3 Min

‘อิหร่าน’ ชาติที่ให้เกย์เลือก ระหว่าง ‘แปลงเพศ’ หรือ ‘โดนประหาร’

3 Min
1547 Views
17 Jun 2022

ในโลกมุสลิม ชาติส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ LGBTQ+ และในหลายๆ ชาติระบุว่า การเป็น LGBTQ+ เป็นความผิดถึงตาย อย่างไรก็ดี ในโลกนี้ก็มีข้อยกเว้นที่น่าสนใจในอิหร่าน เพราะประเทศนี้แม้ว่าจะเป็นประเทศมุสลิม แต่รัฐกลับสนับสนุนให้คนแปลงเพศ และถึงขั้นให้เงินสนับสนุนด้วย

อะไรแบบนี้เกิดในโลกมุสลิมได้อย่างไร? ก็ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนว่าถึงอิหร่านจะถือเป็นประเทศที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามแต่อิหร่านไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนีแบบเดียวกับชาวมุสลิมในโลกอาหรับ แต่อิหร่านนับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ และเป็นศูนย์กลางของนิกายนี้ ดังนั้นอิหร่านจึงมีกฎเกณฑ์และข้อห้ามของตัวเองที่ไม่เหมือนประเทศมุสลิมอื่น

ภายหลังการปฏิวัติอิหร่าน 1979 ช่วงแรก คนที่ถูกกลุ่มเคร่งศาสนาตีความว่าผิดเพศทั้งหลาย ก็ถูกจับไปบำบัดให้ถูกเพศ

จนช่วงกลางทศวรรษ 1980 มีหญิงข้ามเพศคนหนึ่งได้พบกับ อยาตุลเลาะห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ผู้นำอิหร่านสมัยนั้น แล้วเล่าเรื่องของเธอให้ท่านผู้นำสูงสุดฟังว่าเธอโดนจับไปฉีดฮอร์โมนเพศชายเพื่อบำบัดให้เป็นชาย แต่สุดท้ายมันก็ไม่ช่วยอะไร เพราะใจเธอเป็นหญิง

อยาตุลเลาะห์ โคไมนี ฟังแล้วก็ตระหนักว่า จริงๆ แล้วเธอมีจิตวิญญาณเป็นหญิง แค่ติดอยู่ในร่างผู้ชาย เลยประกาศอย่างเป็นทางการภายใต้อำนาจของผู้นำทางศาสนา (เขาเรียกว่าประกาศฟัตวา’) และอนุญาตให้คนที่รู้สึกว่าตนผิดเพศสามารถผ่าตัดแปลงเพศได้ และรัฐก็สนับสนุนให้คนทำมานับแต่นั้น ทำให้ทุกวันนี้กรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการแปลงเพศที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง (ว่ากันว่าสมัยก่อนเป็นรองแค่ไทย ก่อนที่อินเดียจะแซงอิหร่านไปในช่วงหลัง)

ความพีคก็คือ หลังจากแปลงเพศแล้ว รัฐก็จะออกบัตรประจำตัวให้ใหม่ในเพศใหม่เลย ดังนั้นในแง่นี้ การเป็นหญิงข้ามเพศในอิหร่านที่แปลงเพศแล้ว จึงเป็นผู้หญิงได้เลยตามกฎหมาย และนี่ก็เรียกว่าก้าวหน้ายิ่งกว่าประเทศตะวันตกจำนวนมากเสียอีก (ไม่ต้องพูดถึงไทย)

ฟังแบบนี้ ถ้าคิดว่าทุกอย่าง ฟังดูดี แฮปปี้กันทุกฝ่าย ก็แสดงว่าเราไม่เข้าใจโลกของ LGBTQ+ เลย

