3 Min

หลักฐานใหม่ชี้บรรพบุรุษมนุษย์เคย “จำศีล” ได้ …แม้ผลจะออกมาไม่ดีนัก

3 Min
3253 Views
19 Mar 2021

Select Paragraph To Read

  • หลักฐานการจำศีล
  • นัยยะของเทคโนโลยีจำศีล

จะจำศีลกันไปทำไม?

เราคนเมืองร้อน ยิ่งเข้าหน้าร้าน เราก็คงรู้สึกว่าหน้าร้อนเป็นสิ่งที่เลวร้าย

แต่ถ้ามองย้อนไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติรวมไปถึงสรรพสัตว์ เราจะพบว่าจริงๆ หน้าร้อนน่ะคือสวรรค์! เพราะหน้าร้อนนั้นอุดมไปด้วยพืชพรรณ

ส่วนฤดูกาลที่เป็น “นรก” น่ะคือหน้าหนาว เพราะมัน “ไม่มีอะไรจะกิน” พืชล้มลุกตายหมด พืชยืนต้นก็ไม่ออกลูก อากาศแล้ง และนี่ยังไม่นับว่าอุณหภูมิของหน้าหนาวอาจต่ำลงระดับทำให้สิ่งมีชีวิตหลายชนิดตายได้ง่ายๆ

จะเห็นได้ว่าความ “นรก” ของหน้าหนาวตามธรรมชาตินั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันไม่ใช่ฤดูที่จะทำให้เรารู้สึกดีที่จะได้ใช้เสื้อหนาวซะที หรือได้ไปเที่ยวต่างประเทศซะที

แต่มันเป็นหน้า “นรก” ที่สิ่งมีชีวิตต้องการจะผ่านไปให้เร็วที่สุด

และนี่ก็เลยทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยต้องวิวัฒนาการเทคนิค “จำศีล” ขึ้นมา หรือพูดง่ายๆ ก็คือการ “หลับยาวข้ามหน้าหนาว”

ซึ่งสิ่งที่การ “จำศีล” ต่างจากการ “หลับ” ธรรมดาก็คือ อุณหภูมิร่างกายจะต่ำลง อัตราการทำงานของกระบวนการทางเคมีในร่างกายที่เรียกรวมๆ ว่า “เมตาบอลิซึ่ม” ก็จะลดต่ำลง ซึ่งทั้งหมดเป็นไปเพื่อให้ร่างกายสามารถ “หลับ” ได้ยาวๆ เพราะตามนิยามการ “จำศีล” จริงๆ ต้องไม่มีการกินหรือขับถ่ายใดๆ

และก็นี่คือสิ่งที่สัตว์จำนวนไม่น้อยทำได้ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตั้งแต่หมียันค้างคาวก็ทำได้

คำถามตลกๆ คือแล้วทำไมสัตว์บางชนิดทำไม่ได้?

คำตอบง่ายๆ ก็คือ ถ้าสัตว์ชนิดนั้นๆ มีสกิลในการเอาตัวรอดสูงพอในหน้าหนาว ถ้ามีปัญญาหาอาหารกินได้ การวิวัฒนาการการ “จำศีล” ก็ไม่จำเป็น

พวกสัตว์ในวงศ์ลิงใหญ่ (hominid) ว่ากันว่าสกิลในการเอาตัวรอดสูง มันเลยไม่จำเป็นต้องจำศีล และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ถึงจำศีลไม่ได้ ก็เพราะบรรพบุรุษเราทำไม่ได้ เราจึงทำไม่ได้ เราไม่สามารถ “หลับยาวหนีหน้าหนาว” และต้อง “เอาตัวรอด” มาตลอด ซึ่งนี่ก็อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่เรามีทักษะสูงพอที่จะรอดผ่านยุคน้ำแข็งมาได้ทั้งๆ ที่สัตว์จำนวนมากสูญพันธุ์

อย่างไรก็ดี ก็มีหลักฐานใหม่ระบุว่า บรรพบุรุษมนุษย์เคยจำศีลได้มาก่อน

หลักฐานการจำศีล

การจำศีลของค้างคาว

การจำศีลของค้างคาว | Wikipedia

ในขณะที่มนุษย์สมัยใหม่หรือ “โฮโมเซเปียนส์” มีอายุเพียง 300,000 ปี แต่ย้อนกลับไป 500,000 ปีก่อน บรรพบุรุษมนุษย์ที่เป็นสัตว์ในวงลิงใหญ่ก็อาศัยอยู่ในถ้ำแล้ว และก็มีซากฟอสซิลเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยจริงๆ พวก “ถ้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์” นี่ก็เป็นแหล่งฟอสซิลชั้นดีที่นักวิจัยขุดกันสนุกเลย

