เปิดฟลอร์ ‘โน้ต-มาลียา’ นักจัดงานเต้นสวิงที่ส่งไม้ต่อคนรุ่นใหม่ เพื่อให้กิจกรรมเต้นสวิงไปไกลขึ้น

6 Min
1766 Views
29 Apr 2023

เนื่องด้วยวันที่ 29 เมษายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันเต้นรำสากล’ หรือ International Dance Day เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันเกิดของ ฌอง-จอร์จ โนแวร์ (Jean-Georges Noverre) นักเต้นรำชาวฝรั่งเศส ผู้สร้างสรรค์การเต้นบัลเลต์สมัยใหม่ อีกทั้งเพื่อให้เกิดการตระหนักถึงความสำคัญ และเพื่อผลักดันรัฐบาลทั่วโลกให้ส่งเสริมการเต้นรำเข้าไปอยู่ในระบบการเรียนการสอนของโรงเรียน

โดยการเต้นรำนั้น นับเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวร่างกาย ประกอบกับการแสดงความรู้สึก เพื่อสร้างความสุข ความสนุกสนาน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งร่างกาย และหัวใจ

จึงถือเป็นโอกาสดีๆ ที่ BrandThink ชวน ‘โน้ต’ มาลียา โชติสกุลรัตน์ หญิงสาวผู้พกพารอยยิ้มอันสดใส และหลงใหลในความวินเทจ เธอเป็นทั้งนักเขียน นักเรียนทุน นักวิจัย และพนักงานรัฐที่เพิ่งผันตัวเข้าสู่โลกคอร์ปอเรต อีกทั้งยังเป็นเหมือนมาสคอตของกิจกรรมเต้นสวิง ที่ถึงแม้เธอจะบอกว่าเป็นแค่งานอดิเรก (ที่จริงจัง) แต่ด้วยแพสชันในการขับเคลื่อนสวิงแดนซ์ (Swing Dance) ให้เป็นที่รู้จักมาตั้งแต่เริ่มต้น เราขอยืนยันเลยว่าไม่ว่าจะเปิดฟลอร์ที่ไหน มักจะได้เห็นเธอเป็นหัวหอก หรือเห็นภาพเธอที่กำลังเต้นโดดเด่นอยู่แถวหน้าเสมอ

มาร่วมพูดคุยตั้งแต่ประเด็นกิจกรรมการเต้นสวิง ‘ยุคใหม่’ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้คลื่นรุ่นใหม่ได้เข้ามาสานต่อเสน่ห์ และคุณค่าของการเต้นสวิงให้เป็น ‘กิจกรรมของทุกคน ทุกวัย และทุกเพศ’

เล่าให้ฟังคร่าวๆ หน่อยว่า ‘สวิงแดนซ์’ คืออะไร

มันเริ่มมาจากดนตรีสวิง ที่เป็นแขนงหนึ่งของดนตรีแจ๊สก่อน ในยุคที่ 1920s-1940s เป็นยุคที่ดนตรีแจ๊สเฟื่องฟู คนฟังดนตรีสวิงแล้วรู้สึกสนุก ก็อยากเคลื่อนไหวร่างกายไปกับดนตรีนั้น มันก็เลยกลายเป็นการเต้นสวิง ซึ่งก็คือการเต้นไปกับเพลงสวิงนั่นเอง การเต้นสวิงมีหลายแบบ ทั้งเต้นเป็นคู่ เต้นเดี่ยว และเป็นการเต้นที่ค่อนข้างจะมีอิสระ ไม่ค่อยมีข้อกำหนด หรือกฎเกณฑ์ตายตัว แบบการเต้นบอลรูม

ในยุคนั้น การเต้นสวิง ถือเป็นการเต้นที่ปลดปล่อยผู้คนจากกฎเกณฑ์ของสังคม เพราะเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนผิวขาวและคนผิวดำ สามารถเต้นด้วยกันในคลับเดียวกันได้ ในยุคที่การแบ่งแยกผิวสียังเข้มข้นมาก

พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยกฎระเบียบต่างๆ และสภาพเศรษฐกิจสังคม การเต้นนี้ก็หายไป จนกระทั่งในยุค 1980s มันก็ฟื้นคืนชีพกลายเป็นกระแสกลับมาใหม่ คนในยุค 1980s พยายามไปหาข้อมูล ศึกษา ว่าคนในยุค 1920s-1940s เขาเต้นยังไง แล้วก็พยายามเรียนและเลียนแบบ พอเป็นการหยิบยืมวัฒนธรรมจากยุคก่อนหน้า ก็เลยทำให้คนรู้สึกว่ากิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมวินเทจ ให้นึกภาพ สมมติในอนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า มีคนมาเจอคลิป MV สมัยนี้ แล้วเกิดชอบใจ อยากเต้นแบบยุค 2020s คนก็อาจจะไปขุดคลิป MV นิวจีนส์ ยังโอม เอาท่ามาผสมๆ กันแล้วเรียกว่า นี่คือการเต้นวินเทจแบบยุค 2020s ก็ได้

แต่การเต้นสวิงมันเป็น social dance คือผู้คนจะมารวมตัวเต้นด้วยกัน ถึงแม้จะไม่รู้จักกันก็สามารถไปขอเต้นได้ มันก็เลยกลายเป็นชุมชน ที่เชื่อมผู้คนกับวัฒนธรรมการเต้น พอการเต้นสวิงฟื้นคืนชีพกลับมา ก็เลยมีชุมชนเต้นสวิงเกิดขึ้นตามมา และกระจายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ที่ประเทศไทยอาจจะมาช้าหน่อย และก็ใช้เวลากว่าจะค่อยๆ เป็นที่รู้จัก ส่วนหนึ่งคงเพราะมันเป็นกิจกรรมที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่

ถ้าเต้นไม่เป็น ไม่เคยเต้นมาก่อนเลย หรือไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า เข้าสังคมไม่เก่ง สามารถเต้นสวิงได้หรือเปล่า

ไม่ว่าใครก็สามารถเต้นในแบบของตัวเองได้ ถ้าเขาฟังเพลง แล้วเพลงนี้ทำให้เขาขยับตัวตามเพลง เอนจอยกับมัน แค่นั้นคือการเต้นแล้ว

ส่วนคนเข้าสังคมไม่เก่ง การเต้นสวิงจะเป็นเหมือนกิจกรรมไอซ์เบรกกิ้งแบบไม่จำเป็นต้องชวนคุย แต่ใช้การเต้นเพื่อผูกมิตรผู้คนแทน พอเต้นจบเพลงแล้วยังไม่กล้าคุย เราแค่พูดขอบคุณ แล้วมายืนดูคนอื่นเต้นต่อก็ได้ แต่อย่างน้อยพอเดินสวนกันคราวหน้า เราก็ยิ้มทักทายกันได้ เพราะถือว่ารู้จักกันแล้ว

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณก้าวเข้าสู่วงการสวิงแดนซ์

เดิมทีเรามีความสนใจ หรือจริตความชอบอะไรที่ย้อนยุคอยู่แล้ว พอไปเป็นนักเรียนทุนที่อังกฤษ ก็พยายามหาอะไรสนุกๆ ทำที่ประหยัดที่สุด ก็มาเจอ public event ที่คนมาเต้นสวิงกัน ก็เลยไปยืนดู แล้วก็ชอบตั้งแต่ตอนนั้น

พอกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้วพบว่ามีกลุ่มคนต่างชาติเริ่มสอนกันเป็นกลุ่มเล็กๆ อยู่ เลยเริ่มเต้นสวิงจริงจังที่เมืองไทย

ในช่วงแรกมีคนเต้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ เราก็เลยมีความตั้งใจอยากเผยแพร่การเต้นสวิงให้คนไทยรู้จักเยอะๆ เราจะได้มีเพื่อนเต้น มีที่เต้นเยอะๆ ก็เริ่มจากพยายามประชาสัมพันธ์การเต้นสวิงทางสื่อต่างๆ ที่มีโอกาส และพยายามจัดงานเต้นสวิงในที่สาธารณะอย่างที่เราเห็นตัวอย่างมาที่อังกฤษ เพื่อทำให้คนไทยเห็นและรู้จักกิจกรรมนี้มากขึ้น

