4 Min

รู้ไหม สมัยก่อนเขาไม่ห้ามเด็กกิน ‘เบียร์’ และ ‘ไวน์’ และชาติที่ยืนหยัดสู้เป็นชาติท้ายๆ คือฝรั่งเศส

4 Min
667 Views
18 Apr 2022

เด็กกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจไปด้วยกันได้เลยในโลกปัจจุบัน ทุกวันนี้ใครบอกว่าเด็กมีสิทธิ์ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็คงจะโดนด่าจากทั่วทุกสารทิศ

แต่ในความเป็นจริง ในอดีต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กไม่ใช่ของที่แยกขาดจากกัน อย่างน้อยๆ คนยุโรปสมัยก่อนมองว่าถ้าผู้ใหญ่ดื่มได้ เด็กก็ดื่มได้ แม้แต่นักปรัชญาคนสำคัญของอังกฤษอย่าง จอห์น ล็อค (John Locke) ก็ยังเคยเขียนไว้ในตอนปลายศตวรรษที่ 17 เลยว่า หนึ่งในอาหารที่เด็กๆ ควรดื่มนั้นคือ ‘เบียร์’ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่นักประวัติศาสตร์รู้กันดีว่าสมัยนั้น เด็กที่ไหนก็ดื่มเบียร์กัน มันไม่มีคอนเซ็ปต์ว่าเด็กห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งถ้าจะอธิบายทางประวัติศาสตร์ สมัยก่อนเส้นแบ่งระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ก็ไม่ชัดด้วย มันไม่มีเส้นแบ่งชัดเจนว่าอายุเท่าไรถึงควรจะเริ่มบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในโลกยุคก่อน ‘น้ำสะอาด’ เป็นสิ่งที่หายาก การดื่มน้ำจากแหล่งธรรมชาติต่างๆ นั้นทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย และคนสมัยก่อนก็เข้าใจเรื่องนี้ก่อนจะรู้เรื่องเชื้อโรคด้วยซ้ำ ซึ่งภูมิปัญญาของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่โบราณก็คือ การทำเบียร์และไวน์ ซึ่งในยุคก่อนมันไม่ใช่เรื่องของเครื่องดื่มมึนเมาเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของ การนำน้ำมาผ่านกระบวนการทำให้ ‘สะอาด’ หรือกินได้โดยไม่เจ็บป่วยด้วย

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เมื่อการศึกษาภาคบังคับเริ่มขยายตัวไปในทุกชนชั้น เส้นแบ่งของเด็กกับผู้ใหญ่ก็ชัดเจนขึ้น มีสิ่งที่เรียกว่า ‘วัยเรียน’ ซึ่งเป็นวัยที่ไม่ควรจะดื่มเครื่องดื่มมึนเมา และประเทศต่างๆ ก็เริ่มสถาปนา ‘อายุขั้นต่ำที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้’ (Legal drinking age) ซึ่งก็มักจะอยู่ที่ 18 ปี

อย่างไรก็ดี ในยุคที่ประเทศต่างๆ เริ่มจำกัดสิทธิ์ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็ก ประเทศหนึ่งที่ยังยืนเด่นอย่างท้าทายก็คือฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มี ‘วัฒนธรรมการดื่มไวน์’ อันน่าภาคภูมิใจ มีไวน์ที่ถือว่าเป็นเกรดท็อปของโลก และคนในประเทศก็ดื่มไวน์กันเป็นปกติมายาวนานตั้งแต่ก่อนจะสถาปนาชาติฝรั่งเศส ในบ้าน เรื่องการดื่มไวน์ในมื้ออาหารก็เป็นเรื่องปกติ และทุกคนในบ้านก็มีสิทธิ์ดื่มไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กๆ 

เราอาจรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่พิสดารเกินความเข้าใจมาก แต่นี่เป็นรากฐานให้คนฝรั่งเศสสามารถดื่มด่ำกับไวน์ได้อย่างซับซ้อน เพราะดั้งเดิมเขาดื่มกันตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ เขาดื่มกันเป็น ‘เครื่องดื่ม’ ปกติ เหมือนดื่มน้ำ ไม่ได้ดื่มแบบเอาเมา

ซึ่งความที่ไวน์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมนี้ มันทำให้เด็กฝรั่งเศสก็จะได้ดื่มไวน์กันเป็นปกติในมื้ออาหารกลางวันของโรงเรียน แม้แต่เด็กประถมเล็กๆ ซึ่งนี่เป็นการตอบจุดประสงค์ของการศึกษาภาคบังคับปกติที่ต้องให้เด็กๆ เรียนรู้วัฒนธรรมของชาติด้วย และสำหรับฝรั่งเศส การดื่มไวน์ก็แยกออกจากความเป็นฝรั่งเศสไม่ได้

