‘ฮาตาริ’ แบรนด์พัดลมอันดับหนึ่งของคนไทย ปักธงรุกตลาดต่างประเทศ เปิดตัวแคมเปญยิ่งใหญ่แห่งปี Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม
บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด นำทีมผู้บริหารแถลงทิศทางและกลยุทธ์ธุรกิจปี 2567 ชูทีม R&D หัวใจการพลิกโฉมแบรนด์สู่นักสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัวแคมเปญแห่งปี Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม หนุนฮีโร่ของคนไทยร่วมสร้างแรงบันดาลใจและพัดพลังบวกให้คนไทยก้าวทันทุกการเปลี่ยนแปลง เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศแถบอาเซียน ตั้งเป้ายอดขายปี 2567 เพิ่มขึ้น 10%
คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายและการตลาด (Sales & Marketing Assistant Managing Director) บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า พัดลม ‘ฮาตาริ’ เป็นแบรนด์พัดลมสัญชาติไทย 100% ดำเนินธุรกิจเคียงข้างคนไทยมายาวนานถึง 34 ปี และครองตลาดยอดขายพัดลมอันดับ 1 มาโดยตลอด ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยนแปลงไปและผู้บริหารเจเนอเรชันใหม่มาสานต่อธุรกิจ แต่ฮาตาริยังคงเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งมองว่าปัจจัยหลักมาจากการยึดมั่นในคำสอนของคุณจุน และ คุณสุนทรี วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ฮาตาริจนประสบความสำเร็จจวบจนทุกวันนี้ ที่ว่า “โตจากเรื่องลม ทำเรื่องลมให้ดีก็เพียงพอ” ผสานกับ Brand Positioning ที่สอดรับกับวิถีชีวิตผู้คนและโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ ฮาตาริ เป็นสายลมที่พัดไปข้างหน้าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง (Harnessing the Wind of Change) นั่นเอง

คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายและการตลาด (Sales & Marketing Assistant Managing Director)
“การเข้ามาบริหารงานช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เล็งเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค่อนข้างหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามองว่าการพาแบรนด์ขยับก่อนเทรนด์อนาคตที่จะมาถึงเป็นข้อได้เปรียบ ที่จะทำให้รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจด้านนี้ไว้ได้ รวมถึงการวางเป้าหมายอนาคตโดยมุ่งสร้างสรรค์แบรนด์ฮาตาริผสานเข้ากับวิถีชีวิตผู้คนทุกเจเนอเรชันได้อย่างไร้รอยต่อ จะทำให้ผู้บริโภคและแบรนด์เติบโตไปพร้อมๆ กัน” คุณชัญญา กล่าว
ด้าน คุณทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการวิจัยและพัฒนา (Research & Development Assistant Managing Director) กล่าวเสริมว่า ในปีนี้ให้น้ำหนักกับการทำ Branding โดยชู Core Essence ของแบรนด์ บนหลักการ Design Value 4 ส่วน ประกอบด้วย ‘Form’ รูปลักษณ์ภายนอก, ‘Details’ รายละเอียดผลิตภัณฑ์, ‘CMF’ (Colour, Material, and Finish) สีและวัสดุ, และ ‘Interaction’ ความรู้สึกที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาเข้าถึงทุกครอบครัว โดยในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ฮาตาริจับมือกับ Habits Design Studio สตูดิโอด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากมิลานที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และมีประสบการณ์ออกแบบให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย เพื่อพัฒนา ‘การออกแบบ’ มุ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างองค์ความรู้ดั้งเดิมของฮาตาริด้านการผลิตสินค้าที่เข้าใจคนไทย เข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการออกแบบ พลิกโฉมแบรนด์ให้กลายเป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิต แต่กลายเป็น ‘นักสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์’ ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่

คุณทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการวิจัยและพัฒนา (Research & Development Assistant Managing Director)
“ปัจจุบันเรามีทีม R&D วิจัยและวิคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงเทรนด์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เพราะเรามองว่า ‘Consumer Research’ เป็นหัวใจสำคัญทางธุรกิจ ซึ่งเราทำทั้งในเชิงวิจัยปริมาณ และวิจัยคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทำให้เราพบสิ่งที่น่าสนใจหลายด้าน เช่นว่า อดีตค่านิยมหรือความนิยมของผู้บริโภคต่อพัดลม โดยเฉพาะในชุมชนเมือง รวมถึงตลาดในแถบอาเซียนด้วย จะชื่นชอบพัดลมที่มีความแวววาว สีสันสะดุดตา การออกแบบตัววัสดุจึงต้องเน้นความโดดเด่น แต่ปัจจุบัน เทรนด์ผู้บริโภคในเมืองชื่นชอบกับสินค้าที่มีความมินิมอล เพิ่มความโค้งมนให้ดูสบายตา เน้นความเรียบง่าย เนื้อสัมผัสแบบด้าน ที่มาในโทนสีพาสเทล ขาว ดำ จะได้รับความนิยมสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือในต่างจังหวัด อาจยังชื่นชอบพัดลมที่มีสีสันอยู่ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เรานำมาพิจารณาปรับกลยุทธ์ส่วนแบ่งตลาดในภาคการผลิตและจัดจำหน่ายให้เหมาะสม” คุณทัศน์ลักษณ์ กล่าว
