รู้จักโครงการ ‘บริจาคลดหย่อนภาษี แถมฟรีของดีท้องถิ่น’ ที่ญี่ปุ่นทำมาเพื่อสนับสนุน ‘ต่างจังหวัด’ ในยุคสังคมผู้สูงอายุ
ในโลกนี้ ประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหา ‘สังคมผู้สูงอายุ’ หนักที่สุดคือญี่ปุ่น ซึ่งมันมีหลายมิติ แต่มิติที่เราจะพูดถึงในที่นี้คือมิติเรื่อง ‘รัฐบาลต่างจังหวัด’ ไม่มีเงิน
โดยทั่วไปในโลก รายได้ของหน่วยงานรัฐส่วนท้องถิ่นที่เอาไว้ทำนุบำรุงท้องถิ่น ตั้งแต่เรื่องพื้นๆ อย่างทำถนนให้เรียบ ซ่อมหลอดไฟริมทาง ซ่อมท่อน้ำทิ้งให้พร้อมใช้งาน ไปจนถึงจัดโครงการโปรโมตการท่องเที่ยวนั้นจะมีที่มาหลักๆ จากภาษีที่เรียกว่า ‘ภาษีท้องถิ่น’ ซึ่งก็มีได้ในหลายรูปแบบ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปจนถึงภาษีผู้พำนักที่จะเก็บคนที่อยู่อาศัยในท้องถิ่นนั้นๆ
ญี่ปุ่นมีภาษีทั้งสองแบบและนี่ก็เป็นเหตุผลให้ญี่ปุ่นสามารถ ‘กระจายความเจริญ’ ไปสู่ท้องถิ่นได้มายาวนาน นั่นก็เพราะท้องถิ่นมีแหล่งรายได้โดยตรงเพื่อเอาไปพัฒนาท้องถิ่น ไม่ต้องรอการอนุมัติงบจากรัฐบาลหรือส่วนกลาง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนญี่ปุ่นย้ายจากชนบทเข้าเมืองเยอะมาก ในปี 1960 คนญี่ปุ่นราวๆ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ แต่พอมาปี 2020 ตัวเลขมันขึ้นมาเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าคนญี่ปุ่นในชนบทอันกว้างใหญ่ คิดเป็นจำนวนไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด
แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผล คนย้ายเข้าเมืองกันเพราะงานดีๆ มันอยู่ในเมืองทั้งนั้น แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็น ‘หายนะ’ ของชนบทเลย เพราะมันไม่มีใครอยู่จ่ายภาษี รายได้ก็หดหาย และก็คงไม่ต้องพูดถึงปรากฏการณ์ที่คนญี่ปุ่นที่มีบ้านอยู่ในต่างจังหวัดนั้นทิ้งบ้านให้ร้าง โดยไม่เคลมเป็นเจ้าของ เพราะถ้าเคลมไปก็โดนภาษี 1.7 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าบ้านต่อปี และนั่นจึงทำให้ทุกวันนี้ในญี่ปุ่นมี ‘บ้านร้าง’ อยู่ถึงราวๆ 10-20 เปอร์เซ็นต์ของบ้านทั้งหมด
ภาวะนี้คือหายนะของ ‘บ้านนอก’ คือไม่มีคนอยู่ ถนนหนทางก็ไม่มีงบประมาณที่จะดูแลให้ดีๆ สภาพก็เสื่อมลง คนก็ยิ่งย้ายออกกันเข้าไปใหญ่
ในปี 2007 รัฐบาลญี่ปุ่นก็เลยมีโปรแกรมชื่อ ‘Furusato Nozei’ ถ้าแปลตรงๆ ก็จะแปลได้ว่า ‘ภาษีบ้านเกิด’ แต่แปลแบบนี้งงแน่ เพราะจริงๆ มันคือโปรแกรมลดหย่อนภาษีที่คนจะสามารถเลือกบริจาคให้เป็นงบประมาณแก่เมืองไหนก็ได้ในญี่ปุ่น ซึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะบริจาคเป็นงบประมาณด้านไหน เช่น การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร ฯลฯ หรือจะบริจาคเข้าส่วนกลางให้เมืองไปตัดสินใจเองว่าจะใช้ในส่วนไหนก็ได้