ที่เล่ามา เป็นเรื่องของครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เพราะในปี 1956 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้โรงเรียนทั้งหมด เลิกเสิร์ฟไวน์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และให้หันมาดื่มนมแทน

ถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เรียกได้ว่าเป็น ‘กระแสโลก’ ด้วย เพราะในโลกตอนนั้น การให้เด็กเล็กๆ บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องประหลาดไปแล้ว เพราะการแพทย์ที่พัฒนาไปก็ทำให้เราพบว่าแอลกอฮอล์ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในหลายๆ มิติ ซึ่งการยกเกณฑ์ของอายุขั้นต่ำในการ ‘ดื่ม’ ของฝรั่งเศสมาที่ 14 ปี นั้นก็เรียกได้ว่ายัง ‘ช็อกโลก’ อยู่ เพราะเราก็คงจินตนาการไม่ออกว่าการเสิร์ฟไวน์เสิร์ฟเบียร์ให้เด็กมัธยมปลายนั้นจะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลได้อย่างไร และประเทศอื่นๆ ที่มีเกณฑ์ขั้นต่ำในการ ‘ดื่ม’ เป็น 18 ปี ก็คงจะรู้สึกคล้ายๆ เราตอนนี้

แน่นอนว่าช่วงนั้นก็มีกระแสต่อต้านนโยบายนี้กันมากในฝรั่งเศส พ่อแม่จำนวนมากที่ลูกไปดื่มไวน์ที่โรงเรียนไม่ได้แล้ว ก็ยังให้ลูกดื่มไวน์ในมื้อเช้าอยู่ และเมื่อเวลาผ่านไป สังคมก็ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติ โดยสุดท้าย ในปี 1981 ฝรั่งเศสก็ได้แบนการเสิร์ฟไวน์ในโรงเรียนอย่างถาวร แม้แต่ในระดับมัธยมปลาย

แต่ถามว่านั่นทำให้ ‘เด็กฝรั่งเศส’ เลิกดื่มไวน์เหรอ? คำตอบคือไม่ใช่ ในตอนนั้นกฎหมายฝรั่งเศสอายุขั้นต่ำที่ ‘ดื่ม’ ได้คือ 16 ปี 

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นในปี 2009 ฝรั่งเศสก็เพิ่มอายุที่จะ ‘ดื่ม’ ได้อย่างถูกกฎหมายเป็น 18 ปีในที่สุด ตอนปี 2009 คนฝรั่งเศสก็วิจารณ์กฎหมายนี้กันมากมาย เพราะเขามองว่าเด็กอายุ 16 ปีก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว โตแล้ว และมีความรับผิดชอบพอที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันไม่มีเหตุผลที่จะห้ามเด็กอายุ 16 ปีดื่มไวน์ และแน่นอนพวกคาเฟ่ต่างๆ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนก็เข้าขั้นโอดโอยเพราะลูกค้าของพวกเขาส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กมัธยมปลาย

แต่เราก็มาถึงจุดนี้กันในที่สุดครับ จุดที่คนฝรั่งเศสนั้นจะสามารถ ‘ดื่ม’ ได้อย่างถูกกฎหมายเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไปดังเช่นชาติอื่นๆ

ซึ่งจริงๆ การขยับอายุที่คนฝรั่งเศสจะ ‘ดื่ม’ ได้นี่มีผลมากๆ เพราะมันค่อยๆ ทำให้คนฝรั่งเศสโดยรวม ดื่มไวน์กันน้อยลง เพราะสถิติในปี 2017 ก็ชี้ว่าการบริโภคไวน์ในฝรั่งเศสนั้นลดลงจากปี 2000 กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และแนวโน้มนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซึ่งมันก็สร้างความปวดหัวให้กับอุตสาหกรรมไวน์ในฝรั่งเศสมากๆ

เรียกได้ว่าการปรับให้อายุของคนฝรั่งเศสที่จะดื่มไวน์ได้เป็น 18 ปี ตามมาตรฐานโลก นี่แทบจะเป็นระเบิดเวลาในระยะยาวให้กับอุตสาหกรรมไวน์ในฝรั่งเศสเลย 

เพราะสุดท้าย ก็อย่างที่เล่าแต่แรกแหละครับ สำหรับฝรั่งเศส ไวน์มันไม่ใช่เครื่องดื่มมึนเมา แต่เป็นวัฒนธรรมอันภาคภูมิใจของชาติ เป็น ‘อาหาร’ อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความละเมียดในการฝึกดื่มถึงจะซาบซึ้ง ซึ่งการฝึกที่ว่านั้นก็ต้องทำกันแต่เด็ก ดังนั้นการตัดไวน์ออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับของฝรั่งเศส จึงเป็นการลดจำนวนผู้บริโภคไวน์แบบที่มีความซับซ้อนและความละเมียดสไตล์ฝรั่งเศสไปด้วยในท้ายที่สุด

อ้างอิง