5 Min

อินเดียกลายมาเป็นประเทศ ‘ขวาจัด’ ได้อย่างไร

5 Min
740 Views
30 Jun 2023

ในปี 2023 อินเดียกลายเป็น ‘ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก’ อย่างเป็นทางการ และบางคนอาจดีใจที่ชาติซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘ประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ กลายเป็นชาติที่ประชากรมากที่สุดแทน ‘จีน’

แต่ในความเป็นจริง นักวิเคราะห์ทั่วโลกเป็นห่วงมาก เพราะอินเดียนั้นไม่เชิงจะเป็น ‘ประชาธิปไตยที่ดี’ หรือพูดให้ตรงกว่าก็คือนักวิเคราะห์เห็นว่าประชาธิปไตยของอินเดียนั้น ‘กำลังล่มสลาย’ เพราะตอนนี้รัฐบาลได้กุมอำนาจทั้งในการแต่งตั้งศาลและแทรกแซงองค์กรอิสระทั้งหมด มีการข่มขู่สื่อที่วิจารณ์รัฐบาล และมีการจับผู้นำฝ่ายค้านเข้าคุกด้วย

และที่โหดกว่านั้นก็คือ บนท้องถนนที่กลุ่มคนชาตินิยมขวาจัดไล่ทำร้าย ‘ชนกลุ่มน้อย’ แทบจะเป็นเรื่องปกติ 

บางคนอาจแปลกใจที่เราไม่ค่อยได้ยินเรื่องความ ‘ขวาจัด’ ของอินเดีย และในความเป็นจริงชาติตะวันตกก็มีความ ‘เกรงใจ’ อินเดียมาก เพราะอินเดียเป็นชาติที่ใหญ่ ถ้าหากอินเดียไปเข้ากับจีนและรัสเซีย ชาติตะวันตกจะปวดหัวมากๆ ในทุกด้านแน่ๆ 

แต่ช่วงหลายปีมานี้ สถานการณ์ในอินเดียก็แย่ลงเรื่อยๆ จริง และเริ่มมีบทความวิจารณ์ความเสื่อมถอยของประชาธิปไตยในอินเดียออกมามาก ซึ่งการจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในอินเดียตอนนี้ อาจต้องย้อนไปถึงช่วงก่อนอินเดียได้รับเอกราช

ในช่วงที่อินเดียต่อสู้เพื่อเอกราชตอนต้นศตวรรษที่ 20 คนอินเดียมองอนาคตของอินเดียเป็น 2 แบบ กลุ่มแรก คือ กลุ่มชื่อ Indian National Congress ที่นำโดย ‘มหาตมะ คานธี’ กลุ่มนี้เชื่อว่าอินเดียจะเป็นชาติเกิดใหม่ในลักษณะ ‘รัฐโลกวิสัย’ (Secular State) หรือรัฐชาติที่ไม่มีศาสนาใดเป็นศูนย์กลาง คนต่างเชื้อชาติและศาสนาจะต้องอยู่ร่วมกันได้

แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่เชื่อว่าอินเดียต้องเป็น ‘รัฐศาสนาของชาวฮินดู’ ที่คนกลุ่มอื่นๆ ต้องอยู่ใต้ปกครองของชาวฮินดู คนกลุ่มนี้เรียกว่า Rashtriya Swayamsevak Sangh ซึ่งนิยมเรียกว่า RSS (ถ้าแปลตรงๆ จะแปลว่า ‘องค์กรอาสาสมัครแห่งชาติ’) 

กลุ่ม RSS ถือเป็นกลุ่มชาตินิยมขวาจัดสุดโต่งที่เป็นคนกลุ่มเล็กๆ แต่ถึงจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆ คนพวกนี้ก็มีพฤติกรรมรุนแรงที่ส่งผลต่อการเมืองในภาพรวมของอินเดียมาตลอด เช่น การลอบสังหารมหาตมะ คานธี ในปี 1948 ก็เป็นฝีมือของคนกลุ่มนี้

หลังจากอินเดียประกาศเอกราช กลุ่ม RSS ก็เป็นคนกลุ่มน้อยมาตลอด แม้จะมีการพยายามตั้งพรรคการเมืองมาเล่นการเมืองตั้งแต่ทศวรรษ 1950 แต่พรรคการเมืองนี้ก็ ‘สอบตก’ มาตลอดเช่นกัน

