“โลกมันไม่ได้สวยเหมือนที่เราเข้าใจ” คุยกับ ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา นักแสดงหน้าใหม่ที่มองสังคมเปลี่ยนไปจากการรับบทบาทใน RedLife
แม้ว่า ‘ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา’ จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับใบหน้าของเธออยู่บ้าง ไม่ว่าจะในฐานะนางแบบ หรือจากมิวสิกวิดีโอต่างๆ ถึงอย่างนั้น การที่ซิดนีย์เลือก ‘RedLife’ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิต ก็นับว่าเป็นความท้าทายที่หนักหน่วงอยู่ไม่น้อย
‘ส้ม’ คือตัวละครที่ซิดนีย์รับบทบาทใน RedLife เด็กสาวมัธยมปลายที่ไม่กล้าจะบอกใครว่ามีแม่เป็นโสเภณี ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเก่าๆ ที่บางทีหลังเลิกเรียนก็ต้องกลับมาพบกับภาพของแม่ตัวเองกำลังขายบริการให้กับลุงแก่ๆ ซึ่งเด็กสาวก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา
ไม่เพียงแค่แบ็กกราวด์ชีวิตของส้มจะแตกต่างกับซิดนีย์อย่างสิ้นเชิงเท่านั้น แต่กระทั่งบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอก็แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว แน่นอนว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับนักแสดงหน้าใหม่ด้วยแล้ว เราจึงอยากชวนทุกคนไปพูดคุยกับซิดนีย์ถึงความท้าทาย ความไม่ง่าย และบทเรียนอีกมากมายที่เธอได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้
สำหรับนักแสดง การเลือกหนังที่จะแสดงเป็นเรื่องแรกก็สำคัญ อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงเลือก ‘RedLife’ เป็นหนังเรื่องแรก
คงเพราะได้อ่านบท ซึ่งเราตื่นเต้นมากๆ แล้วบทก็ยากด้วย
จำได้ไหมว่าบทที่ได้อ่านเกี่ยวกับอะไร
เป็นชีวิตของ ‘ส้ม’ นี่แหละ ซึ่งเราก็สนใจเพราะมันดูเป็นหนังชีวิต แปลกใหม่ดี แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะรับ 100 เปอร์เซ็นต์ จนพอได้รู้ว่า มันมีเรื่องราวแบบนี้อยู่จริง มันเลยเปิดมุมมองเรามากๆ แค่ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้สัมผัสหรือสนใจ ไม่เคยรับรู้เพียงเพราะว่า สังคมที่เราอยู่นั้นแตกต่างกัน อีกอย่างคือ เราสัมผัสได้ว่าหนังเรื่องนี้มีความเป็นมนุษย์สูงมากๆ ด้วย
การได้รับรู้ชีวิตของผู้คนและสังคมในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากสังคมที่เราเติบโตมา ส่งผลกระทบอย่างไรต่อตัวคุณบ้าง
มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยนะ ยิ่งพอเราได้ลงไปสัมผัสผู้คนในพื้นที่ตรงนั้น เราก็พบว่าจริงๆ แล้วทุกคนน่ารักมากๆ และต่างก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีโอกาสไม่ได้มากเท่ากับเรา จนพอเราเข้าไปคลุกคลีมากขึ้น มันก็กลายเป็นความเคยชิน ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกเลย
จากจุดนั้นคุณพาตัวเองเข้าสู่กระบวนการทำความเข้าใจ ‘ส้ม’ อย่างไรบ้าง
จากนั้นเราก็เริ่มเวิร์กช็อป ซึ่งบอกตามตรงว่าเราเป็นมือใหม่มาก เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเข้าไปเป็นตัวละครได้ยังไง แค่รู้ตัวอีกทีเราก็ไม่ได้เป็นซิดนีย์แล้ว แต่กลายเป็นส้มไปโดยปริยาย เราลองเป็นส้มในสถานการณ์ต่างๆ จนเริ่มรู้สึกว่า อยากขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ ‘แม่อ้อย’ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นแม่ หรือกระทั่งคำพูดที่เราตอบแม่อ้อยไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ซิดนีย์จะตอบอีกแล้ว แต่คือคำพูดของส้มจริงๆ
‘ซิดนีย์’ เป็นอย่างไร แล้ว ‘ส้ม’ เป็นอย่างไร
ซิดนีย์กับส้มแตกต่างกันคนละขั้ว ฟ้ากับเหว คงเพราะแบบนี้เราเลยรู้สึกว่าการเป็นส้มมันง่ายมากๆ เพราะเราไม่เหมือนกัน ส้มค่อนข้างจะเป็นคนอินโทรเวิร์ต พูดน้อย ไม่ค่อยคุยกับใคร ต่างจากซิดนีย์ที่พูดมาก เจอใครก็คุยด้วยง่าย ซึ่งพอเราต่างกันมาก มันก็เลยง่าย ยิ่งเล่นเป็นส้มก็ยิ่งทำให้รู้เลยว่าจริงๆ แล้วซิดนีย์เป็นคนยังไง