เพราะในโลกของ LGBTQ+ ความหลากหลายทางเพศมันมีหลายเฉด สิ่งที่ยอมรับในอิหร่านมีแต่ชายและหญิงเท่านั้น ไม่มีระหว่างกลาง อิหร่านแค่อนุญาตให้คนที่เป็นชายเปลี่ยนเป็นหญิง และหญิงเปลี่ยนเป็นชายได้เท่านั้น อะไรที่อยู่ระหว่างนั้นมีโทษร้ายแรงระดับประหาร

นี่หมายความว่า คนที่มีอัตลักษณ์แบบอื่นๆ ถูกปฏิเสธจนหมด ไม่ว่าจะ เกย์ เลสเบียน เควียร์ ไปจนถึงนอนไบนารี ซึ่งในสายตาของรัฐอิหร่าน เขาไม่แบ่งแบบนี้ด้วยซ้ำ เพราะประเด็นมันอยู่แค่ว่า ถ้าคุณดูเหมือนเพศเดียวกัน แล้วคุณรักกัน คุณมีโทษประหาร

ความพีคอีกจุดก็คือ ถ้าใครพอจะรู้ อิหร่านเป็นประเทศที่ควบคุมอินเทอร์เน็ตเข้มงวดระดับน้องๆ จีน และเนื้อหาเกี่ยวกับเพศทางเลือกทั้งหลาย ถูกแบนหมดในเน็ต ดังนั้นเด็กอิหร่านที่โตมาแบบเป็นเกย์ (หรือมีอัตลักษณ์ทางเพศเป็นชาย และชอบผู้ชาย) จะมีความเข้าใจว่าจริงๆ ตัวเองควรจะเป็นผู้หญิงข้ามเพศเพราะตัวเองชอบผู้ชาย 

และก็แน่นอน อะไรพวกนี้ถือว่าผิดในมาตรฐานปัจจุบันของโลกตะวันตก เพราะเป็นเกย์ก็เกย์ ทรานส์ก็ทรานส์ อัตลักษณ์ทางเพศกับรสนิยมทางเพศ มันคนละเรื่องกัน แต่รัฐอิหร่านไม่มองอย่างนั้น เพราะทุกคนต้องถูกจับเปลี่ยนอัตลักษณ์ทางเพศให้ตรงกับรสนิยมทางเพศของชายหรือหญิง 

ถ้าคุณชอบผู้ชาย คุณจะดูเหมือนผู้ชายไม่ได้ คุณต้องแปลงเพศเป็นหญิงเท่านั้น

ก็ไม่น่าแปลกใจว่าท่าทีแบบนี้ของอิหร่านจะถูกวิจารณ์จากนักกิจกรรม LGBTQ+ หนักมาก เพราะถ้าลองมาเทียบสถิติก็จะพบว่าจริงๆ คนเป็นทรานส์คือส่วนน้อยของ LGBTQ+ ด้วยซ้ำ เพราะถ้าอ้างอิงสถิติของอเมริกา คนเป็นทรานส์เป็นประชากรเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของ LGBTQ+ นี่หมายความว่า อีก 90 เปอร์เซ็นต์คือผู้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันโดยไม่ได้อยากจะแปลงเพศแต่อย่างใด

แต่ก็นั่นแหละ สำหรับชาวเกย์และเลสเบียน ถ้าอยู่อิหร่านมีแค่สองทางเลือก ถ้าไม่แปลงเพศก็จะโดนประหาร ซึ่งเขาก็ประหารจริงๆ 

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เพิ่งมีข่าวสดๆ ร้อนๆ ว่า เกย์สองคนโดนประหารชีวิตในความผิดฐานมีพฤติกรรมกามวิตถาร

นี่ก็เลยทำให้ชาว LGBTQ+ จำนวนมากนั้นต้องลี้ภัยออกจากอิหร่านกันกระจาย โดยส่วนใหญ่จะออกจากประเทศผ่านทางตุรกีซึ่งไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ ก่อนจะพยายามลี้ภัยไปโลกตะวันตกต่อไป เพราะตุรกีก็ไม่ได้เป็นมิตรกับ LGBTQ+ เท่าไร

อ้างอิง