ถ้าย้อนไปสัก 10-20 ปีก่อน เราคงจะแทบไม่เคยได้ยินชื่อของ ‘ไอซ์แลนด์’ เลย และสิ่งที่เราอาจจะเคยได้ยินเพียงอย่างเดียวว่ามาจากประเทศนี้ก็คือ นักร้องหญิงสุดเซอร์นาม บียอร์ค (Bjork) ซึ่งเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าประเทศของเธออยู่ส่วนไหนในโลก
แต่พอมาปัจจุบันนี้ ใครสนใจเรื่องการท่องเที่ยวแม้เพียงนิดเดียว ก็คงจะได้ยินชื่อไอซ์แลนด์บ่อยๆ เพราะมันเป็นดินแดนท่องเที่ยวสุดฮิตของเหล่าคนประเทศโลกที่ 1 ไปแล้ว (นักท่องเที่ยวที่ไปมากสุดตามลำดับคือ อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา ถัดมาถึงเป็นจีน) ซึ่งช่วงก่อนคนโควิดที่คนยังเดินทางกันปกติ ปีๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวไปเที่ยวไอซ์แลนด์รวมๆ ก็ราว 1.5 ล้านคนเข้าไปแล้ว ทั้งที่ไอซ์แลนด์มีประชากรทั้งเกาะเพียงแค่ 300,000 คนเท่านั้นเอง (เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนเยอะกว่าบ้านเราที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะปีๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวมาบ้านเราก็ยังไม่เยอะเท่าประชากรเรา) เรียกได้ว่าไปที่ไหนก็เจอแต่นักท่องเที่ยว
แล้วไอซ์แลนด์ที่เคยเป็นแค่เกาะเล็กๆ อันหนาวเหน็บกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ไม่เคยมีใครสนใจจะไปเที่ยวเลย มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? มันมีที่มาที่ไปครับ
ตอนแรกไอซ์แลนด์ก็เป็นประเทศเล็กๆ ห่างไกลชาวโลก ทำการประมงเพื่อส่งออกเป็นหลัก ประชากรก็น้อยๆ แบบที่พอๆ กับเอาประชากรในเขตกลางถึงใหญ่ สัก 2 เขตมารวมกันก็จะได้ประชากรไอซ์แลนด์ทั้งประเทศละ นี่ทำให้แม้แต่เมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองหลวง ความสัมพันธ์ของผู้คนก็จะคล้ายๆ ความสัมพันธ์กันแบบชุมชนหมู่บ้าน คือคนก็จะรู้จักกันหมด พูดง่ายๆ คือเป็นสังคมเล็กๆ อันอบอุ่น (แม้ว่าอากาศจะโคตรหนาว)
อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไอซ์แลนด์ในช่วง 30 ปีหลังก็รับสไตล์แนวทางเศรษฐกิจแบบอเมริกันมาซะเยอะ ภาคการเงินขยายใหญ่โตมาก ปล่อยกู้เข้าไปในภาคพื้นทวีปยุโรปกระจาย แล้วพอยุโรปเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าภาคการเงินการธนาคารของไอซ์แลนด์จะได้รับผลกระทบไปด้วย
และจริงๆ ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาก ผลคือวิกฤตทำให้เกิดหนี้ภายนอกของธนาคารที่ใหญ่กว่ารายได้ประชาชาติไอซ์แลนด์ถึง 11 เท่า ซึ่งเงินระดับนี้ธนาคารกลางก็ไม่สามารถไปช่วยอุ้มให้เงินกู้ไปเคลียร์ได้ ผลคือธนาคารต้องปิดตัวไป 3 เจ้า และไอซ์แลนด์ต้องลดค่าเงินลงครึ่งหนึ่งเพื่อเพิ่มดุลการค้าในระยะยาว (ตามหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปการลดค่าเงินจะช่วยการส่งออกให้เพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าลง)
ถ้าใครเกิดทันปี 1997 ก็คงจะจำฝันร้ายของการลดค่าเงินของเราได้รางๆ อย่างไรก็ดีสำหรับไอซ์แลนด์ การลดค่าเงินเป็นตัวพลิกผันเศรษฐกิจไปเลย จากเดิมแหล่งเงินต่างประเทศที่มาจากการส่งออกที่เน้นประมง ก็กลายเป็นการท่องเที่ยวแทน