ไม่ใช่ว่าการเล่นเป็นตัวละครที่คล้ายกับตัวเองจะยิ่งง่ายกว่าหรือ? แต่คุณกลับรู้สึกว่า เล่นเป็นตัวละครที่อยู่กันคนละขั้วง่ายกว่า
มันสนุกมากกับการเล่นเป็นขั้วตรงข้าม เพราะมันไม่มีเราอยู่เลยในนั้น มันเลยสนุกมาก เราสามารถเข้าถึงส้มในแบบที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
อยากรู้ว่าซิดนีย์เป็นนักแสดงแบบไหน คุณเป็นนักแสดงที่สั่งปุ๊บแล้วเล่นได้เลย หรือต้องการเวลาในการเข้าถึงตัวละครก่อน
ครึ่งๆ กลางๆ ค่ะ จริงๆ ไม่ได้ต้องบิวต์อะไรมาก เพราะเราจะทำการบ้านมาทุกครั้งก่อนออกกอง พอไปถึงหน้างานมันเลยจำได้ทุกอย่างว่าต้องทำอะไร พอ 5 4 3 … เราก็จะเปลี่ยนเป็นส้มโดยอัตโนมัติ เข้าทรงเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้า หรือกล้ามเนื้อร่างกาย ก็จะกลายเป็นส้มไปเลย
ข้อดีอีกอย่างของกองถ่าย RedLife คือ หนังเรื่องนี้เขาถ่ายเรื่องเรียงกันหมดเลย ซึ่งพอเป็นแบบนี้มันก็เหมือนได้ใช้ชีวิตจริงๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เติบโตไปด้วยกัน ซึ่งพอมาเล่นในฉากต่อๆ ไป เราก็เลยได้หยิบความทรงจำเหล่านั้นมาใช้จริง โดยไม่ต้องอาศัยการจินตนาการใหม่
เคยจมไปกับตัวละครส้มไหม
เคยตอนที่ถ่ายเสร็จไปแล้ว มันไม่ถึงกับจมหรอก แต่เป็นความรู้สึกว่า โห… คิดถึงส้มจัง จากที่เราเป็นคนเอ็กซ์โทรเวิร์ต เฮฮา ต้องออกไปหาเพื่อนเพื่อจะได้มีความสุข พอได้ลองเป็นส้มเราเลยได้รู้ว่า ความสุขของการอยู่เงียบๆ เป็นยังไง
ใน ‘RedLife’ ตัวละครต่างๆ ล้วนมีเฉดสีของความรักที่แตกต่างกันออกไป อยากรู้ว่า คุณมองเฉดสีความรักของส้มเป็นแบบไหน
เรามองว่า ความรักของส้มเป็นเรื่องง่ายๆ ส้มแค่ต้องการใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วเป็นตัวเองได้ ในแบบที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน การตกหลุมรัก ‘พีช’ มันอาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของความชอบ แต่เรารู้สึกว่า เวลาที่ส้มอยู่กับพีชแล้วมันเป็นตัวเอง สบายใจ มีเรื่องให้อยากพูดและกล้าที่จะพูดมันออกไป
พีชพาส้มไปเจอโลกใหม่ๆ ซึ่งอะไรเหล่านี้หาไม่ได้จากแม่ของตัวเอง เมื่อส้มไปเจอความรักที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันแค่นั้นเลย จุดเปลี่ยนเรื่องความรักของส้มมันแค่นั้นเลยจริงๆ
แล้วมุมมองความรักของซิดนีย์เป็นแบบไหนล่ะ
เราก็มองเหมือนส้มนะ ไม่อยากคิดอะไรให้ซับซ้อนเยอะแยะมากมาย อยากอยู่กับใครสักคนที่สบายใจและพร้อมที่จะซัพพอร์ตกันและกัน
แปลว่ามันก็ยังมีจุดเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างส้มกับซิดนีย์อยู่ใช่ไหม อย่างน้อยก็ในเรื่องมุมมองความรัก
ใช่ค่ะ ก็จริงนะ ความรักมันก็แค่นั้นเอง
ด้วยความที่ ‘RedLife’ เป็นหนังเรื่องแรก เมื่อวันที่หนังออกฉาย คุณคาดหวังว่าคนดูจะจดจำคุณแบบไหน
ไม่เคยคิดเลยนะ แล้วเราก็ไม่เคยคาดหวังด้วยว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน
อยากรู้ว่า คุณให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ในการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
8 ค่ะ เราคิดว่าตัวเองมาไกลมากนะ
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากการเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้
คุณค่าความเป็นมนุษย์นี่แหละ
สายตาที่คุณมองสังคมเปลี่ยนไปเยอะเลยไหม
เปลี่ยนไปเยอะเลย เพราะโลกมันไม่ได้สวยเหมือนที่เราเข้าใจ เราอยู่ในสังคมแคบๆ มันทำให้เรามองเห็นว่า จริงๆ แล้วยังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่เคยมองเห็นหรือมองข้ามไป
อยากรู้ว่า ถ้าคุณมีโอกาสได้นั่งคุยกับส้ม คุณจะบอกอะไรกับเธอ
เรามีคำเดียวเลย “เก่งมาก” ส้มเก่งมากที่ใช้ชีวิตและอดทนมาได้ขนาดนี้