จนมาในปี 1980 กลุ่ม RSS มีการตั้งพรรคใหม่ในชื่อ Bharatiya Janata Party (แปลตรงๆ คือ พรรคประชาชนอินเดีย แต่นิยมเรียกย่อๆ ว่า พรรค BJP) มาเล่นการเมือง ซึ่งคราวนี้เป็นการพยายามจะรีแบรนด์ตัวเองให้ห่างออกจากจากกลุ่มขวาจัดเดิมด้วย (ซึ่งก็เป็นสูตรสำเร็จของพรรคขวาจัดรุ่นใหม่ๆ ทั่วโลก) 

และในปี 1984 พรรคนี้ก็ได้ 2 ที่นั่งในสภา และก็ได้ที่นั่งเพิ่มมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นพรรคเสียงข้างมากในปี 2014 ในที่สุด…แต่ประเด็นอยู่ระหว่างนั้น

พรรค BJP เริ่มเข้ามาในสภาได้ในทศวรรษ 1980 สิ่งที่พรรคทำคือกระตุ้นความเกลียดชังของคนฮินดูต่อคนมุสลิม โดยเฉพาะในโซนที่คนฮินดูอยู่เยอะๆ และเคร่งอย่างทางตอนเหนือของอินเดียที่มีคำศัพท์เรียกโดยเฉพาะว่า ‘Hindi Belt’ โดยคนในโซนนี้จะพยายามโจมตีรัฐบาลอินเดียว่าออกกฎหมายเข้าข้างคนมุสลิม และทำให้คนฮินดูที่เป็นคนส่วนใหญ่แท้ๆ เสียเปรียบ ซึ่งทางพรรค BJP เลือกใช้แท็กติกในการ ‘สร้างศัตรูร่วม’ แบบนี้ก็เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะยึดโยงคนฮินดูวรรณะสูงและวรรณะต่ำเข้าด้วยกันได้

แต่พรรค BJP ก็ต้องการผู้นำที่ทรงพลังพอ และนี่ก็นำไปสู่การที่ นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบัน ได้รับเลือกให้มาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2014 และชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกฯ สมัยที่ 2 ในปี 2019

โมดีเริ่มสร้างชื่อเสียงจากการเป็นผู้ว่าการรัฐคุชราต โดยในปี 2002 มีเหตุรถไฟที่บรรทุกผู้แสวงบุญชาวฮินดูไฟไหม้ ซึ่งเหตุการณ์นี้พวกฝ่ายฮินดูขวาจัดอ้างว่ามีคนมุสลิมอยู่เบื้องหลัง ก็เลยมีการก่อเหตุจลาจลของคนฮินดูที่ไล่ทำร้ายคนมุสลิมแบบไม่เลือกเป้าหมาย จนมีคนตายไปกว่า 2,000 คน และผู้หญิงมุสลิมโดนข่มขืนไปเป็นร้อย

แล้วถามว่า โมดีทำอะไร คำตอบคือเขาออกโรง ‘หยุดตำรวจ’ ไม่ให้เข้าไปคุมสถานการณ์ ซึ่งเท่ากับเปิดทางให้คนฮินดูเข้าไปทำร้ายคนมุสลิมในชุมชนโดยไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการ และนี่เป็น ‘วีรกรรม’ ที่ดังในระดับโลก ถึงขนาดที่ในปี 2005 สหรัฐอเมริกาปฏิเสธไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศกับโมดี

แต่ในอินเดียเอง พรรค BJP ก็ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ระดับได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง และได้เป็นรัฐบาลบ้าง และได้เป็นพรรคอันดับ 1 ที่มีสิทธิ์รวมพรรคเพื่อตั้งรัฐบาลบ้าง แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อปี 2014 ที่พรรค BJP ชนะแบบ ‘แลนด์สไลด์’ ภายหลังโมดีได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค BJP

การชนะแบบแลนด์สไลด์เปลี่ยนทุกอย่าง เพราะก่อนหน้านี้ การเมืองอินเดียจะมีลักษณะ ‘กลางๆ’ มาตลอด เพราะเป็นระบบหลายพรรค และคนอินเดียมีหลายเชื้อชาติหลายภาษา การดำเนินนโยบายสุดขั้วจึงเป็นไปไม่ได้ หรือพูดให้ตรงคือมันจะถูกการเมืองระบบหลายพรรคเบรกเอาไว้ (อันนี้คงไม่ต้องอธิบายสำหรับบ้านเราที่ใช้ระบบการเมืองหลายพรรคเหมือนกัน) 

