Give.me.museums จากครีเอทีฟเอเจนซี่โฆษณา สู่เส้นทางศิลปินสไตล์จัดจ้าน

3 Min
1082 Views
22 Mar 2021

Select Paragraph To Read

  • เส้นทางชีวิตที่วาดด้วยศิลปะ
  • ชีวิตศิลปินมากโหมด หลายเฉดสีสัน
  • พื้นที่เติมเต็มผลงานศิลปะ เพิ่มพูนความสุข
  • ความแปลกที่ไม่เหมือนใคร ให้ผลงานในกระดาษ ไปอยู่บนสินค้า
  • ศิลปินครบเครื่องทั้งวาดภาพและการตลาด
 
‘สีสัน ดอกไม้ ทุ่งหญ้า ท้องฟ้า และฝีแปรง’
เอกลักษณ์โดดเด่นที่ทำให้หลายคนจดจำผลงานได้ดี ในการเป็นศิลปินให้แตกต่างจากคนอื่นของ ออย-คนธรัตน์ เตชะไตรศร หรือหลายคนรู้จักกันในชื่อว่า Give.me.museums
 
ในตอนนี้เองเธอกำลังมีนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรก ‘Blooming Home’ ที่ใช้ภาพสีเทียนแห่งจินตนาการ ความรู้สึก และสีสันของธรรมชาติ ซึ่งพูดถึงการเดินทางของหญิงสาวที่เริ่มวาดรูปโดยใช้สีเทียน จากการใช้ความรู้สึกเป็นหลัก และจินตนาการเพิ่มเติมสีสันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบลงบนกำแพงบ้าน
 
หลังจากที่ใครได้ไปชมนิทรรศการมาแล้ว ก็สามารถรู้จักเส้นทางกว่าจะเป็นศิลปินของ ‘ออย-คนธรัตน์ เตชะไตรศร’ ให้มากกว่าภาพงานศิลปะบนผืนผ้าใบแคนวาส ผ่านบทสัมภาษณ์นี้เลย
 

เส้นทางชีวิตที่วาดด้วยศิลปะ

ออยในวัยเด็กที่สนใจในศิลปะ เดินสายประกวดวาดรูปมาตลอด พอเข้าสู่วัยทำงานก็มาทำด้านครีเอทีฟให้เอเจนซี่โฆษณา โดยงานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลูกค้า ทำให้มีกรอบมาครอบความคิดสร้างสรรค์ของเธอ กลายเป็นว่าตัวตนของเธอสวนทางกับการทำงาน

จากการทำงานค่อนข้างเครียด ทำให้ออยกลับมาวาดรูปเป็นงานอดิเรก เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย หลังจากที่ไม่วาดมานานแต่เพราะผลพ่วงจากการทำงานโฆษณาที่สอนวิธีขายงาน ทำให้เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น จนกระทั่งมาถึงจุดๆ หนึ่งที่แบกความหนักของงาน และสิ่งที่ชอบไว้ไม่ไหว จึงต้องเลือกเส้นทางชีวิต เพื่อลองทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเอง

ชีวิตศิลปินมากโหมด หลายเฉดสีสัน

สไตล์การวาดภาพของออยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดหรือตั้งใจว่าต้องเจอสไตล์อย่างไร หรือได้รับแรงบันดาลใจมาจากใคร แต่ส่วนใหญ่ถ่ายทอดออกมาจากการสังเกตสิ่งเล็กๆ รอบตัว หรือจากการท่องเที่ยวให้ออกมาเป็นสไตล์ที่ถนัด เมื่อเธอวาดแล้วรู้สึกสบายใจ

ออยสนุกสนานในวาดรูป การเลือกคู่สี และจากการนำหลายๆ สีไม่ว่าจะเป็นสีน้ำมัน สีชอล์ก สีอะคริลิค สีไม้มาทดลองผสมปนกัน จนบางครั้งได้เป็นเทกเจอร์ใหม่ๆ ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

“มนุษย์ก็เป็นแบบนั้น”

ออยเลยชอบใช้สีสันเยอะๆ ลงบนภาพหนึ่งภาพ เพราะชีวิตเธอก็เหมือนกันมีหลายโหมด หลายเฉดสีค่อยๆ ไล่ไปแต่ละเฉด ไม่ได้สดใสตลอดเวลา มีซีเรียสสลับบ้าง