ขณะเดียวกันวิถีชีวิตใหม่ผู้คนเริ่มใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในบ้านจึงไม่เป็นเพียงแค่ข้าวของเครื่องใช้อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ตกแต่งบ้าน อันสะท้อนถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ทำให้แบรนด์ต้องเข้าใจ ใส่ใจและพิถีพิถันในการออกแบบเพื่อให้ตรงใจ และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดนั่นเอง จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เราอยู่ระหว่างทยอยปรับเปลี่ยนดีไซน์พัดลมรุ่นเก่าที่มีอยู่ให้ทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น รวมถึงพัดลมรุ่นใหม่ที่เหมาะกับผู้บริโภคยุคปัจจุบันมากขึ้น เช่น พัดลมพกพา พัดลมตั้งโต๊ะ และในปีนี้เราจะเปิดตัวพัดลมรุ่นใหม่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดอีกด้วย
ด้านคุณชัญญา กล่าวเสริมว่า อย่างที่คุณทัศน์ลักษณ์กล่าวข้างต้น ในฐานะที่ฮาตาริเป็นแบรนด์สัญชาติไทย เราจึงมุ่งเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและเติบโตไปกับทุกช่วงจังหวะชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง โดยปี 2567 นี้ ฮาตาริ วางกลยุทธ์สื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้เชื่อมโยงเข้ากับ ไลฟ์สไตล์ชีวิตผู้คนที่หลากหลายและแตกต่าง อย่างเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เราได้จัดทำแคมเปญ ‘คนติดCOOL’ ที่เป็นครั้งแรกของฮาตาริที่ผลิตพัดลมขนาดเล็กและนำเสนอพัดลมพกพาที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ชีวิตกลางแจ้งของคนไทยในปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นยังทำกิจกรรมมัดใจแฟนด้อมศิลปิน ‘แบมแบม’ ออกพัดลมพกพาสีพิเศษ เป็นสีเขียวมะนาว #อากาเซ่ติดCOOL เพื่อคลายร้อนในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย
ยิ่งกว่านั้น ในเดือนมิถุนายนนี้ เรากำลังจะเปิดตัวแคมเปญแห่งปี โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฮาตารินำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่จะเป็นสายลมแห่งคำตอบ มุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาทุกอย่างให้ไกลยิ่งกว่าเดิม มาเล่าผ่านฮีโร่ของคนไทยในหลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์หนึ่งในใจคนไทยที่จะพัดพลังบวกและเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจอีกมากมาย
“ตลอดระยะเวลา 34 ปีที่ผ่านมา เราสั่งสมประสบการณ์จนสามารถพูดได้ว่า เรื่องผลิตพัดลม ฮาตาริมีความเชี่ยวชาญไม่เป็นรองใคร ปัจจุบันมีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่ผลิตชิ้นส่วนถึง 90% ด้วยตนเอง ทำให้สามารถผลิตพัดลมรูปแบบต่างๆ อาทิ พัดลมพกพา พัดลมเคลื่อนที่ พัดลมอุตสาหกรรม พัดลมระบายอากาศ พัดลมไอเย็น เครื่องฟอกอากาศ รวมไปถึงชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ (Spare parts) อีกทั้งยังมีการรับรองมาตรฐานการผลิต การรับประกันสินค้า ที่เมื่อสินค้าเกิดเหตุขัดข้องเรามีบริการหลังการขาย คอยดูแลเรื่องอะไหล่และชิ้นส่วนได้อย่างครบวงจรที่สุด ทำให้ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีแบรนด์พัดลมจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและถูกกว่าท้องตลาด แต่ผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่ยังให้ความไว้วางใจในคุณภาพของแบรนด์ฮาตาริเป็นอันดับหนึ่ง” คุณชัญญา กล่าว
คุณชัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากตลาดภายในประเทศที่เราเติบโตอย่างแข็งแกร่งเสมอมา เราเล็งเห็นศักยภาพของแบรนด์ที่จะเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยปีนี้เราวางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ราว 10% โดยโฟกัสประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เป็นต้น เนื่องจากปัจจัยทางภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นกว่าทุกปี รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงกัน ล้วนส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตทางธุรกิจ ทำให้ปีนี้เราคาดการณ์ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปี 2566 และมุ่งมั่นขับเคลื่อนแบรนด์พัดลมฮาตาริให้เป็นสายลมที่พัดไปข้างหน้าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเคียงข้างทุกครอบครัวอย่างแท้จริง