แต่พอเกิดการชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์และพรรคที่ชนะแบบแลนด์สไลด์ดันเป็นพรรคชาตินิยมขวาจัด ทุกอย่างก็เลยปลี่ยน พรรค BJP เริ่มดำเนินนโยบายฮินดูชาตินิยมแบบเต็มที่กับชีวิต ซึ่งเอาจริงๆ ถ้านับว่านี่คือการ ‘หันขวา’ ในการเมืองโลกแล้ว อินเดีย ‘หันขวา’ ก่อนที่ฟิลิปปินส์จะหันขวาไปเลือก ‘โรดรีโก ดูแตร์เต’ และสหรัฐอเมริกาหันขวาไปเลือก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ มาเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 เสียอีก

ดังนั้นจริงๆ อินเดีย ‘หันขวา’ มาก่อนชาวบ้าน แค่เราอาจจะไม่ค่อยได้รับข่าวสารจากอินเดีย และโมดีก็ไม่ใช่ผู้นำขวาจัดที่ ‘เล่นใหญ่’ แบบผู้นำขวาจัดคนอื่นๆ ที่มักจะออกมาทำอะไรตลกๆ ให้กลายเป็นมีมให้เราได้เห็นเท่านั้นเอง 

แต่ก็อย่างที่บอก ‘ไส้ใน’ ของรัฐบาลโมดีโหดกว่า ‘รัฐบาลฝ่ายขวา’ ที่อื่นมาก เพราะไม่ใช่แค่มีนโยบายขวาจัดที่ไฟเขียวให้นักการเมืองขวาจัดออกมาพูดอะไรโหดๆ แบบปกติ แต่ยังมีการแทรกแซงศาลและองค์กรอิสระ มีการข่มขู่สื่อ และมีกระทั่งการจับผู้นำฝ่ายค้านเข้าคุกด้วยข้อหา ‘หมิ่นประมาท’ จากการกล่าวติดตลกพาดพิงคนนามสกุล ‘โมดี’ ทั้งหลายระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง

ถ้าดูไส้ในการปกครอง โมดีก็อาจจะโหดระดับ ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย ซึ่งต่อให้ไม่ได้นำกองทัพไปรุกรานที่ไหน แต่ภายในประเทศเขาใช้อำนาจแบบที่สื่อบางรายเรียกว่า ‘บ้าคลั่ง’ มากๆ และยิ่งอยู่ในอำนาจนาน ทุกอย่างก็ยิ่งหนักขึ้น

เอาง่ายๆ สถานการณ์ ‘อินเดียชาตินิยม’ ตอนนี้คือลามออกนอกประเทศอินเดียแล้ว และไปไกลถึงชุมชนคนอินเดียโพ้นทะเลที่ตีกับคนปากีสถานโพ้นทะเลในอังกฤษและอเมริกาจนกลายเป็นเรื่องปกติ 

สถานการณ์ทั้งหมดทำให้นักวิเคราะห์ลุ้นการเลือกตั้งอินเดียในปี 2024 มาก เพราะถ้าในการเลือกตั้งนี้ โมดีแพ้ และพรรค BJP แพ้ ทุกอย่างก็จบ หรืออย่างน้อยๆ แค่พรรค BJP ได้คะแนนเสียง ‘น้อยลง’ ไม่ ‘แลนด์สไลด์’ อย่างเลือกตั้งปี 2014 กับปี 2019 มันก็สะท้อนว่าคนอินเดียต้องการการเมืองแบบ ‘กลางๆ’ แบบเดิม และทุกอย่างก็จะจบเช่นกัน

แต่ถ้าเลือกตั้งอินเดียปี 2024 ทาง BJP ยังแลนด์สไลด์อีก และแลนด์สไลด์ไปมากกว่าเดิม ก็คาดการณ์ได้เลยว่า ‘อนาคตประชาธิปไตย’ ของอินเดียนั้นดูจะไม่สดใสสุดๆ เพราะไม่มีอะไรจะหยุดโมดีและลัทธิชาตินิยมฮินดูขวาจัดได้อีกแล้ว

และก็ไม่น่าแปลกที่โลกจะเฝ้าดูอย่างเป็นห่วง เพราะคงไม่มีชาติเสรีประชาธิปไตยที่ไหนจะสบายใจถ้าหากพรรคที่ปกครองชาติที่มีประชากรมากที่สุดในโลก เป็นพรรค ‘ขวาจัด’

อ้างอิง