ยุโรปร้อนจัด เป็นเหตุให้คน ‘ติดแอร์’ กันแพร่หลาย แต่ปัญหาคือ ไฟฟ้าพลังงานสะอาด เริ่มผลิตออกมาไม่พอใช้!
ในภาวะที่โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายต่อหลายชาติหันไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นโดยเฉพาะยุโรป หลายๆ ประเทศมุ่งมั่นจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมๆ กับใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้อากาศสะอาดและช่วยให้โลกไม่ร้อนขึ้น
ประเด็นคือ หน้าร้อนปีนี้ ‘ปัญหา’ เริ่มโผล่มาแล้ว หลายประเทศเริ่มมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พลังงานสะอาดที่คำนวณเผื่อเอาไว้แล้วเริ่มใช้ไม่พอ
และต้นตอของสาเหตุที่ทำให้ยุโรปเริ่มเข้าสู่ภาวะพลังงานไฟฟ้าไม่พอใช้นั้น อยู่ที่สิ่งเดียวเลยคือ ‘เครื่องปรับอากาศ’ หรือที่บ้านเราเรียกอย่างลำลองว่า ‘แอร์’
ในสมัยก่อน ยุโรปไม่ใช่ภูมิภาคที่ไม่ ‘ติดแอร์’ กันเลย ยุโรปโซนล่างๆ ที่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นโซนที่หน้าร้านค่อนข้างร้อนมาแต่ไหนแต่ไร และบ้านของผู้คนแถบนี้ก็ติดแอร์กันเป็นเรื่องปกติ ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นๆ ในสเปนและอิตาลี แต่ถ้าถัดขึ้นมาโซนข้างบน ก็จะเห็นเลยว่าไม่มีใครติดแอร์ตามบ้าน ขึ้นมาแถบฝรั่งเศสและเยอรมนียิ่งน้อย ไปจนแถบสแกนดิเนเวียยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะแถวนี้แทบไม่ติดแอร์กันเลย มีแต่ฮีตเตอร์เนื่องจากอากาศหนาวทั้งปี
แต่ช่วงหลังๆ หากใครตามข่าวฝั่งยุโรป ก็จะเห็นเลยว่าสื่อจะรายงานเรื่องอากาศร้อนถี่ขึ้น เพราะอากาศมันร้อนขึ้นทุกปี แบบมีตัวเลขชี้วัดได้ ไม่ใช่การคิดไปเอง ภาวะ ‘อากาศร้อนเกินปกติต่อเนื่องหลายวัน’ หรือ Heat Wave เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกปี และนั่นก็ทำให้คนเจ็บป่วยกันไม่น้อย
แน่นอน คนยุโรปไม่ได้จน การจะติดตั้งแอร์สักเครื่องไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรงในทางเศรษฐกิจ แต่สมัยก่อนเขามองว่ามันไม่จำเป็น เพราะอากาศร้อนจริงๆ มันก็มีไม่กี่วันต่อปี และสามารถจัดการได้ (ไม่ได้ต่างจากบ้านเราที่จริงๆ ก็มีวันอากาศหนาวจัดตามพื้นที่สูงๆ แต่โดยทั่วไปก็ไม่มีใครคิดจะติดฮีตเตอร์)
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมแบบมีตัวเลขคือฝรั่งเศส ย้อนไปในปี 2010 มีครัวเรือนฝรั่งเศสที่ ‘ติดแอร์’ น่าจะแค่ราวๆ 1 ใน 10 ตัดกลับมาปัจจุบัน ครัวเรือนฝรั่งเศสติดตั้งแอร์กันประมาณ 1 ใน 4 แล้ว และคาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าในปี 2035 ครัวเรือนฝรั่งเศสถึงครึ่งหนึ่งจะมีแอร์คอนดิชันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านกัน และแน่นอน การ ‘ระบาด’ ของแอร์ก็เริ่มจากทางตอนใต้ที่มีอากาศร้อนนี่เอง
ตรงนี้เราอาจสงสัยว่าจริงๆ มันก็ร้อนกันทั้งโลก ติดแอร์ก็จบ ทำไมจึงดูเป็นเรื่องใหญ่เป็นพิเศษในยุโรป
ประการแรก ตัวเลขชี้ชัดว่ายุโรปโดยรวมๆ อุณหภูมิสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลกเป็นเท่าตัว ถ้าที่อื่นร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส ยุโรปจะร้อนขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส และนั่นทำให้ยุโรป ‘ข้ามเส้น’ จากความร้อนปกติของหน้าร้อน มาเป็นความร้อนจนทนไม่ไหวและต้องติดแอร์แก้ปัญหา
ประการที่สอง การขยายตัวของการ ‘ติดแอร์’ ทำให้ยุโรปมีปัญหาพลังงาน และนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะอิตาลีและสเปนก็เกิดปัญหา ‘ไฟดับ’ ขึ้นจริงในช่วงหน้าร้อน เพราะคนกระหน่ำเปิดแอร์กันจนไฟฟ้าผลิตไม่พอ ทั้งนี้ยุโรปจะแก้ปัญหาแบบที่เขาแก้กันก็ได้ โดยการใช้พวกถ่านหินหรือน้ำมันแก้ปัญหาเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าแบบเฉพาะกิจช่วงหน้าร้อน ปัญหาคือ ถ้าทำแบบนี้มันจะทำให้เป้าการลดการปล่อยคาร์บอนแย่ลงอีก ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่านี่คือทวีปที่ผู้คนจริงจังเรื่องโลกร้อนระดับเลิกกินเนื้อสัตว์ ไปจนถึงหันมาปั่นจักรยานแทนการขับรถยนต์ นั่งรถไฟแทนขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นการทำให้โลกร้อนขึ้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดจึงไม่เคยเป็นเรื่องเล่นๆ และนั่นคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนในทวีปนี้ลังเลที่จะติดแอร์เรื่อยมา กระทั่งต้องมายอมแพ้เพราะอากาศร้อนจนทนไม่ไหวในที่สุด
ความหายนะอีกประการก็คือ หลายคนคงรู้ว่าที่จริงแล้วมันมีพวก ‘แอร์แบบพกพา’ ที่เอามาใช้แค่บางวันก็ได้ แต่ปัญหาจริงๆ อยู่ที่แอร์พวกนี้ใช้พลังงานหนักกว่าแอร์ติดผนังแบบเป็นเรื่องเป็นราวเสียอีก แล้วหากคนใช้แอร์แบบพกพากันจำนวนมาก มันก็จะยิ่งสร้างปัญหาพลังงานไปกันใหญ่
แต่ทั้งหมดนี้ มันคือโอกาสชั้นดีของบรรดาบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศ ยุโรปนั้นเรียกว่าเป็น ‘ตลาดเกิดใหม่’ ของเหล่าบริษัทเครื่องปรับอากาศเลย และก็คงจะขยายตัวไปอีกยาวๆ
สุดท้าย ในระยะยาว ภูมิทัศน์ยุโรปอาจเปลี่ยนไป หลายๆ โซนที่เป็นกำแพงเก่าจากยุคก่อน ก็อาจเริ่มมี ‘คอยล์ร้อน’ มาติดเพื่อระบายความร้อนจาก ‘คอยล์เย็น’ ของแอร์ที่ทำความเย็นให้ผู้คนภายในอาคาร แต่เรื่องพวกนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะยาว อย่างน้อยก็สำหรับทุกคนที่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องจริง
อ้างอิง:
- Bloomberg. Europe Finally Embraces Air Conditioning as Heat Waves Hit Hard. https://shorter.me/_VOCF