ลดหย่อนภาษี ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา! บริจาค กสศ. ลดหย่อนภาษี 2 เท่า สรรพากรขยายเวลาถึงสิ้นปี 66
นับเป็นอีกข่าวสำคัญในแวดวงการศึกษาช่วงที่ผ่านมา เมื่อกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้ประกาศขยายเวลาลดหย่อนทางภาษีแก่ผู้บริจาคเงินและทรัพย์สินให้ กสศ. ออกไปอีก 3 ปี จนถึงสิ้นปี พ.ศ.2566 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จักกับ กสศ. มาก่อน เราขอแนะนำกันสักนิดว่า ‘กสศ.’ หรือ ‘กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา’ เป็นองค์กรที่เดินหน้าสร้างความเสมอภาคด้วยการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้อยโอกาส และเด็กที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา รวมถึงเด็กที่กำลังเผชิญวิกฤตทางการศึกษาจากสถานการณ์โควิด-19 โดยร่วมมือจากภาครัฐ ประชาชน ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย
นอกเหนือจากงบประมาณที่ กสศ. ได้รับเพื่อนำไปขับเคลื่อนงานด้านการศึกษานั้น เงินบริจาคจากภาคประชาชนยังช่วยเติมเต็มโอกาสทางการศึกษา ซึ่ง กสศ.มีกลยุทธ์สำคัญในการระดมทุน โดยมีเครื่องมือระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา อย่าง ระบบ iSEE ในการค้นหากลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างแม่นยำ
ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีมากนัก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำซ้ำเติมความเลวร้ายและเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น สถานการณ์โรคระบาดทำให้เด็กและเยาวชนด้อยโอกาสหลายแสนคนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือบางครั้งอาจจะย่ำแย่ถึงขาดแคลนเรื่องของอาหาร
เพราะฉะนั้น เงินบริจาคเพื่อช่วยสมทบทุนกับทาง กสศ. ยังเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่เสมอ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ
“สำหรับบุคคลธรรมดาจะลดหย่อนภาษีได้เป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายได้เป็น 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร”
อย่าเพิ่งตกใจไป ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ สำหรับคนทั่วไป การบริจาคให้กับ กสศ. สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีได้เป็น 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาคจริง ซึ่งนำมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มบริจาค แต่ต้องเป็นการบริจาคแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E–Donation) เท่านั้นนะ
ถามต่อว่า ทำไมการบริจาคให้กับกสศ. ถึงได้การลดหย่อนเป็น 2 เท่า?
เหตุผลก็เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการยกระดับการศึกษาของประเทศ ซึ่งการศึกษานั้นถือเป็นรากฐานสำคัญ สามารถช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระยะยาว เพราะเมื่อคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้มากขึ้น มีการศึกษาที่ดีขึ้น นำไปสู่การสร้างโอกาส สร้างรายได้ที่ดีขึ้น นอกเหนือจากนั้นถ้าประเทศมีคนทำงานที่มีศักยภาพและทักษะที่ดี ต่างชาติก็จะมาลงทุน ประเทศก็มีความสามารถในการแข่งขัน
ภาพรวมก็คือได้ลดหย่อนภาษี ได้ช่วยการศึกษาของเด็กๆ ที่เข้าไม่ถึงโอกาส และได้ยกระดับประเทศไปในเวลาเดียวกัน
แล้วถ้าถามต่อว่า เงินในส่วนนี้ถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง ทาง กสศ. ก็มีการรายงานอยู่ตลอดมั่นใจได้แน่นอน อย่างในช่วง 2 ปีภาษีแรกที่ กสศ. เริ่มดำเนินงาน มีประชาชนและหน่วยงานภาคเอกชนมากกว่า 15,000 คน และ 200 องค์กร บริจาคเงินผ่าน กสศ. รวมทั้งสิ้นประมาณ 74 ล้านบาท โดยมีเด็กเยาวชนผู้ยากจนและด้อยโอกาสในภาวะวิกฤตทางการศึกษาราว 70,000 คน ทั้งนี้เงินบริจาคเหล่านั้นได้ถูกนำไปสนับสนุนและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ผ่าน 4 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่
- โครงการสู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือเพื่อมื้อน้อง ช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษที่ขาดแคลนอาหารในวิกฤตโควิด-19 ครอบคลุม 77 จังหวัด รวม 604,980 มื้อ
- โครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ช่วยเด็กกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า 22,000 กรณี ให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดในทุกมิติ ทั้งด้านสุขภาพกาย–ใจ สังคม การศึกษา จนกลายเป็นโมเดลการช่วยเหลือระดับประเทศ
- ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาเป็นอาสาสมัครจำนวน 300 คน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือเด็กเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษา โดยเฉพาะช่วงชั้นรอยต่อที่กำลังจะออกจากโรงเรียนและต้องได้รับการช่วยเหลือทันที รวมถึงเด็กกำพร้าจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวนทั้งหมดอย่างน้อย 4,000 กรณี โดย 100 เปอร์เซ็นต์ของเงินบริจาคที่ กสศ. ได้รับ จะถูกส่งตรงไปที่เด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ไม่มีการหักค่าบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้น
- เครือข่าย ALL FOR EDUCATION ร่วมสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา จากเครือข่ายภาคเอกชน ภาคประชาสังคมตั้งต้นร่วมกันกว่า 16 องค์กร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาพร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้สละเงินเดือนบริจาคร่วมกับ กสศ. ด้วย
กลับมาที่กลยุทธ์สำคัญในการระดมทุน และระบบ iSEE กันสักนิด
iSEE เป็นระบบในการค้นหากลุ่มเป้าหมายเด็กเยาวชนและสถานศึกษาที่ต้องการการสนับสนุนจริงๆ เพราะถ้าพูดกันตามตรง งบประมาณของรัฐที่ทางองค์กรได้รับมาอาจไม่เพียงพอ และผลกระทบที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระบบ iSEE จะเข้ามาช่วยให้ผู้บริจาคช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้ถูกคน ตรงจุด ติดตามผลงานเปลี่ยนแปลงได้จริง
นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังสามารถประมวลผลสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและจำนวนนักเรียนยากจนพิเศษในระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด สถานศึกษา ไปจนถึงระดับผู้เรียน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย
iSEE จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การบริจาคและการช่วยเหลือมีความชัดเจน มีการนำข้อมูลมาใช้ และติดตามผลได้จริง
สุดท้ายนี้ ทั้ง BrandThink และ กสศ. ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมบริจาคสมทบเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษา จากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะช่วงชั้นรอยต่อที่กำลังจะหลุดออกนอกระบบให้ได้กลับมาเรียน
ใครสนใจสามารถบริจาคได้ง่ายๆ ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (E-Donation) https://donate.eef.or.th หรือโอนเงินผ่านธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี : กสศ.มาตรา 6(6) – เงินบริจาค เลขบัญชี 172-0-30021-6 พร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินเป็นรูปภาพหรือรูปถ่าย มาที่ [email protected] สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-079-5474