การลดค่าเงินลงครึ่งหนึ่ง ทำให้ไอซ์แลนด์ซึ่งแต่เดิมเป็นเมืองที่ถือว่าค่าครองชีพดุดันใช้ได้ (น้องๆ พวกสแกนดิเนเวียเลย) กลายเป็นเมืองที่ไปเที่ยวได้แบบราคาถูกเลยตามมาตรฐานของคนประเทศโลกที่ 1 ดังนั้นนักท่องเที่ยวโลกที่ 1 ก็เริ่มทยอยไปไอซ์แลนด์กันตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008
ซึ่งพอมีภูเขาไฟที่ไอซ์แลนด์ระเบิดในปี 2010 อีก ทำเอาการบินทั่วยุโรปปั่นป่วน แทนที่คนจะกลัวกัน สำนักข่าวต่างๆ กลับพยายามนำเสนอไอซ์แลนด์ ในฐานะของดินแดนท่องเที่ยวใหม่ที่ธรรมชาติยังบริสุทธิ์และมหัศจรรย์ชวนให้ไปเที่ยวกัน
และพอมาตั้งแต่ปี 2013 การท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ก็ได้ประสานงานกับสตูดิโอฝั่งอเมริกาให้มาถ่ายทำภาพยนตร์สารพัด ตั้งแต่หนังชีวิตแบบ The Secret Life of Walter Mitty ไปจนถึงฉากจากนอกโลกของหนังอย่าง Prometheus, Thor: The Dark World, Star Trek Into Darkness และ Interstellar หรือกระทั่งซีรีส์ยอดฮิตในยุคหนึ่งอย่าง Game of Thrones ก็ยังมีหลายฉากที่ไปถ่ายทำในไอซ์แลนด์ (และสถานที่ถ่ายทำเหล่านั้นก็กลายมาเป็นที่ท่องเที่ยวไปเรียบร้อย)
ผลรวมที่เกิดขึ้นก็คือตั้งแต่ปี 2008 นักท่องเที่ยวที่ไปไอซ์แลนด์ก็ขยายตัวเป็นเท่าทวีคูณ แค่ในปี 2010 เอง นักท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ก็เพิ่มเป็นเกือบ 2 เท่าของปี 2000 ที่นักท่องเที่ยวต่อปีเริ่มเยอะพอๆ กับประชากรของไอซ์แลนด์แล้ว และพอมาในปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวในปีๆ หนึ่งก็มากกว่าประชากรเป็น 5 เท่าตัวไปแล้ว
ผลในทางเศรษฐกิจที่การท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ขยายตัวระดับนี้นับว่ายอดเยี่ยมมาก เพราะหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดอัตราว่างงาน 10 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ไอซ์แลนด์มีอัตราว่างงานแค่ราวๆ 3 เปอร์เซ็นต์ และการจ้างงานของทั้งประเทศตอนนี้กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เกิดในภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้การท่องเที่ยวยังขยายตัวจากการเป็นแค่ส่วนของรายได้ประชาชาติส่วนที่เล็กอย่างแทบไม่ต้องเอามาคิดมาเป็นส่วนที่สร้างรายได้ ราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ประชาชาติต่อปีไปแล้ว
พูดอีกแบบก็คือ การท่องเที่ยวคือสิ่งที่มากอบกู้ความล่มจมของเศรษฐกิจไอซ์แลนด์หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 โดยแท้จริง
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาฟรี
ไอซ์แลนด์นั้นไม่ใช่เมืองที่เป็นเมืองท่องเที่ยวแบบบ้านเรา ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวก็จึงไม่ได้สมบูรณ์พร้อมแบบที่บ้านเรามี (ใช่ครับ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักท่องเที่ยวของบ้านเราถือว่าดีมากๆ แล้ว เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวมานานมาก) การที่นักท่องเที่ยวไหลบ่าเข้าประเทศกันมาขนาดนั้นมันก็ต้องมีการปรับตัวกันยกใหญ่
ผลคือตอนนี้เมืองหลวงของไอซ์แลนด์นั้นไม่เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุกคนรู้จักกันหมดแล้วทักทายกันอีกแล้ว ตึกเก่าๆ ในกลางเมืองจำนวนไม่น้อยถูกรื้อมาทำโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ห้องให้เช่าจำนวนมากก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นห้องเช่า AirBnb เพื่อให้นักท่องเที่ยวอยู่เพราะเงินดีกว่าให้คนท้องถิ่นเช่าระยะยาว ทำให้คนไอซ์แลนด์ที่เคยอยู่ที่นี่ดั้งเดิมต้องย้ายไปที่อื่น ร้านรวงต่างๆ ที่เมื่อก่อนทำมาตอบสนองคนท้องถิ่นก็กลายมาเป็นร้านรวงต่างๆ ที่ทำมาตอบสนองนักท่องเที่ยว พื้นที่ธรรมชาติอันสวยงามจำนวนมากของไอซ์แลนด์ ก็เริ่มเต็มไปด้วยแคมป์นักท่องเที่ยว ซึ่งเนื่องจากมันไม่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ปัญหาการขับถ่ายเรี่ยราดก็เลยตามมาเต็มไปหมด
ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่เผ็ดร้อนในสภาไอซ์แลนด์ เพราะฟากหนึ่งก็ต้องการจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อชะลอการเปลี่ยนแปลงไปของไอซ์แลนด์ในระดับที่คนไอซ์แลนด์จำนวนมากรู้สึกไม่สบายใจแล้ว เพราะบ้านตนกลายเป็นเหมือนดิสนีย์แลนด์ แต่อีกฟากหนึ่งก็ต้องการจะประนีประนอมเพื่อคงการเข้ามาของนักท่องเที่ยวเอาไว้ เพราะนั่นคือปัจจัยที่อุ้มเศรษฐกิจไอซ์แลนด์
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พื้นที่ธรรมชาติอันแสนสุขสงบของไอซ์แลนด์ที่นักท่องเที่ยวแบบแหวกแนวและคนท้องถิ่นเคยเข้าไปหาความงามและความสันโดษของธรรมชาติ ก็คงไม่มีอีกแล้ว เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่นักท่องเที่ยว
แต่ก็นั่นเอง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ การท่องเที่ยวนี่แหละครับคือสิ่งที่กอบกู้เศรษฐกิจที่ลงเหวไปอย่างหายนะสุดๆ ขึ้นมาจนได้
และการที่การท่องเที่ยวสำคัญขนาดนี้เอง ก็เลยทำให้ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกๆ ที่ทำการปลดล็อกมาตรการโควิดทั้งหมดมาตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวไอซ์แลนด์ได้ตามปกติแล้ว ไม่มีการตรวจอะไรตอนไปถึง และไม่เรียกร้องว่าต้องฉีดวัคซีนใดๆ ด้วยซ้ำก่อนเข้าประเทศ
อ้างอิง
- The New York Times. Secret to Iceland’s Tourism Boom? A Financial Crash and a Volcanic Eruption. https://nyti.ms/35YMRU1
- The Telegraph. Iceland becoming ‘Disneyland’ as US tourists outnumber locals. https://bit.ly/3jtsmle
- Financial Times. Iceland’s tourism boom — and backlash. https://on.ft.com/37wW7Px
- BBC. Are too many tourists visiting Iceland? https://bbc.in/3js1x13
- Bloomberg. Iceland Is Sick of Tourists’ Bad Behavior. https://bit.ly/3xigH14
- Guide to Iceland.10 Things Icelanders HATE About Tourism in Iceland. https://bit.ly/3xigH14
- Reuters. Icelandic tourism boom lifts economy, skews housing market. https://reut.rs/3urPqr2