ชาวเน็ตถก! หลังคนโพสต์ถาม ‘ทำไมคนมอง Gen Z ไม่ค่อยอดทนในการทำงาน’? ฝั่งหนึ่งชี้ ขี้บ่น-เปลี่ยนงานบ่อย อีกฝั่งโต้ Gen Z อดทนกว่ารุ่นไหนๆ เหตุภาษาต้องได้ skill ต้องมี เทคโนโลยีต้องปัง
กลายเป็นประเด็นถกเถียงอีกครั้ง เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งตั้งกระทู้ถามในกลุ่ม ‘JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน’ บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 ว่า
“อะไรบ้างที่ทำให้คนในองค์กรมองว่า
Gen Z ไม่ค่อยมีความอดทนในการทำงาน?”
ซึ่งแน่นอนว่าพอมีประเด็นเกี่ยวกับ Gen Z ในลักษณะนี้ ก็ไม่พลาดที่จะมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ฝ่ายแรกที่แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่าเหตุใดถึงคิดว่า Gen Z ไม่ค่อยมีความอดทน กับอีกฝ่ายที่ชี้ว่า จริงๆ แล้ว Gen Z ก็มีความอดทนไม่แพ้กับคนทำงานรุ่นไหน
โดยฝ่ายแรกนั้นระบุว่า ความไม่อดทนของ Gen Z อยู่ที่ ‘การเปลี่ยนงานบ่อย’ ‘มีปัญหาด้านการจัดการอารมณ์’ และ ‘อดทนต่อแรงกดดันต่ำ’ อย่างผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า “ข้อเสียของเด็กจบใหม่คือ กระหายความสมบูรณ์แบบ ใครว่าอะไรไม่ได้ โลกจะถล่มทลาย ยิ่งตั้งใจมากๆๆ โดนมองต่างมุมนิดนึง รับไม่ได้ ยอมไม่ได้ แพ้ไม่เป็น แต่ลืมมองที่เป้าหมายใหญ่ คือการทำงานเพื่อพัฒนา เพื่อความรู้ เพื่อทักษะที่มากขึ้น หรือเพื่อเอาประสบการณ์ดีๆ ไปใช้ต่อยอดในองค์กรอื่น ไม่มีการวางแผนว่าเข้ามาจะกอบโกยความรู้ความสามารถอะไรได้บ้างจากที่นี่เพื่อไปต่อ”
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายที่แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “จากที่สัมผัสมา Gen Z เชื่อมั่นในไอเดียของตนเองมากเกินไป จนคิดว่าไอเดียของคนอื่นดีแต่ยังดีไม่สุดเท่าของตัวเอง มันไม่ใช่แค่ส่งผลให้สอนงานไม่ได้ แต่งานที่มอบให้ถ้ามันขัดกับไอเดียตัวเอง ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ทำสูงมาก จนภาพลักษณ์มันดูคล้ายคนเกี่ยงงานครับ”
และมากไปกว่านั้น ก็ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกท่านยกประเด็นศึกษาจากเว็บไซต์ ResumeBuilder.com ขึ้นมาระบุว่า จากการเก็บสถิติพบว่าผู้คนกว่า 74 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกว่า Gen Z ทำงานด้วยยาก ก่อนจะแสดงความคิดเห็นว่า “จริงๆ มันเป็นเรื่อง ของนิสัยเฉพาะของ Gen เลยครับ Gen นี้ค่อนข้างจะมีความอิสระต่อตัวเองพอสมควร แต่สิ่งที่เรียกว่าองค์กรมันไม่ใช่แบบนั้น หลายที่ยังเป็นการสั่งงานแบบ Top Down อยู่เลย หลายที่ก็ Fix culture ไปแล้ว และแน่นอนว่าในโลกการทำงาน การที่คุณจะมาเปลี่ยนอะไร ถ้าคุณไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ หรือยอมรับในวงกว้าง ในระดับสูงมา ไม่มีใครเปลี่ยนอะไรให้คุณง่ายๆ เพียงเพราะเหตุผลว่าคุณเป็นเด็กรุ่นใหม่”
อย่างไรก็ตามทุกประเด็นที่ยกมานี้ ก็ถูกอีกฝ่ายที่สนับสนุน Gen Z โต้แย้งกลับในลักษณะที่ว่า จริงๆ แล้ว Gen Z เป็นวัยที่มีความอดทดสูงไม่แพ้กับคนรุ่นก่อนๆ หากแต่ถ้าการอดทนนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในระยะยาว Gen Z ก็เลือกที่จะไม่อดทนเท่านั้นเอง อย่างผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า
“เด็กสมัยนี้อดทนไม่แพ้คนรุ่นก่อนครับ แต่เขาแค่ไม่ฝืนทน ถ้ารู้ว่าตัวเองทนไปก็ไม่ได้อะไร เงินเดือนน้อย ไม่ก้าวหน้า ไม่ได้ความรู้ไม่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มีแต่ต้องทนลองรับอารมณ์ของคนที่อยู่มาก่อนเพราะคิดว่าตัวเองใหญ่กว่า เด็กที่เลือกได้เขาก็ไม่อยู่หรอกครับ” นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายแสดงความคิดเห็นว่า
ต้องบอกก่อนว่าความกดดันยุคนี้ต่างกับยุคก่อนมาก สมัยก่อน จบป.ตรีก็เป็น ‘เจ้าคนนายคน’ ได้ไม่ยาก แต่สมัยนี้จบป.ตรีเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว เด็ก Gen Z ไม่ได้จบมาเป็นเจ้าคนนายคนอย่างรุ่นก่อน แถมต้องกดดันตัวเองให้เพิ่มพูนสกิล 108 อย่าง ต้องมี Digital literacy ภาษาต้องได้ ต้องมี Soft skills, hard skills ครบ แถมยังเจองานที่ต้องการคนที่ไม่ใช่แค่เป็นเป็ด แต่ต้องเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังโตมากับวิกฤตเปลี่ยนโลก อย่าง โควิด, สงคราม, AI Disruption, ภาวะโลกร้อน หลายคนที่รู้สึกกดดันมากๆ ก็เลยหลุดไปเลย ไม่แคร์อะไรทั้งนั้นนอกจากมาหาเงิน บริษัทไหนทำลาย Mental health ก็ลาออกเลย
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางส่วนเสนอว่าจริงๆ ปัญหาเรื่องการบ่น การเปลี่ยนงาน มันเกิดขึ้นกับทุกวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Gen ไหนก็ตาม อย่างยุคสมัยที่คน Gen Y เริ่มทำงานใหม่ๆ ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องคน Gen Y ไม่มีความอดทนในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ที่ผู้คนมองว่า Gen Z ดูมีปัญหามากกว่า อาจเป็นเพราะสมัยนี้มีโซเซียลมีเดียที่ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์–ทัศนคติต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย ก็เลยทำให้คนเข้าใจว่าคน Gen Z อดทนน้อยกว่ารุ่นอื่นก็เท่านั้นเอง
อ้างอิง