อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
ประเทศเซอร์เบียกลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียลไทย หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ตอบคำถามสื่อว่าอยากไปเที่ยวเซอร์เบียเพราะทะเลสวย จนมีการแชร์ข้อมูลว่าจริงๆ แล้วเซอร์เบียเป็นดินแดนที่ ‘ไม่มีทางออกสู่ทะเล’ แต่ในเวลาเดียวกัน ที่เซอร์เบียก็มี ‘ข่าวใหญ่’ เพราะรัฐบาลกำลังรณรงค์ให้คน ‘ไม่มีปืน’ โดยเสนอนิรโทษกรรมให้คนที่ยอม ‘ปลดอาวุธ’ ให้กับรัฐ โดยนี่คือมาตรการป้องกันอาชญากรรมหลังเกิดเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญ 2 ครั้งใหญ่ในประเทศ
รัฐบาลเซอร์เบียกำลังได้รับคำชมอย่างมากจากองค์กรในตะวันตกที่เคลื่อนไหวต่อต้านการใช้อาวุธปืนก่อความรุนแรง เพราะหลังจากเกิดเหตุกราดยิงร้ายแรง 2 ครั้ง รัฐบาลเซอร์เบียก็ประกาศนโยบายควบคุมปืนโดยเสนอโครงการนิรโทษกรรมผู้ถือครองอาวุธปืนที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย (Gun Amnesty) ต้นเดือนพฤษภาคม 2023 โดยระบุว่า ถ้าใครยอมปลดอาวุธและส่งคืนให้กับรัฐในเวลาที่กำหนดก็จะไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองอาวุธปืนเถื่อน
เว็บไซต์ The Guardian เปรียบเทียบท่าทีของเซอร์เบียกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมองว่าในสหรัฐฯ มีการก่อเหตุกราดยิงโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 200 คดี แต่กลับไม่เคยมีการเสนอมาตรการควบคุมอาวุธปืนที่ต้นเหตุแบบเดียวกับเซอร์เบีย โดยมาตรการส่วนใหญ่มักจะถูกคัดค้านจากกลุ่มตัวแทนผู้ถือครองปืนและบริษัทผลิตอาวุธปืนที่อ้างอิงข้อความในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ระบุว่า “ประชาชน ‘มีสิทธิถือครองอาวุธ’ เพื่อปกป้องตนเอง”
ด้วยเหตุนี้ การเสนอนิรโทษกรรมผู้ถือครองปืน เพื่อจะลดจำนวนคนมีปืนให้เหลือน้อยที่สุดของเซอร์เบีย จึงเป็นที่จับตามองจากหลายประเทศ และก็มีการประเมินคร่าวๆ ว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จดีกว่าที่คิด เพราะมีคนทยอยนำปืนมาส่งมอบให้ที่สถานีตำรวจแต่ละท้องถิ่นทั่วเซอร์เบีย รวมแล้วเกือบๆ 6,000 กระบอก ในเวลาเพียง 2 วันที่ประกาศเริ่มโครงการ
และไม่เพียงแค่ส่งมอบปืน แต่ยังรวมถึงกระสุนปืนอีกราวๆ 300,000 นัด และวัตถุระเบิดอื่นๆ อีกประมาณ 470 ลูก ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกแจกแจงอย่างละเอียดทางบัญชีอินสตาแกรม ‘กระทรวงมหาดไทย’ ของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแลโครงการนี้ ซึ่งมีการขีดเส้นตายชัดเจนว่าถ้าหลังจากวันที่ 8 มิถุนายน 2023 แล้วตรวจพบว่าใครยังมีปืนเถื่อน (รวมถึงกระสุนปืนและอาวุธอื่นๆ) อยู่ในครอบครอง จะเจอกับบทลงโทษที่ถูกปรับแก้ให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ส่วนเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ทำให้รัฐบาลเซอร์เบียต้องลุกขึ้นมาสะสางปัญหาอาวุธปืนเถื่อนในประเทศมีต้นตอจากเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2023 เด็กชายวัย 13 ปีคนหนึ่งนำปืนของพ่อมาเปิดฉากยิงเพื่อนๆ นักเรียนชั้นประถมด้วยกันในโรงเรียนกลางกรุงเบลเกรด มีผู้เสียชีวิต 17 ราย และวันต่อมา ชายหนุ่มวัย 20 ปีก็ใช้ปืนออโต้กราดยิงในย่านชานเมืองทางตอนใต้ของประเทศ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
The Washington Post รายงานว่า เซอร์เบียเป็นประเทศที่มีสัดส่วนอาวุธปืนเฉลี่ยต่อจำนวนประชากรสูงกว่าประเทศอื่นๆ แถบยุโรป โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นปืนที่คนถือครองตั้งแต่ช่วงเกิดสงครามกลางเมืองราวๆ ยุค 1990’s จนกระทั่งเซอร์เบียประกาศเอกราชและแยกตัวจากยูโกสลาเวีย (รวมถึงมอนเตเนโกร) กลายเป็นประเทศในโลกสมัยใหม่ได้สำเร็จเมื่อปี 2006 แต่ก็ยังไม่เคยมีการปลดอาวุธกันอย่างจริงจัง
หลังเกิดเหตุกราดยิงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงกลายเป็นชนวนให้คนนับหมื่นออกมาประท้วงตามท้องถนนในหลายพื้นที่ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมและจัดการการครอบครองอาวุธปืน และตำรวจยังได้ดำเนินคดีเอาผิดกับพ่อของเด็กและวัยรุ่นที่นำปืนมาก่อเหตุกราดยิงด้วย เพราะเข้าข่ายครอบครองปืนโดยไม่มีใบอนุญาตและประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต
อ้างอิง
- EuroNews. Drop your weapons: Serbia starts guns amnesty after two mass shootings shock nation. https://bit.ly/3LPl49e
- The Guardian. Serbia acted after two mass shootings – the US has done nothing despite 200 this year. https://bit.ly/3O6t20y
- The Washington Post. Serbians hand over thousands of weapons after mass shootings. https://wapo.st/41trrVQ