ย้อนรอยช่วงมืดมนในประวัติศาสตร์ เมื่อชาวอังกฤษพร้อมใจ ‘ฆ่าสัตว์เลี้ยง’ ทิ้งไปกว่า 7 แสนตัว
โลกทุกวันนี้ ณ ทศวรรษ 2020 มนุษย์รักสัตว์เลี้ยงกันสุดๆ เหมือนลูก และไม่ใช่แค่รักอย่างเดียว ทุกวันนี้สัตว์มีสิทธิสารพัดแบบ ‘มากกว่า’ ยุคใดในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดี เอาจริงๆ แล้ว สัตว์ก็เป็นรองมนุษย์เสมอในยามคับขัน เช่น ในการระบาดของโควิด-19 ก็มีสัตว์ไม่น้อยถูกฆ่าตายกันเป็นเบือ อีกไม่น้อยก็ถูกทิ้งเพราะกลัวจะเป็นพาหะ ทั้งๆ ที่มันเป็นสัตว์เลี้ยง และเคสที่โหดระดับเป็นตำนานก็คือที่รัฐบาลจีนเอาสัตว์เลี้ยงของคนติดโควิดไปสังหารเพราะกลัวแพร่เชื้อ ที่เป็นข่าวในช่วงปี 2021
แต่ทั้งหมดนี้ มันยังไม่ ‘โหด’ เท่าสิ่งที่เรากำลังจะเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นช่วงที่คนอังกฤษแห่เอาสัตว์เลี้ยงไปฆ่าทิ้งจนโรงเผาเผากันไม่ทัน และสุสานก็ล้นแล้วล้นอีก โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว
และตอนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สงครามโลกครั้งที่ 2
ในตอนนั้น กองทัพฝ่ายอักษะรุกมาประชิดอังกฤษ และทางรัฐก็ต้องเริ่มเตรียมการเปลี่ยนประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยเขาก็มองการณ์ไกลว่าประเทศจะขาดอาหาร จนต้องมีการปันส่วนอาหารจากส่วนกลาง ซึ่งจำนวนการผลิตอาหารในประเทศยังไงก็น่าจะพอกินในระยะสั้น แต่ระยะยาวนี่ไม่รู้ ซึ่งก็แน่นอนเขากลัวอาหารไม่พอกินถ้าสงครามยืดเยื้อ
ทีนี้ คนอังกฤษยุคนั้นเลี้ยงหมาแมวกันเยอะมาก สิ่งที่รัฐกลัวก็คืออาหารจะไม่พอ เพราะคนเอาไปให้สัตว์เลี้ยงกินด้วย ดังนั้นเขาเลยประกาศเลยว่าจะไม่มีการแบ่งอาหารเผื่อสัตว์เลี้ยง จะแบ่งให้แค่สำหรับคนเท่านั้น
ซึ่งเขาก็เป็นห่วงอีกว่าคนจะมีอาหารไม่พอกิน เลยมีคำแนะนำว่าให้ขนส่งสัตว์เลี้ยงไปอยู่ ‘บ้านนอก’ ที่น่าจะรอดจากการทิ้งระเบิด หรือถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ก็เอามาให้รัฐ ‘การุณยฆาต’ ก็ได้ โดยในคู่มือที่แจกประชาชนตอนนั้น ถึงกับลงภาพปืนสตันกันที่ใช้ในโรงฆ่าสัตว์ว่าเป็นอุปกรณ์ที่จะส่งสัตว์เลี้ยงของคุณให้จบชีวิตได้อย่างสงบและมีมนุษยธรรม
มันอาจจินตนาการได้ยากว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา เพราะถ้าทำแบบนี้ในทุกวันนี้ คนปัจจุบันคงแทบไม่มีใครทิ้งสัตว์เลี้ยงของตน ทุกคนคงด่ารัฐที่ออกนโยบายบ้าๆ แบบนี้ และถ้าใครเอาสัตว์เลี้ยงไปฆ่าทิ้งตามคำแนะนำของรัฐ ก็คงจะถูกด่าประจานบนโซเชียลมีเดียเป็นแน่
แต่ในตอนนั้น พอรัฐประกาศออกไป ก็ปรากฎว่าคนแห่กันเอาสัตว์เลี้ยงมาทำการุณยฆาตกันมากมายในระดับที่เข้าใจไม่ได้เลยในยุคนี้ เพราะเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่สงครามยังไม่มาถึงอังกฤษด้วยซ้ำ และพอสงครามมาถึงอังกฤษ เริ่มมีการทิ้งระเบิด คนก็ยิ่งแห่กันเอาสัตว์เลี้ยงไปทำการุณยฆาตเพิ่ม ในระดับที่โรงเผานั้นเผาไม่ทัน สุสานก็ฝังกันไม่พอเลยทีเดียว
ในช่วง 6 ปีของสงครามก็มีการประเมินกันว่า มีสัตว์เลี้ยงกว่า 7 แสนตัวที่ต้องตายไปในกระบวนการนี้ และเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถูกขนานนามว่าเป็นการสังหารหมู่สัตว์เลี้ยง ‘British Pet Massacre’ ในภายหลัง
หากมองย้อนไปโดยใช้มาตรฐานแบบทุกวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เพราะประเทศอื่นที่เข้าสู่ภาวะสงครามก็ไม่ได้มีใครแนะนำให้ประชาชนเอาสัตว์เลี้ยงไปฆ่าทิ้ง และจริงๆ แล้วก็รู้กันอยู่แล้วว่าถ้าประเทศเข้าสู่สงคราม อาหารก็ต้องขาดแคลน และเจ้าของก็ต้องแบ่งอาหารที่มีจำกัดกับสัตว์เลี้ยงน่ะแหละ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องบอก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่อังกฤษได้พิสูจน์ก็คือ ถ้ารัฐถึงกับออกโรงบอกเองว่า อาหารจะไม่พอกินนะ ดังนั้นคุณต้องเอาสัตว์เลี้ยงของคุณไปฆ่าทิ้งนะ อาหารถึงจะพอกิน ประชาชนจำนวนมากก็จะเชื่อ และแห่กันเอาสัตว์เลี้ยงไปฆ่าทิ้งตาม ‘คำแนะนำ’ ของรัฐอย่างไม่ตั้งคำถามใดๆ
อ้างอิง
- IFLS. The Great British Pet Massacre Of 1939. https://bit.ly/3rR8fBn
- BBC. The little-told story of the massive WWII pet cull. https://bbc.in/3fZmLkW