พอได้ฟอสซิลมา ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาอะไรจากกระดูกนั้น เพราะนี่คือ “หลักฐาน” ที่บอกเราได้หลายอย่าง

และก็บังเอิญจริงๆ ที่นักวิจัยกลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบ “โรค” ต่างๆ ที่สะท้อนมาในกระดูกของบรรพบุรุษมนุษย์ในถ้ำแห่งหนึ่ง และก็บังเอิญค้นพบสิ่งที่น่าสนใจมากๆ

นักวิจัยพบว่ามีร่องรอยความเจ็บป่วยจากการขาดสารอาหารจำนวนมากในกระดูก แต่มีความน่าสนใจก็คือ มันมีภาวะที่เกิดจาก “ของเสียในระบบเลือดมากเกินไป” ด้วย ตั้งแต่ภาวะแคลเซียมสูงเกินไปในเลือดจนกระดูกผุ ไปจนถึงร่องรอยที่กระดูกของภาวะไตวาย

ซึ่งที่น่าสนใจก็คือ ร่องรอยพวกนี้เกิดซ้ำๆ ราวๆ ปีละครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่า บรรพบุรุษของมนุษย์กลุ่มนี้ น่าจะมีการ “งดการขับถ่ายของเสีย” จนทำให้ร่างกายพังระดับนี้ปีละครั้ง

และนี่เองที่นำมาสู่ข้อสรุปว่า บรรพบุรุษมนุษย์พวกนี้พยายามจะ “จำศีล” เพราะไม่น่าจะมีภาวะปกติใดๆ ที่มนุษย์จะไม่ขับถ่ายเป็นเวลานานอย่างสม่ำเสมอปีละครั้งจน “ของเสีย” ในเลือดขึ้นสูงจนทำให้ร่างกายเสียหายไปถึงกระดูกขนาดนั้น

แต่ก็อย่างที่ว่า แม้จะจำศีลได้ แต่ผลก็ออกมาไม่ดีนัก ร่องรอยความเสียหายของการ “พยายาม” จำศีล ยังหลงเหลือมาให้ลูกหลาน 500,000 ปีให้หลังได้ค้นพบ

และก็ไม่แปลกที่บรรพบุรุษมนุษย์รุ่นต่อๆ มาจะเลิกล้มความพยายามจำศีล และสร้างแนวทางการเอาตัวรอดในหน้าหนาวได้ในที่สุด

และก็ไม่แปลก (อีกเช่นกัน) ที่จะทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่รอด “ยุคน้ำแข็ง” ครั้งที่แล้วเมื่อราว 100,000-10,000 ปีก่อนมาได้

นัยยะของเทคโนโลยีจำศีล

หลายคนอาจสงสัยว่า เราจะไปสนใจว่ามนุษย์ในอดีตนั้น “จำศีล” ได้ไปทำไม?

ต้องบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับมนุษย์ปัจจุบันอย่างมาก เพราะเรากำลังอยากจะเดินทางไปตั้งรกรากในอวกาศ

เพราะตอนนี้ ถึงเรามีเทคโนโลยีในการเดินทางไปในอวกาศอันไกลโพ้นได้ ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตามมาก็คือ “เวลาเดินทาง” ที่ต้องใช้ยาวนาน มนุษย์ที่ไปกับยานก็ต้องเสียเวลาชีวิตไปหลายปีกว่าจะไปถึงที่หมาย

เขาก็เลยพยายามจะให้มนุษย์ “จำศีล” ขณะเดินทางข้ามดาว แบบที่เราเห็นๆ กันในหนังไซไฟหลายๆ เรื่องนี่เอง

ซึ่งความเข้าใจว่าถ้าเราไปฝืน “จำศีล” แล้วคงจะทำให้เราเห็นภาพว่า ถ้าเราบีบให้ร่างกายมนุษย์ “หลับ” ไปนานๆ มันมีผลร้ายสารพัด ที่ส่งผลไปทั่วอวัยวะภายในยันกระดูก

แน่นอน ปัจจุบันเรายังไม่มีทางแก้ มนุษย์ยังจำศีลไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีทาง เพราะการเจอปัญหาและไล่แก้ไปทีละจุดนั้น ก็เป็นวิถีการพัฒนาตามปกติของมนุษยชาติอยู่แล้ว

อ้างอิง: