนไปออกรบ ทำให้คนอเมริกันก็ยิ่งคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ของ Gillette ไปกันใหญ่
เรียกได้ว่าในช่วง 1920’s ถึงแม้ว่าสิทธิบัตรมีดโกนล้ำสมัยของ Gillette จะหมดแล้ว และใครก็ทำสินค้าเลียนแบบก็ได้ แต่แบรนด์ Gillette ก็ถือว่าถูกสร้างมาอย่างมีรากฐานแข็งแรงเรียบร้อยแล้ว และก็เป็นแบรนด์มีดโกนที่ยิ่งใหญ่ระดับเรียกได้ว่าไร้เทียมทานมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพคือ ณ ตอนนี้ปี 2019 Gillette ครองส่วนแบ่งตลาดมีดโกนทั้งโลกอยู่ราวๆ ครึ่งหนึ่ง ก็เป็นแบรนด์ที่ยังใหญ่สุดในตลาดแบบไม่มีคู่แข่งจะทัดเทียมอยู่ แม้ว่าแบรนด์จะตั้งมาเป็น 100 ปีแล้ว
อย่างไรก็ดี นี่ก็คือชีวิตของแบรนด์ Gillette ไม่ใช่ตัว Gillette เอง เพราะในช่วง 1920’s ตัว King Camp Gillette ก็โดนการเมืองในบริษัทเล่นงาน ทำให้เด้งออกจากการเป็นหุ้นใหญ่ของบริษัทที่เขาตั้งมากับมือ อย่างไรก็ดีเขาในตอนนั้นก็วัย 60 กว่าแล้ว เขาก็ไม่ได้มีปัญหาในการใช้เงินที่สะสมมาจากธุรกิจและชีวิตเงียบๆ ในบั้นปลาย ก่อนจะจากโลกไปในปี 1932
จะว่าไปก็อาจเรียกได้ว่าเขาเป็นผู้ปฏิวัติการโกนหนวดของชายทั้งโลก เพราะไอเดียทางธุรกิจในการผลิตมีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งมาขายในทุกวันนี้ เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยจากที่ King Camp Gillette คิดไว้เมื่อ 100 กว่าปีก่อน จนสร้างแบรนด์ Gillette ออกมาได้ เพียงแต่ตอนนี้แบรนด์ Gillette นั้นก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรบริษัทข้ามชาติชื่อดังอย่าง P&G ไปแล้วเมื่อปี 2005
เรื่องตลกที่อาจจะเป็นตลกร้าย ก็คือภาพของตัว King Camp Gillette นั้นเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้าของ Gillette มาตั้งแต่ยุคแรก เรียกได้ว่าคนทุกคนที่ซื้อมีดโกนของ Gillette ก็ต้องเคยเห็นหน้าของ Gillette บนฉลาก แต่ก็ไม่มีใครเฉลี่ยวใจเลยว่าไอ้คนที่อยู่บนฉลากใบมีดโกนนี่และคือเจ้าของบริษัท และทุกวันนี้ในขณะที่ Gillette ก็ยังเป็นมีดโกนที่ขายดีที่สุดในโลกอยู่เช่นที่เคยเป็นมาตลอด คนก็ไม่รู้เช่นกันว่านี่คือแบรนด์ที่ริเริ่มปฏิวัติการโกนหนวดของผู้ชายทั่วโลกเมื่อกว่า 100 ปีก่อน
ทั้งๆ ที่นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากนะครับ เพราะมีแบรนด์สินค้าไม่กี่อย่างในโลกหรอกครับครับที่จะสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาได้จากการสร้างสินค้าแบบใหม่ขึ้นมา และยังสามารถครองความเป็นเจ้าตลาดที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้ต่อเนื่องเป็นร้อยปี