ตอนนี้การเต้นสวิงถูกพูดถึงและได้รับความสนใจจากผู้คนมากขึ้น คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ชุมชนเต้นสวิงในกรุงเทพฯ ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าทุกคนที่ช่วยกันสร้างชุมชนนี้มาก็ภูมิใจที่ได้เห็นชุมชนเติบโตขึ้น เราคิดว่าความฝันที่เราและเพื่อนๆ ยุค 10 ปีก่อน อยากเห็น มันกลายเป็นจริงแล้ว ทั้งที่ทำให้คนไทยได้รู้จักคำว่าเต้นสวิง ทำให้เรื่องราวของกิจกรรมเต้นสวิงเป็นที่รู้จัก ทั้งทางด้านการเต้น วัฒนธรรม ดนตรี ประวัติศาสตร์ มีคนเต้นสวิงเป็นเพิ่มขึ้น มีงานเต้นสวิงใหญ่ๆ เกิดขึ้น เลยรู้สึกว่า mission ของเราสำเร็จแล้ว

ประกอบกับพอชุมชนขยาย มีคนใหม่ๆ เข้ามา คนรุ่นใหม่ก็มีไอเดีย ที่สดใหม่ มีความสามารถ มีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น มองภาพที่กว้างขึ้น และที่สำคัญ คนรุ่นใหม่เข้าใจบริบทสังคมที่ลึกซึ้งขึ้น มีค่านิยมที่เป็นสากลมากขึ้น ทั้งเรื่องความเท่าเทียม ความโปร่งใส ความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถ้าเราอยากให้ชุมชนเต้นสวิงเป็นที่ของทุกคนมากขึ้น เราก็ต้องให้คนที่เข้าใจเรื่องนี้ได้ดี มาเป็นคนคิด คนทำ เราเลยเห็นความจำเป็นในการที่จะปรับบทบาทของตัวเอง ให้เป็นผู้ที่คอยสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ให้กลายเป็นผู้สร้างสรรค์ ทดลอง จัดกิจกรรมของตัวเองตามไอเดียของตัวเอง โดยที่เราเป็นทีมช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และส่งต่อชุมชนเต้นสวิงให้เป็นพื้นที่กลางที่เปิดกว้าง สำหรับนักเต้นทุกคน ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเต้นสวิง

พอคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท กิจกรรมเต้นสวิงก็เลยเบ่งบานทั่วกรุงเทพฯ และอย่างรวดเร็ว จากที่มีที่เต้นแห่งเดียวก็มี 3-4 ที่ บางทีมี 4 อีเวนต์ในสุดสัปดาห์เดียว ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ความเบ่งบานนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่กับคนที่เต้นสวิงอยู่แล้วเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ยังพัฒนาการเต้นสวิงให้ตอบโจทย์ของสังคมมากขึ้น สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เช่น การมี public event ที่คนเข้ามาร่วมเต้นและเรียนเต้นได้ฟรีบ่อยๆ ทำให้การเต้นสวิงเข้าถึงทุกคนได้อย่างแท้จริง

การที่มีที่เต้นสวิงเพิ่ม มีคนสนใจเต้นสวิงเพิ่ม ทำให้ครูสอนเต้นสวิงมีโรงเรียนให้สอนมากขึ้น คนเป็นนักดนตรีก็มีงานมีรายได้เพิ่ม ดีเจเองก็มีงานมีรายได้ การมีโรงเรียนใหม่ๆ ทำให้เกิดการแข่งขัน มีคอร์สเรียนที่มีความหลากหลาย และตอบโจทย์สังคมมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่งธรรมเนียมสมัยก่อนการเต้นสวิงจะเป็น binary มาก คือนิยมให้ผู้ชายเป็นคนนำ ผู้หญิงเป็นคนตาม แต่พอคนรุ่นใหม่ออกมาตั้งโรงเรียนสอนเต้นสวิง ก็เปิดคอร์สสอนเต้นแบบ switch role ที่ให้คนเต้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ได้เรียนเป็นทั้งคนนำ และคนตาม สลับกันในเพลงเดียว