โดยเมืองที่เข้าโครงการก็จะต้องมี ‘ของขวัญ’ ให้กับคนที่บริจาคเงินให้ หรือพูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ แต่ละเมืองจะเลือกให้ว่าให้คนบริจาคได้เท่าไหร่และของขวัญที่จะได้รับนั้นคืออะไร ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นพวก ‘ของดีประจำท้องถิ่น’ ตั้งแต่ลิ้นวัววากิวอย่างดี ไข่ปลาเมนไทโกะ องุ่นไชน์มัสแคท แอปเปิลฟูจิ หรือแพคเกจที่พักหรือตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวก็มีเช่นกัน
ของขวัญเหล่านี้ เอาจริงๆ ถ้าดูราคาก็จะพบว่าต่ำกว่าเงินที่ต้องบริจาคเยอะ เรียกได้ว่าบริจาคไปเป็นหมื่น แต่ของขวัญที่ได้รับกลับมานั้นอยู่ที่หลักพัน แต่ประเด็นสำคัญมันคือการ ‘ลดหย่อนภาษี’ ไง หรือพูดให้ตรงคือมันเป็นการ ‘ย้ายภาษี’ จากที่เคยจ่ายให้ส่วนกลาง มาจ่ายให้ท้องถิ่นตรงๆ คนที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้วก็ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มเลย แถมได้ ‘ของดีท้องถิ่น’ มาอีกต่างหาก
โปรแกรมแบบนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ญี่ปุ่นมันมีการพัฒนา ‘ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น’ ขึ้นมาจนสามารถบอกได้ชัดๆ ว่า เมืองไหนมีอะไรดี (ถ้าใครคุ้นๆ ไอเดีย ‘โอท็อป’ ของบ้านเรา ก็เอามาจากญี่ปุ่นนี่แหละ) นอกจากเป็นการสนับสนุนรายได้ส่วนกลางของเมืองแล้ว ก็ถือเป็นการอุดหนุน ‘ของดีท้องถิ่น’ ไปพร้อมกันด้วย
แต่โปรแกรมแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเมืองที่ ‘หัวหมอ’ เมืองอิซุมีซาโนะเคยเข้าโครงการการนี้แล้วลิสต์ ‘ของดีเมือง’ เป็น ‘กิฟต์การ์ด’ ของเว็บไซต์ Amazon พูดง่ายๆ คือจงใจจะล่อให้คนมาบริจาคเมือง เพราะบริจาคแล้วจะ ‘ได้เงินคืน’ นั่นเอง กรณีนี้กลายเป็นเรื่องราวขึ้นโรงขึ้นศาล สุดท้ายศาลก็ฟันธงว่า ของที่เมืองต่างๆ จะนำมาเป็น ‘ของขวัญ’ ต้องเป็นของที่มีที่มาจากเมืองนั้นๆ เท่านั้น และต้องมีมูลค่าไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินบริจาคด้วย
ถามว่าทำไมมาเล่าเรื่องนี้ในตอนนี้? ประเด็นคือช่วงโควิด-19 คนญี่ปุ่นไม่ค่อยได้เที่ยว นักเที่ยวนักกินที่ชอบไปกิน ‘ของดีท้องถิ่น’ ก็รู้สึกอยากกินอยากเที่ยว ยอดของการบริจาคผ่านโครงการ Furusato Nozei ก็เลยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว เพราะต่างอยากได้ ‘ของดีท้องถิ่น’ ไปบริโภคให้หายคิดถึงช่วงเวลาที่ยังเดินทางเที่ยวกันได้ชิลๆ
และทั้งหมดนี้ก็อาจเป็นไอเดียดีๆ ที่บ้านเราอาจนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตก็ได้
อ้างอิง
- Atlas Obscura. In Japan, Taxpayers Enjoy Gifts of Fresh Fruit and Wagyu Steak. https://bit.ly/3KVASFu
- Tokyo Weekender. Furusato Nozei: An Introduction to Japan’s Hometown Tax Program. https://bit.ly/3qjutfi