พื้นที่เติมเต็มผลงานศิลปะ เพิ่มพูนความสุข

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ราว 2 ปีที่ออยเริ่มเปิด ‘Give me museum’ ด้วยโปรดักส์สินค้าก่อนแล้วค่อยเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นว่า ออยเป็นศิลปินจากการติดตามในอินสตาแกรม และทวิตเตอร์ผ่านผลงานต่างๆ ของเธอ

“Give me a museum and I will fill them”

คำพูดของปาโบล ปิกัสโซ่ ที่ออยหยิบยกมาใช้เป็น Give me museum เพราะเธอมองว่า มิวเซียมเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะที่ต้องการให้มีมากขึ้นและสามารถเข้าถึงทุกคนได้

และเซนส์ถึงความรู้สึกน่าหมั่นไส้ของเขาว่า เป็นคนมั่นใจมากขนาดไหนที่บอกจะเอางานไปโชว์ให้เต็มหมด ทั้งๆ ที่มิวเซียมมีขนาดใหญ่มาก แต่เขากลับบอกว่า “ส่งพิพิธภัณฑ์เข้ามาให้ฉันสิ แล้วฉันจะเติมมันให้เต็มเอง”

“พลังบวกส่งผ่านศิลปะ”

นิยามของ Give me museum กับเป้าหมายของออยที่อยากให้คนเห็นผลงานของเธอแล้วมีความสุข และในอนาคตเธอยังอยากทำสตูดิโอหรือเปิดเป็นโรงเรียน เพื่อให้โอกาสคนที่มีความตั้งใจอยากเรียนรู้ศิลปะ

ความแปลกที่ไม่เหมือนใคร ให้ผลงานในกระดาษ ไปอยู่บนสินค้า

ศิลปินคนอื่นทั่วไปมักจะเริ่มต้นจากการวาดเป็นรูปปกติ แต่สำหรับออยข้ามขั้นไปมากกว่านั้น เธอเริ่มต้นวาด ‘แวนโก๊ะ’ เป็นสติกเกอร์ สืบเนื่องมาจากช่วงเวลาหนึ่งที่เธอศึกษา ชื่นชมผลงาน วาดภาพเขาบ่อยมากๆ เพราะอยากวาดเองใช้เอง แต่น่าเสียดายที่สติกเกอร์ในตอนนั้นคนยังไม่ค่อยอิน และเป็นที่ต้องการเหมือนตอนนี้

“งานศิลปะบนกระดาษมันก็ดูปกติ”

ความรู้สึกของออยที่นำมาสู่สินค้าที่หลากหลายของ Give me museum จากการลองขยับจากกระดาษเคลื่อนมาอยู่บนวัสดุพื้นผิวชนิดอื่นๆ เช่น กระเป๋า หมวก ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ เพื่อเพิ่มความพิเศษ และคุณค่าให้งานศิลปะมากขึ้น

ศิลปินครบเครื่องทั้งวาดภาพและการตลาด

“เราไม่สามารถวาดรูปอย่างเดียวแล้วสวย แล้วดีได้”

วิธีอยู่รอดของออยกับการเป็นศิลปินให้มั่นคง และเสถียร ในยุคสมัยที่ IIlustrator ก่อกำเนิดเพิ่มขึ้นทุกวัน เธอไม่ได้คิดว่า ควรวาดรูปเก่งอย่างเดียว แต่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานไปกับศึกษาการตลาด มีวิธีการพรีเซนส์ตัวเอง รู้ว่า โปรดักส์นี้มีกลุ่มเป้าหมายให้ใครใช้ ใครซื้อ หรือออกแบบมาเพื่อใครซื้อไปเก็บเป็นของสะสม

มีแค่ไอแพดเครื่องเดียวก็เป็นศิลปินได้?

สำหรับออยการเป็นศิลปิน มันมีปัจจัยมันมากกว่าแค่ไอแพด เพราะไม่ว่าจะการทำงานอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ การฝึกฝน ความพยายาม และความคิดสร้างสรรค์

“อยากมีความสุขในปีหน้า”

ออยฝากทิ้งท้ายว่า ทุกคนสามารถผิดพลาดได้ แต่ผิดแล้วต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ผิดแล้วก็เข้าข้างตัวเองว่าไม่ผิด ต้องมีสติถอยออกมาเป็นบุคคลที่สามแล้วมองเข้าไปว่า เหตุการณ์นี้ผิดไหม รีบเคลียร์ สรุปให้เร็ว อย่าไปจมอยู่ รู้ และเข้าใจ แล้วก็ปล่อย

บางทีคงถึงเวลาที่ใจดีกับตัวเอง ให้อภัยตัวเองบ้าง ทีคนอื่นยังให้อภัยได้