ผลพลอยได้ของเราเองในฐานะคนที่อยากมีที่เต้นสวิง อยากมีเพื่อนเต้นเยอะๆ ก็เลยได้มีที่เต้นเพิ่มขึ้นเยอะสมใจ มีตัวเลือกที่หลากหลาย ทั้งที่เก่าที่ใหม่ มีงานอีเวนต์น่าสนใจให้ไปเพิ่มขึ้น จนไปได้ไม่หมด

คิดว่าเสน่ห์ของกิจกรรมการเต้นสวิงมีอะไรบ้าง

อย่างแรกเราคิดว่า ‘ดนตรี’ เพราะมันเชื่อมโยงกับความรู้สึกของมนุษย์อยู่แล้ว ถ้าดนตรีดี มันก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น อย่างที่สองคือ ‘ผู้คน’ การได้มาเจอเพื่อนใหม่ๆ ในบรรยากาศที่เป็นมิตร ทำให้รู้สึกไม่เหงา ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และสุดท้ายคือ ‘ส่งผลดีต่อกาย’ เพราะไม่ใช่แค่ดีต่อใจ เต้นสวิงยังถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว

สำหรับคุณแล้ว คุณค่าของกิจกรรมนี้คืออะไร

สำหรับเรา เพื่อนๆ ที่ช่วยกันสร้างชุมชนมา และนักเต้นรุ่นใหม่ที่มารับช่วงต่อ เราเชื่อว่าคุณค่าของการเต้นสวิงสำหรับคนเหล่านี้ คือการที่เราได้สร้างประโยชน์ให้คนอื่น ให้เพื่อนนักเต้นสวิงด้วยกัน ให้คนอื่นในสังคม โดยอาศัยกิจกรรมที่เรารัก คือการเต้นสวิง เป็นเครื่องมือ

ถ้าถามว่ามีภาพความฝันอะไรที่อยากให้เกิดขึ้นอีกบ้าง…

อยากเห็นภาพฝันของคนใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันคงเป็นภาพฝันที่ทำให้เราและนักเต้นสวิงคนอื่นๆ ได้มีความสุขจากการเต้นไปด้วย

แล้วจะสนับสนุนกลุ่มคนใหม่ๆ หรือส่งต่อให้พวกเขาสานต่อได้อย่างไรบ้าง

เราคิดว่าประสบการณ์ของเรา น่าจะพอเป็นข้อมูลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ ทั้ง do และ don’t (หัวเราะ) และสิบกว่าปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าจะพอเป็นประโยชน์ที่เราสะสมไว้ คือการทำความรู้จักคนจากวงการที่หลากหลาย ก็คงจะส่งต่อคอนเนกชันเหล่านั้นให้คนรุ่นใหม่ เพื่อให้เขาทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จง่ายขึ้น

จริงไหม ที่คุณอยากเกษียณจากวงการสวิงแดนซ์

อาจจะมีช่วงที่งานยุ่ง เหนื่อย หรือเบื่อไปบ้าง แต่พอวงการกลับมามีสีสัน เพราะมีคนทำอะไรใหม่ๆ เราก็กลับมาตื่นเต้นและสนุกกับการเต้นเหมือนเดิม

ถ้าให้นิยาม ‘สวิงแดนซ์’ ในชีวิตคุณตอนนี้ล่ะ

เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีอะไรให้รอคอย ดีมากเลยที่ยังมีอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เรายังตื่นเต้น รอคอยที่จะได้ไปทำทุกสัปดาห์

สุดท้ายนี้ คุณมองว่ากิจกรรมเต้นสวิงในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต

หวังว่าจะเป็นกิจกรรมที่มีทางเลือกมากขึ้น มีชุมชน กลุ่มเต้นสวิง กิจกรรมเต้นสวิงที่ฉีกไปจากแบบเดิมๆ เพิ่มขึ้น ให้เลือกไปตามจริตและความสะดวกของแต่ละคนได้

ขอบคุณสถานที่: Walden Home Cafe
451 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 10600 (https://bit.ly/3Hb0uPb)